พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1341 ชาติกำเนิดของนีย์

บทที่ 1341 ชาติกำเนิดของนีย์

หอสว่างจันทร์นี่คือที่ที่นีย์อาศัยอยู่ในทวีปโอชวิน

รอบ ๆที่นี่สงบมาก มีพลังทิพย์ลอยอยู่บนพื้นดินผสมกับหมอก ราวกับแดนสวรรค์ ยิ่งทำให้หอสว่างจันทร์เงียบเชียบมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้ฉันท์ชนกมาถึงข้างล่างของหอสว่างจันทร์

“องค์หญิงใหญ่”

สาวใช้สองคนที่อยู่ตรงประตูหอสว่างจันทร์ กล่าวกับฉันท์ชนก

“พวกคุณออกไปเถอะ ฉันมีเรื่องจะถามนีย์ พวกเราสองพี่น้องมีเรื่องจะคุยกัน”

ฉันท์ชนกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

สาวใช้ทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไปแล้วก็ปิดประตู

เวลานี้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันท์ชนกหายไป ทางกลับกัน เธอมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย และเธอก็เดินจากบันไดไปยังชั้นบนสุดของห้องใต้หลังคา

นีย์นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอเพิ่งรับเทคนิคลับของทวีปโอชวิน และตอนนี้เศษวิญญาณก็ค่อยๆ ฟื้นคืนเป็นร่างกายที่มีเลือดเนื้อ แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้พลังของเธอก็อ่อนลงมาก และร่างกายของเธอก็อ่อนแอกว่าเดิมมาก

ในช่วงเวลานี้ เธอหลับตาทีไร ก็เห็นแต่ภาพรพีพงษ์ที่ถือกระบี่ และแทงตัวเองที่ใต้หน้าผาในป่าหมอก

“รพีพงษ์สมควรตาย ไม่ช้าก็เร็วฉันจะกลับไปแก้แค้นคุณ!”

นีย์กล่าวด้วยความโมโห จนรู้สึกแน่นหน้าอก จากนั้นก็ไอขึ้นมา

“กชพร เอาน้ำให้ฉันหนึ่งแก้ว”

นีย์กล่าว

ขณะนี้ ประตูถูกเปิดออก ฉันท์ชนกหรี่ตาและเดินเข้ามาช้า ๆ

“พี่? คุณ…….ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วพวกกชพรล่ะ?” นีย์ถามด้วยความประหลาดใจ

ตนเองนอนอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่พี่สาวแท้ ๆของตนเองมาที่นี่

“ทำไม ฉันมาไม่ได้หรือ” ฉันท์ชนกกล่าวด้วยเสียงราบเรียบและเดินเข้าไปหานีย์

นีย์มองฉันท์ชนกด้วยสายตาที่ระมัดระวัง และแข็งใจลุกขึ้นนั่ง สายตาของเธอเย็นชา

“โอ้ ลุกไหวแล้วนี่ ดูเหมือนคุณจะฟื้นตัวได้ไม่เลวนี่”

ฉันท์ชนกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เชิญคุณออกไป และหุบยิ้มแย้มอันชั่วร้ายของคุณซะ ต่อหน้าฉันคุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง”

นีย์กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันท์ชนกหายไป “คุณคิดว่าฉันอยากมาหาคุณที่นี่จริง ๆหรือ ที่ฉันมาเพื่อถามว่าคุณรู้เรื่องกระบี่สยบเซียนมากแค่ไหน!”

“กระบี่สยบเซียน?”

นีย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพึมพำอยู่ในใจ นั้นเป็นกระบี่ของรพีพงษ์ไม่ใช่หรือ? ทำไมฉันท์ชนกถึงรู้?

“ถูกต้อง คุณรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบี่สยบเซียนหรือเปล่า? แล้วตอนนี้ใครเป็นคนใช้กระบี่สยบเซียน วิญญาณของจอมมารชูร่าสลายไปแล้วหรือยัง คุณบอกฉันมา!”

ฉันท์ชนกเดินไปข้างหน้าและถามด้วยดวงตาที่เฉียบขาด

นีย์มองไปที่ฉันท์ชนก เธอเห็นท่าทางของฉันท์ชนกที่กังวลมาก เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก

“คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ฉันคิดว่า คุณคงจะช่วยพ่อถามใช่ไหม” นีย์กล่าวอย่างเย็นชา

“ใช่ แล้วไงล่ะ คุณรีบบอกมา ฉันยังรอที่จะกลับไปรายงานพ่อ”

ฉันท์ชนกกล่าว

นีย์ถอนหายใจอย่างเย็นชา “ฉันท์ชนกสิ่งที่คุณถนัดที่สุดคือหลอกใช้คุณงามความดีของคนอื่น แล้วเปลี่ยนเป็นคุณงามความดีของตนเองแทน คุณเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก คอยกดขี่ฉันทุกทาง โดยเฉพาะต่อหน้าพ่อ ให้พ่อคิดว่าคุณเป็นคนทำทุกอย่าง”

“แล้วไงล่ะ คุณรีบพูดมา!”

ฉันท์ชนกกล่าว

นีย์มองไปที่ฉันท์ชนกอย่างเย็นชา “วันนี้ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณ ฉันจะบอกพ่อด้วยตนเอง ให้เขารู้ว่าลูกสาวคนเล็กของเขาไม่ได้ไม่เอาถ่านอย่างที่เขาคิด!”

หลังจากนั้น นีย์เปล่งเสียงอย่างยากเย็น “กชพร ดรุนัย! พยุงฉันลุกขึ้น ฉันจะออกไปข้างนอก!”

แต่หลังจากตะโกนไปสองครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ฉันท์ชนกยิ้มและกล่าวว่า “ฉันให้พวกเขาสองคนออกไปแล้ว ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่คุณกับฉัน รีบบอกมาเร็ว มิฉะนั้น ฉันไม่รับประกันว่าตนเองจะทำอะไรต่อไป!”

ดวงตาของนีย์เย็นชา ตั้งแต่เข้าประตูมาพี่สาวของตนเองไม่สนใจอาการป่วยของตนเองเลย เธอคิดเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือถามเรื่องที่เธอต้องการรู้จากตนเอง แล้วกลับไปเอาความดีความชอบจากจิรกิตติ์

อย่างไรก็ตาม พี่สาวของตนเองเป็นคนที่มีคารมคมคายพูดโน้มน้าวจิตใจเก่ง จึงทำให้จิรกิตติ์รักและเอ็นดูเธอมาก

มิฉะนั้น จิรกิตติ์คงจะไม่ให้นีย์อยู่ในหอสว่างจันทร์ที่เงียบเชียบเช่นนี้ แต่ให้ฉันท์ชนกอยู่ในวัง

“นีย์อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนคุณ คราวนี้คุณไม่ตายเพราะคุณโชคดี คุณรู้ไหมว่าการที่คุณออกจากทวีปโอชวินโดยพลการ มีโทษถึงตาย! วันนี้คุณจะอยากพูดก็ต้องพูด ไม่อยากจะพูดก็ต้องพูด!”

ฉันท์ชนกกล่าว

“ไม่ต้องมาข่มขู่ฉัน นีย์ถูกข่มขู่มาตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว!”

นีย์กล่าวอย่างเย็นชาว่า “พ่อเป็นคนไม่ยุติธรรม ฉันอายุน้อยกว่าคุณ แต่เขากลับรีบวางแผนให้ฉันแต่งงานก่อน แต่สำหรับคุณ เขาไม่เคยคิดที่จะทำเช่นนั้น และให้คุณอยู่ข้างกายเขาตลอด มันไม่ยุติธรรม?”

“มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้พ่อชอบฉันล่ะ”

ฉันท์ชนกกล่าวอย่างมีชัย “ฉันรู้ว่าคุณทำเพื่อทวีปโอชวินมากมาย คุณไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือ? คนที่ทำมาก ก็โดนด่ามาก รีบบอกมาเร็ว ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด! ”

“ฉันไม่พูด ถ้าคุณมีความสามารถก็ฆ่าฉันเลย!”

นีย์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ขณะนี้เธอได้ตระหนักจริง ๆ ว่า ความสัมพันธ์ของญาติที่เปราะบางหมายถึงอะไร

“คุณคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ? ถ้าฉันฆ่าคุณ ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก!”

ฉันท์ชนกกล่าวอย่างโกรธจัด เธอเสกกริชแหลมคมออกมา แล้วก็เดินเข้าใกล้นีย์เรื่อย ๆ

“คุณเชื่อหรือเปล่า? ถึงแม้ว่าฉันจะฆ่าคุณ พ่อก็ไม่ลงโทษฉันหรอก”

ฉันท์ชนกกล่าวอย่างชั่วร้าย

นีย์ขมวดคิ้วจนแน่น เธอฝืนลุกขึ้น แต่เธอที่อ่อนแอขนาดนี้ไหนเลยจะมีแรง ตอนนี้เธอไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

“ถ้าตอนนี้คุณบอกเรื่องกระบี่สยบเซียนมา ฉันจะไว้ชีวิตคุณ!”

“คุณฝันไปเถอะ ยังไงฉันก็เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง คุณคิดว่าฉันยังกลัวอยู่อีกหรือ? ฉันเพียงแค่รู้สึกเศร้าใจ รพีพงษ์ไม่ได้ฆ่าฉัน คนที่ฆ่าฉันกลับเป็นเป็นพี่สาวของฉันเอง!” นีย์กล่าว

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ฉันท์ชนกก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ นีย์ บางครั้งฉันก็ชื่นชมในความไร้เดียงสาของคุณจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคุณโง่จริง ๆ หรือแกล้งโง่”

“คุณว่าอะไรน่ะ!”

นีย์ถามด้วยเสียงเย็นชา

“ฮึ่ม”

ฉันท์ชนกกล่าวอย่างดูถูกว่า “คุณเป็นคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว ฉันจะบอกความลับให้คุณเรื่องหนึ่ง คุณรู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงเกลียดคุณมาตั้งแต่เด็ก?”

นีย์มองไปที่ฉันท์ชนกด้วยความงวยงง คำถามนี้เธอเคยถามตนเองอยู่ในใจมาหลายครั้งแล้ว

“นั่นเป็นเพราะว่า ตอนที่คุณเกิดทำให้ผู้หญิงที่พ่อรักที่สุดเสียเลือดมากจนเสียชีวิต คุณบอกมาสิว่า พ่อจะไม่เกลียดคุณได้ยังไง ในสายตาของเขา คุณเป็นสิ่งอัปมงคล!”

“คุณพูดจาพล่อย ๆ!”

นีย์กล่าวเสียงดัง “แม่ของพวกเรายังมีชีวิตอยู่!”

“นั่นคือแม่ของฉัน ไม่ใช่แม่ของคุณ!” ฉันท์ชนกกล่าวเสียงดัง “แม่แท้ ๆของคุณตายไปนานแล้ว เข้าใจไหม?”

“แม่ของฉัน…ตายไปแล้วเหรอ?”

นีย์ตกตะลึง เธอไม่เคยคิดฝันว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ ที่แท้เพราะการเกิดของตนเองทำให้แม่ต้องเสียชีวิต ดังนั้นจิรกิตติ์ก็เลยไม่ชอบนีย์มาตั้งแต่เด็ก

“ตอนนี้ คุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม สำหรับทวีปโอชวิน และสำหรับตระกูลตระกูลสุนธรประภาที่เลี้ยงดูคุณจนถึงตอนนี้ และเรียกคุณว่าองค์หญิงน้อยนั้นถือว่าดีกับคุณมากแล้ว” ฉันท์ชนกกล่าวอย่างดุร้าย “คุณมันเป็นแค่ส่วนเกิน!”

“ฉันคือ……ส่วนเกิน?”

นีย์กล่าวพึมพำ ท่าทางเหม่อลอย

“ถูกต้อง โลกนี้ไม่มีความเกลียดชังโดยไม่มีเหตุผล โศกนาฏกรรมในชีวิตของคุณถูกกำหนดในวันที่คุณเกิด ไม่ว่าคุณจะทำเพื่อทวีปโอชวินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถชดเชยได้ ฉันแนะนำให้คุณบอกทุกอย่างที่คุณรู้ มิเช่นนั้น ฉันจะช่วยตระกูลตระกูลสุนธรประภา กำจัดสิ่งอัปมงคลในตระกูล!” ฉันท์ชนกกล่าวอย่างหยาบคาย

นีย์มองฉันท์ชนกซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธ และกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อทวีปโอชวินไม่มีที่สำหรับฉัน แล้วทำไมฉันต้องคิดว่าที่นี่เป็นบ้านด้วย!”

“ฮ่า ๆ นอกจากทวีปโอชวินแล้ว ยังมีที่ไหนที่ให้คุณซุกหัวนอนได้บ้าง?” ฉันท์ชนกยิ้มอย่างเย็นชา ถือกริชในมือแน่น แล้วเดินไปหานีย์

“สิ่งเดียวที่คุณทำได้ในตอนนี้ก็คือเชื่อฟังฉันดี ๆ แล้วฉันจะให้คุณมีชีวิตอยู่ไปอีกหลายปี มิฉะนั้น………..”

ในขณะนั้นเอง ได้ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากชั้นล่าง

ฉันท์ชนกรีบเก็บกริชอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสียงของชาคริตและเมฆก็ดังขึ้น

“องค์หญิงใหญ่ เจ้าทวีปกิตติ์ให้มาถามว่า เรื่องนั้นสำเร็จหรือยัง”

“ไอ้พวกสมควรตาย”

ฉันท์ชนกด่าลับ ๆ และกล่าวกับนีย์ว่า “วันนี้ถือว่าคุณโชคดี แต่ต่อไปคุณจะไม่โชคดีเช่นนี้”

พูดจบ ก็เดินไปเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม…..

ในกลุ่มสิงโต หลังจากวันที่ตึงเครียดจากการซ่อมแซมช่องทางเดิน รพีพงษ์และคนอื่น ๆ กลับมาพักผ่อนที่ห้องตนเอง

“หงส์ ตอนนี้เจ้าสำนักคงจะเหนื่อยมาก คุณจะเข้าไปนวดให้เขาในห้องไหม” เต่ากล่าวติดตลก

“ถ้าจะไป คุณก็ไปเอง!”

หงส์กล่าวอย่างโกรธเคือง แล้วหันหลังเดินจากไป

หลังเที่ยงคืน เงาที่สวยงามปรากฏขึ้นที่ประตูห้องของรพีพงษ์

เวลานี้ คนส่วนใหญ่ในกลุ่มสิงโตต่างหลับไปแล้ว ภายนอกห้องดูเงียบสงบเป็นพิเศษ

หงส์กำลังถือถาดน้ำชา พร้อมอาหารว่าง ซึ่งยืนลังเลอยู่นอกห้องของรพีพงษ์

“ช่างเถอะ เขาคงหลับไปแล้ว”

หงส์พูดกับตัวเอง เธอกำลังจะวางถาดน้ำชาที่หน้าประตูห้องของรพีพงษ์ และจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เธอได้ยินเสียงรพีพงษ์ดังมาจากห้อง “ใครอยู่ที่ประตู!”

ทันทีที่พูดจบ ประตูก็เปิดออก

ความเร็วเช่นนี้ทำให้หงส์ตกใจ

“เจ้า……เจ้าสำนัก คุณยังไม่หลับอีกหรือ” หงส์กล่าวอย่างประหม่า

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท