พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1335 ผมได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพแล้ว

บทที่ 1335 ผมได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพแล้ว

“หือ? คุณหมายความว่า คุณจะฆ่าผมเหรอ?”

ณพิชญ์มองรพีพงษ์ด้วยความตกใจ ในขณะนี้มือซ้ายของเขาได้สกินดาบสีดำเล่มใหญ่ออกมาเล่มหนึ่ง

รพีพงษ์มองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นใช้สองนิ้วหนีบดาบดำเล่มนั้น

ในชั่วขณะ ดาบดำของณพิชญ์ก็กลายเป็นฝุ่นไปทันที

ณพิชญ์รู้สึกตะลึงมาก เพราะฝีมือของเขากับคู่ต่อสู้แตกต่างกันจริงๆ

หลังจากที่เขามาถึงกลุ่มสิงโต เขาก็รู้ว่าฝีมือของรพีพงษ์นั้นอยู่ในแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว

แต่ต่อให้อยู่ในแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้วก็ตาม อย่างน้อยฝีมือของเขาก็ควรสู้ได้บ้าง

รพีพงษ์สีหน้าเย็นชา วันนี้ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องเชือดไก่ให้ลิงดูอย่างแน่นอน

จากนั้นพลังจิตวิญญาณเทพก็ค่อยๆ เข้าไปควบคุมร่างกายของณพิชญ์ไว้

“อย่า อย่านะ!”

ณพิชญ์รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลนั้นทันที ด้วยเหตุนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกหายใจลำบาก

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

เพราะในสายตาทุกคน รพีพงษ์ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อีกฝ่ายกลับถูกกดทับจนแทบหายใจไม่ออก

พลังจิตวิญญาณเทพได้เข้าควบคุมทั่วร่างกายของณพิชญ์ ตอนนี้เขาเริ่มหายใจเร็วขึ้น สีหน้าก็ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ณพิชญ์ก็คอตก และในที่สุดเขาก็หมดลมหายใจ

รพีพงษ์ดึงพลังจิตวิญญาณเทพกลับไป ความเย็นเยือกในห้องโถงก็ค่อยๆ จางหายไป

ในขณะนี้ สายตาของทุกคนที่มองรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไป

ในช่วงเวลาสั้นๆ คนที่มีฝีมือระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางก็ถูกจัดการไปอย่างราบคาบ ซึ่งดูเหมือนว่ารพีพงษ์ยังใช้แรงไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์เลยด้วยซ้ำ ด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้ หาไม่ได้อีกแล้วในกลุ่มสิงโตแห่งนี้

คนเหล่านี้สามารถมีอิทธิพลต่อโลกภายนอกได้อย่างมาก และพวกเขามักจะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นก็คือความเย่อหยิ่ง แต่เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง พวกเขาก็จะชื่นชมด้วยความจริงใจ

“ขออภัยที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจนะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เราคุยกันต่อดีกว่า”

รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่นั่งประธานท่ามกลางสายตาของทุกคน

ซึ่งในครั้งนี้ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นส่วนตัวอีก การที่รพีพงษ์เป็นถึงเจ้าสำนักนั้น แน่นอนว่าเขาต้องมีความแข็งแกร่งที่มากพออย่างแน่นอน

“เจ้าสำนักที่มีฝีมือขนาดนี้ แต่ณพิชญ์กลับคิดต่อต้านเจ้าสำนักได้ ช่างเป็นการหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ!”

พรดรัลที่อยู่ใต้เวทีพูดอย่างเสียงดัง และทุกๆ คนก็เห็นด้วยกับเขา

รพีพงษ์ยกมือขึ้นกลางอากาศเพื่อบอกให้ทุกคนหยุด

และในทันใดนั้น ห้องโถงก็เงียบลงทันที

สำหรับการวางตัวในครั้งนี้ รพีพงษ์รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก

เมื่อเห็นว่าห้องประชุมเงียบลงอีกครั้ง รพีพงษ์ก็พูดขึ้นว่า “ท่านธัชธรรม คุณมีเรื่องจะบอกผมใช่ไหมครับ เชิญเลยครับ”

ธัชธรรมยืนขึ้นและกล่าวทักทายรพีพงษ์อีกครั้งด้วยความเคารพ

ในฐานะเจ้าสำนักในอดีต เขาเป็นผู้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับรพีพงษ์เอง ดังนั้นวันนี้เขาต้องให้เกียรติรพีพงษ์เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ

“เจ้าสำนักครับ ครั้งนี้ที่ผมให้หงส์ไปตามท่านมา เพราะมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาท่านครับ”

รพีพงษ์มองธัชธรรมที่แสดงสีหน้าอย่างเคร่งขรึม และเขาก็ตระหนักได้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

“เชิญครับ?” รพีพงษ์พูด

“ทางเชื่อมที่เราดูแลอยู่ ตอนนี้เรารับมือไม่ไหวและมันก็ถูกเปิดออกแล้วครับ”

คำพูดของธัชธรรมถึงกับทำให้หัวใจของรพีพงษ์สั่นสะท้าน

ตอนแรกยังคิดว่าการที่ต้องเผชิญกับทวีปโอชวินนั้นยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนกำหนดแล้วสินะ

“พวกคุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” รพีพงษ์ถาม

“เจ้าสำนักครับ เมื่อสามวันก่อน พลังเทพที่ปิดกั้นระหว่างทางเชื่อมถูกคนทำลายล้างอย่างรุนแรง หลังจากพลังเทพถูกทำลาย ช่องทางก็เปิดออก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคนของทวีปโอชวินก็จะทะลักเข้ามาอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อถึงเวลานั้นแผ่นดินโลกก็จะเต็มไปด้วยหายนะครับ” ธัชธรรมพูด

“ใช่ครับ”

ในขณะนี้ ตปธนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ก็ยืนขึ้นพูด

เดิมทีที่รพีพงษ์ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าสำนัก เขาเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาคัดค้าน แต่ในตอนนี้ หลังจากที่เขาเห็นฝีมือของรพีพงษ์ เขารู้ว่าเขาสามารถจัดการกับณพิชญ์ได้ แต่ไม่ง่ายเหมือนรพีพงษ์อย่างแน่นอน

“ตอนนี้ ในโลกนี้มีเพียงผู้อาวุโสธีรพัฒน์คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในแดนเทพ ทุกวันนี้เขากำลังพยายามใช้พลังเทพที่มีจำกัดของเขาปิดกั้นทางเชื่อมนี้เอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะต้านทานได้ อีกอย่าง ผู้อาวุโสท่านนี้ได้ใช้พลังมากเกินไปแล้ว เศษวิญญาณของเขาก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ” ตปธนพูด

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าตึงเครียด

ธีรพัฒน์เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในระดับแดนเทพ ถ้าเศษวิญญาณของเขาหมดสิ้นลงเมื่อไหร่ อาณาจักรของทวีปโอชวินก็จะเข้ามาเยือนบนโลก และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นไม่มีใครรับมือพวกเขาได้อย่างแน่นอน

“เจ้าสำนักครับ ที่เราขอให้คุณกลับมาในครั้งนี้ก็เพราะเหตุนี้ครับ” ตปธนพูดด้วยความเคารพ

รพีพงษ์ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

สามวันก่อนหน้านี้ ในขณะที่เขายังอยู่ที่เกาะต่างประเทศ ผู้อารักขาของชัชพิสิฐเคยบอกกับเขาไว้ว่า เศษวิญญาณของนีย์ถูกคนของทวีปโอชวินรับไปแล้ว

ซึ่งก็หมายความว่า ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ คนของทวีปโอชวินจะใช้วิชาลับเพื่อฟื้นฟูเศษวิญญาณของนีย์ และพวกเขาก็จะรู้แหล่งทรัพยากรของสำนักเทพยาเซียนในป่าหมอกอย่างแน่นอน

“การเคลื่อนไหวของทวีปโอชวินเร็วกว่าที่คิดไว้จริงๆ”

รพีพงษ์คิดในใจ

ทุกคนในห้องประชุมมองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดหวัง และรพีพงษ์ก็รู้ตัวว่าวันนี้เขาจะต้องมีบทสรุปให้กับทุกคนในนี้!

“ทุกท่านครับ เรื่องที่ผมบอกก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ผมมัวแต่ยุ่งอยู่ข้างนอก ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงครับ และตอนนี้ ผมจะเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมให้ทุกท่านฟังครับ”

จากนั้นรพีพงษ์ก็เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในสำนักเทพยาเซียน และเรื่องที่เขาต่อสู้กับนีย์ รวมไปถึงเรื่องราวในป่าหมอกและเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเกาะต่างประเทศให้กับทุกคนฟัง

หลังจากรับฟังเรื่องราวของรพีพงษ์แล้ว ดวงตาของทุกคนในห้องประชุมต่างก็เบิกกว้างทันที

หงส์ที่อยู่บทเวทีก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงกว่าคนอื่นๆ

รพีพงษ์อายุน้อยกว่าพวกเขาตั้งหลายปี แต่ประสบการณ์ชีวิตนั้นโชกโชนกว่าพวกเขาตั้งมากมาย

“ดูเหมือนว่าทวีปโอชวินน่าจะรู้ถึงการมีอยู่ของแหล่งพลังทิพย์จากปากของนีย์ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเร่งเวลาเพื่อทำลายทางเชื่อมนี้” รพีพงษ์พูด

“ถูกต้องครับ แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ท่านอาวุโสธีรพัฒน์คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่แน่เลยครับ แล้วทางเราก็……” ธัชธรรมพูดด้วยความกังวล

“ท่านธัชธรรม”

หงส์พูดด้วยแววตาที่หนักแน่น “ท่านไม่ต้องกังวลนะคะ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเข้ามาในกลุ่มสิงโต เป้าหมายของเราก็คือการต่อสู้กับทวีปโอชวิน ต่อให้เราต้องสละชีวิตก็ตาม เราพร้อมที่จะเผชิญกับมันค่ะ”

“หงส์พูดถูกครับ พวกเราพร้อมแล้วครับ!”

พยัคฆ์ก็เห็นด้วย

จากนั้นทุกคนด้านล่างเวทีต่างก็ตะโกนพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “พวกเราพร้อมแล้วครับ!”

ธัชธรรมถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เขาคัดเลือกมาจากทั่วอาณาจักรด้วยตัวเขาเอง

ุถ้าหากไม่ใช่เพื่อการต่อสู้กับทวีปโอชวินและปกป้องบ้านเกิดของพวกเขา พวกเขาสามารถเลือกใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ได้

แต่ในยามที่สถานการณ์คับขันนี้ แม้ทุกคนจะรู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แต่ทุกคนก็ยังยืนหยัดที่จะสู้จนวินาทีสุดท้าย แล้วจะไม่ให้ธัชธรรมรู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร?

“ดี ดี พวกคุณพูดถูก อย่างมากก็แค่ตาย แม้ข้าจะแก่แล้วก็ตาม แต่ข้าจะสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมปล่อยให้ทวีปโอชวินเข้ามารุกรานเราได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน!” ธัชธรรมพูดอย่างเสียงดัง

รพีพงษ์กวาดมองไปที่ทุกคนและรู้สึกพึงพอใจมาก

ตอนนี้ดูเหมือนว่านอกจากสยบเซียนที่ไว้ใจในการรวมกลุ่มของเขาแล้ว คนในกลุ่มสิงโตก็ยอมที่จะต่อสู้กับเขาไปอย่างสุดชีวิตด้วย!

“ท่านธัชธรรมครับ ท่านธีรพัฒน์ยังสามารถประคองได้อีกกี่วันครับ?” รพีพงษ์ถาม

ธัชธรรมถอนหายใจและพูดว่า “ถึงแม้ท่านธีรพัฒน์จะอยู่ในแดนเทพและฝีมือก็แข็งแกร่งกว่าใครๆ แต่ถึงอย่างไรแล้วท่านก็เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น”

รพีพงษ์หยักหน้าอย่างเงียบๆ เนื่องจากธีรพัฒน์ได้รับพลังไม้เทวดา ร่างกายของเขาจึงดีขึ้นมาก แต่หลังจากการช่วยชีวิตอารียา พลังไม้เทวดาในร่างกายของเขาก็ถูกใช้ไปมาก ดังนั้นร่างกายของเขาก็กลับสู่สภาพวิญญาณอีกครั้ง

“ครั้งนี้ต่อให้ท่านอาวุโสจะพยายามอย่างเต็มที่มากแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามากสุดท่านคงประคองได้แค่สามถึงสี่วันเท่านั้น ถ้ามากไปกว่านั้น ผมว่าแกคงจะถึงขั้นสิ้นลมหายใจเลยก็ได้นะครับ”

“แล้ว……ถ้ามีคนฝึกวิชาที่อยู่ในระดับแดนเทพสองคนล่ะ!”

ธัชธรรมที่ได้ยินคำนี้ก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความตกใจ จากนั้นพูดด้วยเสียงที่สั่นเท่าว่า “ท่าน……ท่านเจ้าสำนัก ท่านคงไม่ได้หมายถึง……”

“ใช่ ตอนนี้ผมอยู่ในแดนเทพแล้ว!”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และทุกคนในห้องประชุมต่างก็มองเขาด้วยความเคารพ!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท