พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1278 ต้องตายให้หมด

บทที่ 1278 ต้องตายให้หมด

เห็นได้ชัดว่า ชายสวมหน้ากากคนนี้ก็สัมผัสได้ถึงสายตาของรพีพงษ์

พอออกจากกลุ่มคน ทั้งสองคนก็มองตากัน จากนั้น ชายสวมหน้ากากก็เดินตรงเข้ามาอย่างช้าๆ

รพีพงษ์คิ้วขมวดเล็กน้อย แล้วกำหมัดแน่น

พลังของชายหน้ากากคนนี้ เขาก็พอจะรู้เหมือนกัน

สามารถโจมตีตนเองจนต้องถอยร่นในฝ่ามือเดียว นอกจากยอดฝีมือแดนเทพแล้ว ไม่มีใครสามารถทำได้!

การต่อสู้อันดุเดือดก็เกิดขึ้น ด้านหลังของรพีพงษ์ก็คือห้องโถง ในตอนนี้ พวกแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายก็พากันหลบเข้าไปในห้องโถง คนของสำนักเทพยาเซียนและสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุก็พากันหลบอยู่ข้างหลังของรพีพงษ์

“คุณมาแล้วหรือ”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “นีย์ล่ะ? ทำไมเธอไม่ได้มากับคุณด้วย?”

ชายสวมหน้ากากก็พูเสียงแหบๆ ว่า “เรื่องแบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้หรอก!”

“คุณเป็นใครกัน ทำไมโผล่มาอยู่ที่นี่ แล้วยังฆ่าผู้อาวุโสชนุตร์ของเราอีกด้วย!”

บุณยผลก้าวออกมา แล้วชี้หน้าพูดกับชายสวมหน้ากาก

ชายสวมหน้ากากก็เงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม เพียงวินาทีเดียวเท่านั้น อาวุธลับชนิดเดียวกันก็พุ่งเข้ามาโจมตีบุณยผล

โชคดีที่รพีพงษ์จับจ้องการเคลื่อนไหวของชายสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา

ตอนที่ฝั่งตรงข้ามลงมือมานั้น ดาบยาวๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือของรพีพงษ์

ดังเป็นเสียงโลหะกระทบกัน

ดาบยาวค่อยๆจางหายไป แต่กลับค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางของอาวุธลับที่พุ่งมาจากด้านหน้า

อาวุธลับสีดำพุ่งถูหนังศีรษะของบุณยผลไป

บุณยผลยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ขนสันหลังก็ลุกฟู่

“วันนี้ พวกคุณทุกคนที่นี่ จะต้องตาย!”

ชายสวมหน้ากากพูดเสียงขรึมเย็นยะเยือก

รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิม ด้านหลังของเขาคือนักกลั่นยาของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุและสำนักเทพยาเซียน

และเป็นกลุ่มคนที่สุดยอดมากที่สุดในโลกนี้

ถ้าวันนี้ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ล่ะก็ เช่นนั้น โลกนี้ก็จะสูญเสียอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

“เชื่อผม ทุกคนถอยกลับเข้าไปในห้องโถงก่อน ห้ามออกมา!”

รพีพงษ์พูดเสียงดัง สายตาก็จ้องมองไปข้างหน้าตลอดเวลา

พวกของจิรภัทรก็ไม่รอรี การต่อสู้ระดับนี้ ต่อให้พวกเขาสละชีวิตเพื่อไปช่วย ก็เท่ากับไปตายเท่านั้น

“ไป ฟังที่รพีพงษ์บอก รีบไป!”

จิรภัทรและปยุตก็เรียกทุกคน แล้วก็ถอยกลับเข้าไปในห้องโถงด้วยกัน

ในตอนนี้ ที่นี่เหลือเพียงรพีพงษ์และชายสวมหน้ากากเท่านั้น

ส่วนคนที่ถอยกลับเข้าไปในห้องโถงนั้น ชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่ได้สนใจอะไร

“ก็แค่พวกสัตว์ที่รอการถูกเชือดเท่านั้น ให้พวกมันได้มีชีวิตต่ออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอก”

พอรพีพงษ์ได้ยิน สายตาก็เคร่งขรึมมากขึ้น

“ถ้าอยากจะฆ่าพวกเขาล่ะก็ ต้องมาถามกระบี่ในมือผมก่อนว่ามันเห็นด้วยหรือเปล่า!”

ขณะพูด กระบี่สยบเซียนก็อยู่ในมือ ท่าทางของรพีพงษ์ก็ฮึกเหิมขึ้นมา

พอเห็นกระบี่สยบเซียนที่มีแสงสีทองอร่ามทั่วทั้งดาบ ชายสวมหน้ากากก็อึ้งไปเล็กน้อย

“กระบี่สยบเซียนเล่มนี้อีกแล้ว แต่ว่าวันนี้ คุณไม่มีโอกาสจะหนีไปได้อีกแล้วล่ะ!”

ขณะพูด ชายคนนั้นก็ฮึกเหิม แล้วมวลพลังสีดำก็ค่อยๆ ลอยออกมา

บริเวณรอบก็บังเกิดลมพัดอย่างแรง ต้นไม้ถูกลมพัดจนเกิดเสียงออกมา

กรวดหินดินทรายที่พื้นก็ลอยไปมา รพีพงษ์ก็มีสายตาเคร่งขรึม ไอ้หมอนี่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว ต่อให้เป็นบนตัวของธีรพัฒน์ ก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับพลังที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน

ท่าหลิงอิ๋น!

รพีพงษ์ตะโกนออกมา มังกรสีทองก็ลอยออกมา

ดวงไฟขนาดใหญ่บดบังท้องฟ้า แล้วเข้าโจมตีฝั่งตรงข้าม

ในขณะเดียวกันนั้น กระบี่สยบเซียนก็ออกจากฝัก มีรัศมีกระบี่ยื่นยาว หลังจากหลอมรวมกับจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็บุกโจมตีตำแหน่งหัวใจของฝั่งตรงข้าม

นี่มันแทบจะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของรพีพงษ์แล้ว อีกทั้งจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็แข็งแกร่งกว่าก่อนมาก เพียงพอที่จะสร้างมังกรตัวใหญ่ออกมาได้

ดวงไฟก็เหมือนจะกลืนกินทุกสิ่ง ปลายกระบี่สยบเซียนที่ชี้ไป ก็ไม่คิดจะไว้ชีวิต

จากนั้น สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ตกใจก็คือ ชายสวมหน้ากากคนนี้กลับไม่หลบหลีกหนีไปแม้แต่น้อย แต่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

ทันใดนั้น เขาก็ยื่นฝ่ามือออกมา เพียงจังหวะหายใจ กำแพงสีดำก็ถูกสร้างขึ้นขวางไว้ตรงหน้า

ดวงไฟโจมตีไปยังกำแพงนั้น แต่กลับไม่ทำให้ชายสวมหน้ากากเป็นอะไรได้เลย

“นี่มัน……..”

รพีพงษ์ก็ตกใจมาก เห็นได้ชัดว่า กำแพงนี้เกิดจากที่ฝ่ายตรงข้ามใช้พลังทิพย์สร้างมันขึ้นมา

แล้วความแข็งแกร่งของพลังทิพย์นี้ มันก็เหมือนกับเกราะป้องกันอย่างดี ต่อให้มังกรยักษ์ตัวนี้และกระบี่สยบเซียนโจมตีพร้อมกัน ก็ไม่มีทางทำลายมันได้

โชคดีที่จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ได้หลอมรวมเข้ากับกระบี่สยบเซียนแล้ว เพียงใจนึก กระบี่สยบเซียนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณเทพรพีพงษ์ ก็จะบินออกไปด้านบน เพื่อข้ามกำแพงนั้น

จากนั้น บนความสูงขึ้นไปกว่า10เมตร กระบี่สยบเซียนก็พุ่งลงมาอย่างเร็ว เพื่อจะแทงฝั่งตรงข้าม

ในพริบตา แสงสีทองก็สว่างวาบไปไกล แต่ชายสวมหน้ากากก็ไม่ได้คิดจะหลบหนีไปทางใดเลย

“ไปตายเสียเถอะ!”

รพีพงษ์พูดเสียงสูง ด้วยกระบี่ของจอมมารชูร่าเล่มนี้ เขามีความมั่นใจมาก!

ฟุบ!

รพีพงษ์ยังไม่ทันใดตอบสนองอะไร เห็นเพียงเงาคน ฝั่งตรงข้ามก็ยกมือขึ้น แล้วก็จับกระบี่สยบเซียนมาอยู่ในมือตนเอง

“นี่มัน……เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

รพีพงษ์ตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก ฝั่งตรงข้ามนั้นมีท่าทางที่ไวมาก จนเกินขอบเขตที่ตนเองจะคิดได้

กระบี่สยบเซียนออกไปจากตัวเจ้าของ หลังจากถูกชายสวมหน้ากากจับไว้ ก็ดิ้นอยู่ตลอดเวลา แล้วเกิดเสียงอู้อี้ออกมา

ชายสวมหน้ากากก็มองกระบี่สยบเซียนเล่มนั้นนิ่งๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ช่างเป็นกระบี่ที่ไม่ฟังคำสั่งเอาเสียเลย เอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ คืนคุณไปแล้วกัน!”

พูดจบ มือก็ขยับ กระบี่สยบเซียนก็พุ่งมาทางรพีพงษ์ด้วยความเร็ว

ในดวงตาของรพีพงษ์ เงาของกระบี่สยบเซียนมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พอเข้าตอบสนองกลับมาได้นั้น กระบี่สยบเซียนก็ห่างจากตัวเขาไม่กี่เซนติเมตรแล้ว

พลังจิตวิญญาณเทพก็พลุ่งพล่านขึ้นมา กระบี่จะไม่ทำร้ายเจ้าของ แต่เสียดาย ที่พลังของชายสวมหน้ากากมันแข็งแกร่งเกินไป

สองมือของรพีพงษ์ก็รับกระบี่นั้นไว้ บังเกิดเสียงดัง สึบ ง่ามนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ก็มีเลือดไหลออกมา

“รพีพงษ์ ตอนนี้คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”

ชายสวมหน้ากากพูดเสียงเย็น “วันนี้ ผมจะให้คุณชดใช้กับสิ่งที่คุณทำไว้ทุกอย่าง”

พูดจบ พลังที่ยิ่งใหญ่จนทำให้คนแทบจะหยุดหายใจ ก็ค่อยๆ แพร่ออกมา

รพีพงษ์รู้สึกว่าอุณหภูมิตรงหน้ามันต่ำลงเรื่อยๆ ชวนให้คนขนลุก

จากนั้น ต้นไม้บริเวณรอบกายของชายสวมหน้ากากก็จับตัวแข็ง กลายเป็นเสาน้ำแข็ง

“ตอนนี้ มันควรจะถึงเวลาจบกันเสียที!”

พูดไป ชายสวมหน้ากากก็ยื่นมือออกมา เสาน้ำแข็ง3ต้นก็มาอยู่บนมือเขา

จากนั้น เสาน้ำแข็งก็ลอยพุ่งออกมาโจมตีรพีพงษ์พร้อมกัน

“แค่นี้น่ะหรือ?”

รพีพงษ์ไม่สนใจ ต่อให้เสาน้ำแข็งจะโหดแล้วไง สุดท้ายก็เป็นแค่น้ำแข็ง!

วิชามังกรเลื้อย!

มังกรยาวสีทอง9ตัวก็ปรากฏออกมา ปากก็พ่นไฟอันร้อนระอุ

ไฟร้อนไปสัมผัสกับเสาน้ำแข็ง จากนั้น ที่รพีพงษ์คิดไม่ถึงก็คือ พอไฟของตนเองไปสัมผัสกับเสาน้ำแข็ง ก็มลายหายไปในทันที

“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?” รพีพงษ์พูดออกมาอย่างตกใจ

“พลังของผมแข็งแกร่งกว่าคุณมากนัก คุณคิดว่าเสาน้ำแข็งพวกนี้เป็นของกระจอกๆ หรือไงกัน?”

ชายสวมหน้ากากกล่าวเสียงเย็น

เสาน้ำแข็งทั้งสามพุ่งทะลุมังกรยักษ์ทั้ง3ตัว

จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็ขยับ มังกรยักษ์ทั้ง5ตัวก็รีบมากำบังร่างเขาไว้ด้านหน้า

แต่ทว่า ก็ทำอะไรไม่ได้ พลังของเสาน้ำแข็งไม่ลดลงเลย และพุ่งทะลุมาได้อีก

พลังแห่งความตายเข้าใกล้มาทุกที รพีพงษ์กัดฟัน กระบี่สยบเซียนในมือก็มาป้องกันที่หน้าอกไว้

เพร๊งๆๆ !

เสียงโลหะดัง3ครั้ง รพีพงษ์กระเด็นล้มลงไปทางด้านหลังหลายสิบก้าว เสื้อผ้าบนตัวที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ก็เสียหายยับเยิน

“คุณเก่งนักไม่ใช่หรือ เก่งนักก็ลุกขึ้นมาสิ!” ชายสวมหน้ากากพูดอย่างค่อนข้างบ้าคลั่ง

รพีพงษ์กำหมัดแน่น มุมปากก็มีเลือดหยดลงที่พื้น

ตนเองมาถึงครึ่งทางของระดับแดนเทพ แต่รับกระบวนท่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้สักท่าเดียว หรือว่าคนของทวีปโอชวินได้เก่งกาจขนาดนี้แล้ว?

“รพีพงษ์ วันนี้ต้องเป็นวันตายของคุณ!”

ชายสวมหน้ากากเดินมางทางรพีพงษ์หลายก้าว รพีพงษ์ที่เต็มไปด้วยสีหน้าอาการบาดเจ็บ เหมือนจะทำให้ฝั่งตรงข้ามรุกล้ำเข้ามาได้

“ตอนนี้คุณคงสงสัยมากใช่ไหม ว่าผมเป็นใครกันแน่?” ชายสวมหน้ากากยิ้มถามอย่างประชด

รพีพงษ์ค่อยๆ เงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม “ทวีปโอชวินของพวกคุณ ล้วนเป็นไอ้ลูกเต่าหดหัว นีย์เป็นอย่างไร คุณก็เหมือนกัน ไม่งั้นล่ะก็ ก็คงไม่ต้องใส่หน้ากากเพราะกลัวคนเห็นหรอก?”

“กลัวคนอื่นเห็นงั้นหรือ? ฮ่าๆ ได้ วันนี้ผมก็จะให้คุณได้เห็นก่อนตาย ว่าผมเป็นใครกันแน่!”

พูดไป ชายสวมหน้ากากก็ค่อยๆ ถอดหน้ากากออก

ตรงหน้ารพีพงษ์ ใบหน้าที่น่ากลัวจนทำให้คนอยากจะอาเจียน ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

“จำผมได้หรือยัง? ถ้ายังจำไม่ได้ล่ะก็ งั้นผมก็ต้องเตือนสติคุณหน่อยแล้วล่ะ”

ชายคนนั้นพูดเสียงต่ำ “ในหมู่บ้านเล็กๆ ชาตพล!”

“ชาตพลงั้นหรือ? ?”

รพีพงษ์ก็นึกขึ้นได้ ว่าตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นั้น คนของทวีปโอชวินใช้ร่างกายของชาตพลมาต่อสู้กับตนเอง

“นี่มัน…….เป็นไปได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้ หรือว่าคุณถูกทำลายโฉมหน้างั้นหรือ?”

รพีพงษ์พูดอย่างตกใจ

“เหอะๆ”

จิรพนธ์หัวเราะเย็น พร้อมพูดว่า “จะว่าไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท