พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1289 ฝันเป็นจริง

บทที่ 1289 ฝันเป็นจริง

ในห้องโถงของสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์อยู่ตรงกลาง

จิรภัทร ปยุต และผู้อาวุโสรมทั้งเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนก็มารวมอยู่ในนี้

ทุกคนต่างชื่นชม เพิ่งกลับออกมาจากป่าหมอกแท้ๆ แต่พลังในร่างกายของรพีพงษ์เหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าก่อนมาก

รพีพงษ์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดๆแล้ว ตอนนี้ออร่าก็สว่างจ้า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ กลิ่นไปความเป็นชาติตระกูลใหญ่โตก็เผยออกมา

คนแบบนี้ ต่อให้เอาไปปล่อยไว้ในฝูงชนมากมาย ก็มีรัศมีเตะตาคน

“ทุกท่านครับ วันเรียกเชิญทุกคนมาที่นี่ ก็เพราะว่าผมจะไปจากสำนักเทพยาเซียนแล้ว” รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

“อะไรนะ พี่รพีพงษ์ พี่จะไปแล้วหรือ?”

“นั่นน่ะสิ จะไม่อยู่ต่ออีกหน่อยหรือ?”

“พวกเรายังอยากจะเรียนรู้กับพี่อีกเยอะเลยนะ!”

ลูกศิษย์ทางด้านล่างก็พูดออกมาตามกัน ด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์

จิลลาก็น้ำตาคลอเบ้า ตั้งแต่ที่รพีพงษ์มายังสำนักเทพยาเซียน ทั้งสองคนก็เคยทะเลาะกัน จากนั้นจิลลาก็ถูกพรสวรรค์ของรพีพงษ์เอาชนะไปได้

คนที่มีพรสวรรค์มากกว่าเธอยังขยันมากกว่าเธอเลย!

นี่ก็คือคำที่คอยเป็นแรงผลักดันให้จิลลาพัฒนาตนเองและดำเนินอยู่ในเส้นทางของนักฝึกวิชา!

ความงามของสำนักเทพยาเซียนรั้งรพีพงษ์ไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ เขากำลังจะกลับไปแล้ว การจากไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกคอนไหน

สาวน้อยอาลัยอาวรณ์ แต่จิลลาก็เข้าใจ คนแบบรพีพงษ์ ถูกกำหนดไว้ว่าจะไม่ได้เป็นคนของสำนักเทพยาเซียน ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาไม่ได้เป็นคนของสถานที่ใดๆ เลย

รพีพงษ์มองทุกคน คิ้วตาที่ชี้ขึ้น มุมปากแฝงรอยยิ้มอย่างคาดคะเนยาก

“ทุกท่านครับ ผมยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องไปจัดการ ยิ่งกว่านั้น ที่บ้านของผม ภรรยาและลูกของผมยังคงรอคอยอยู่ ดังนั้น ผมจึงต้องขอตัวก่อน”

รพีพงษ์ยกมือคำนับพูด ตนเองมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนหลายวันนี้ ได้ถูกความอัศจรรย์ของที่นี่ดึงดูด ยิ่งกว่านั้น แหล่งพลังทิพย์แห่งสุดท้ายบนโลกก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้น รพีพงษ์เชื่อว่าอีกไม่นาน ตนเองจะต้องได้กลับมาอีกแน่นอน

“เอาเถอะ ในเมื่อคุณจะกลับ ผมก็จะไม่รั้งไว้”

จิรภัทรกล่าว จากนั้นก็ส่งสายตาให้กับปยุต

ปยุตก็รับรู้ความหมายได้ แล้วก็หันกลับไปเอากล่องหนึ่งมา

“นี่คืออะไรครับ?” รพีพงษ์มองกล่องนั้น ดูแล้วมันคุ้นๆ ตา

ปยุตก็บอกว่า “คุณลืมแล้วหรือไง นี่ก็คือกล่องที่ผมวางไว้ในถ้ำที่พวกเราสองคนเคยพักอยู่ข้างในไงล่ะ”

รพีพงษ์พยักหน้า วันนั้นตอนที่ตนเองเข้าไปในถ้ำนั้น ก็เห็นว่ามีกล่องนี้จริงๆ

เขารู้ดีว่า ด้านในใส่ของล้ำค่า ที่พวกสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจับจ้องและมายังสำนักเทพยาเซียนเพื่อจะแย่งมันอยู่ด้านใน

“แล้วคุณเอากล่องนี้ออกมาทำไมกันหรือ?” รพีพงษ์ถาม

“เปิดมันออกเลย!”

จิรภัทรยิ้มพูด

กล่องถูกเปิดออก ด้านมีสมุนไพรต่างๆ วางอย่างเป็นระเบียบ

รพีพงษ์ที่มีความรู้ด้านยาสมุนไพรเป็นอย่างดี พอเห็นแล้วก็ตะลึงไปมาก

ยาสมุนไพรในกล่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีและกลิ่นก็ล้วนเป็นของอย่างดี มีค่ามากกว่ายาสมุนไพรอื่นๆ ในสำนักเทพยาเซียนมาก

“รพีพงษ์ ครั้งนี้คุณมาที่สำนักเทพยาเซียนและได้ช่วยพวกเราไว้มากมาย ตอนนี้รู้ว่าคุณจะจากไปแล้ว งั้นพวกสมุนไพรล้ำค่าพวกนี้ที่สำนักของเราสืบทอดรักษากันมานี้ ก็ขอมอบให้คุณก็แล้วกัน”

จิรภัทรกล่าว

รพีพงษ์มีสีหน้านิ่งๆ ความล้ำค่าของตัวยาพวกนี้ ตนเองก็รู้ดี แต่เป็นคนอื่น ก็คงรีบรับมันเอาไว้แล้ว

“นี่ประมุขรพี ผมว่าคุณก็อย่าปฏิเสธเลย ที่ตัวยาพวกนี้มันล้ำค่า ก็เพราะว่าตอนนั้นท่านอาจารย์เคยใช้มันมากลั่นยาเม็ดระดับเทพเซียน! ตอนนี้ในสำนักเทพยาเซียน คนที่สามารถกลั่นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมาได้ ก็คือคุณคนเดียว ดังนั้นก็อย่าปฏิเสธเลย” ปยุตเดินเข้าไปพูด

“นั่นสิ รพีพงษ์ ถ้าไม่ได้คุณ สำนักเทพยาเซียนของพวกเราก็คงถูกชายสวมหน้ากากทำลายไปหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นเอายาสมุนไพรล้ำค่านี้ให้คุณ ก็ถือว่าสมควรแล้ว” จิรภัทรพูดแบบเดียวกัน

ทั้งสองมีสายขัดแย้งกัน แต่ไม่ได้เกิดจากความจอมปลอมใดๆ

เหล่าลูกศิษย์และผู้อาวุโสต่างๆ ก็พูดพร้อมกันว่า “พี่รพีพงษ์ รับไว้เถอะ”

รพีพงษ์มีสายตานิ่งๆ แล้วก็มองพวกจิรภัทร จากนั้นก็พูดว่า “ยาสมุนไพรพวกนี้ สามารถกลั่นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมาได้งั้นหรือ?”

“ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น พวกสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจะมาคอยรุกรานเพื่อแย่งชิงมันทำไมล่ะ” จิรภัทรกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มเล็กๆ แล้วก็พูดว่า “เจ้าจิรภัทร ยาสมุนไพรพวกนี้มีค่ามากก็จริง แต่ว่า ผมยังไม่ต้องการมัน”

“ไม่ต้องการงั้นหรือ?” จิรภัทรและปยุตมีสายตาที่ตกใจ ของล้ำค่าแบบนี้ สำหรับคนที่รู้จักการกลั่นยาแล้ว มันก็เป็นเหมือนกับฟ้าประทาน แต่ว่า ดูไปแล้วเหมือนกับว่ารพีพงษ์จะไม่อยากได้มันเลยล่ะ?

“ถูกต้อง หรือจะบอกว่า ยาสมุนไพรระดับนี้ ผมมีเยอะแล้วก็ได้” รพีพงษ์พูดเสียงเบาๆ

“คุณมี…..เยอะงั้นหรือ?”

พวกจิรภัทรก็อึ้งไป

“หรือว่า ในกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ มีพื้นที่เพาะปลูกสมุนไพรล้ำค่าพวกนี้งั้นหรือ?” ปยุตเข้าไปถามอย่างไม่เข้าใจ

รพีพงษ์ก็ยิ้มส่ายหัว “ยาสมุนไพรพวกนี้ล้ำค่ามาก ได้รับพลังจากตะวันจันทรา แต่ละต้นล้วนเป็นของดี พื้นที่ในเมืองจะปลูกมันออกมาได้อย่างไรล่ะ?”

“แล้วคุณหมายความว่าอย่างไรหรือ?” พวกของจิรภัทรก็ยิ่งไม่เข้าใจ ถ้าตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีพื้นที่เพาะปลูกล่ะก็ แล้วสมุไพรล้ำค่าพวกนี้รพีพงษ์ไปได้มันมาได้อย่างไรกัน?

ถ้าเนคนอื่น พวกของจิรภัทรคงคิดว่าฝั่งตรงข้ามคุยโวโอ้อวดแน่ๆ แต่พวกเขารู้ดีว่ารพีพงษ์มีนิสัยอย่างไร ที่เขาพูดออกมาแบบนี้ จะต้องจริงๆ อย่างแน่นอน

“ป่าหมอก”

รพีพงษ์พูดออกมาไม่กี่คำ

“ป่าหมอกงั้นหรือ?”

ทุกคนก็ตกใจหายใจเข้าไปตามกัน

“ถูกต้องแล้ว” รพีพงษ์มองทุกคนแล้วพูดว่า “ที่นั่นมีพลังทิพย์เต็มเปี่ยม มากกว่าสำนักเทพยาเซียน และผมก็ได้เข้าไปในป่าหมอกแล้วสองครั้ง ยาสมุนไพรพวกนี้ที่เจ้าจิรภัทรให้ผมดูเมื่อครู่นี้ ล้วนเป็นของทั่วไปในป่าหมอก หรือไม่ก็ในนั้นยังมียาสมุนไพรที่มีคุณภาพสูงกว่านี้เสียด้วย!”

“คุณภาพสูงกว่านี้อีกงั้นหรือ?”

ทุกคนก็ตกใจมาก ตัวยาล้ำค่าแบบนี้ สำหรับนักกลั่นยาคนหนึ่งแล้ว มันมีแรงดึงดูดสูงมาก ต่อให้มีพลังไม่พอและไม่สามารถกลั่นออกมาได้ ก็จะเก็บรักษามันไว้อย่างดีที่สุด เหมือนกับที่สำนักเทพยาเซียนทำ

“เพียงแต่…..พลังของพวกเราไม่เท่าประมุขรพี ในป่าหมอกมันมีพลังทิพย์เต็มเปี่ยม พวกเราก็รู้ดี แต่ที่นั่นมันอันตรายมาก แม้แต่อาจารย์ของผมก็ได้……….”

พอพูดถึงจุดนี้ จิรภัทรก็เศร้า แล้วก็พูดว่า “ดังนั้น ถึงแม้ตัวยาสมุนไพรในนั้นจะดี แต่พวกเราก็ไม่มีทางจะได้มันมาครอบครอง”

รพีพงษ์ยิ้มๆ แล้วก็เอาลูบคลำสันจมูก “วันนี้ที่ให้ทุกคนมาที่นี่ ก็จะบอกกับทุกคนว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ป่าหมอกจะเปิดประตูต้อนรับสำนักเทพยาเซียน! พวกคุณสามารถเข้าออกได้ตามสบาย แต่ว่าต้องจำไว้ว่า ห้ามไปรบกวนการใช้ชีวิตของพวกสัตว์เซียน”

“สามารถเข้าออกได้ตามใจงั้นหรือ? นี่มัน….เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

จิรภัทรและปยุต พวกเขาก็มีสายตาตกใจ เรื่องแบบนี้ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

“นี่คือคำพูดของผม ในเมื่อผมพูดออกไปแล้ว เชื่อถือได้แน่นอน”

รพีพงษ์หน้านิ่ง น้ำเสียงก็ดูมั่นใจ

ตนเองเป็นถึงเจ้านายคนใหม่ของแรดโบราณ ทั้งยังได้รับสืบทอดจากจอมมารชูร่าทั้งหมด พวกสัตว์เซียนในป่าหมอกได้นับว่ารพีพงษ์เป็นเจ้านายของพวกมันตั้งนานแล้ว

อีกอย่าง สัตว์เซียนพวกนั้นไม่สามารถกลั่นยาได้ ในป่าหมอกนั้นมียาสมุนไพรล้ำค่าเต็มไปหมด เอาพวกมันมาให้ผู้ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์ของมันออกมาได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

ดังนั้น ตอนที่ออกมาจากป่าหมอก รพีพงษ์ได้พูดกับแรดโบราณว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คนของสำนักเทพยาเซียนสามารถเข้าออกป่าหมอกได้ตามใจ ขอเพียงรักษากฎระเบียบ พวกสัตว์เซียนก็จะไม่มาก่อกวนของพวกเขา

พอมองสายตาที่มั่นใจของรพีพงษ์ จิรภัทรและปยุตก็ซาบซึ้งอย่างมาก

“ดีมากเลย รพีพงษ์ ผมขอเป็นตัวแทนของสำนักเทพยาเซียน แสดงความขอบคุณต่อคุณ”

“แต่นั่นเป็นป่าหมอกเลยนะ ปีนั้นท่านอาจารย์ก็อึ้งกับความมหัศจรรย์ด้านใน ไม่คิดเลยว่า ผมจะสามารถเข้าไปข้างในได้ นี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมนี่?”

ปยุตก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น แล้วก็หยิกแขนตนเองอย่างแรง เพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้ฝันไป

“เอาเถอะๆ นี่ก็สายมากแล้ว ผมควรจากที่นี่ไปได้แล้ว ทุกท่านไม่ต้องไปส่งนะครับ”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ใส่แว่นกันแดด แล้วออกไปจากห้องโถง

ทุกคนก็มายืนออกันที่ประตู มองเงาของรพีพงษ์เดินจากไป ความซาบซึ้งมันยากจะพูดออกมาได้

จากกันครั้งนี้ รพีพงษ์ยังทิ้งยาเม็ดวิญญาณชี่ไว้ให้อีก38เม็ด แถมยังอนุญาตให้คนของสำนักเทพยาเซียนเข้าออกป่าหมอกได้ตามสบาย สิ่งพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่คนในสำนักเทพยาเซียนฝันอยากจะทำมันมานานแล้ว

แต่ทว่า ทุกอย่างนี้ ก็เป็นเพราะว่าการมาถึงของรพีพงษ์ ความฝันเลยเป็นจริง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท