พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1438 อายุมากกว่าใคร

บทที่ 1438 อายุมากกว่าใคร

แส้ในมือของนีย์ปรากฏอย่างรวดเร็ว และได้พุ่งตรงไปยังเพลิงภูติกลุ่มนี้

ปังเสียงหนึ่ง แส้เส้นยาวได้กลายเป็นความว่างเปล่าทันที

นีย์ได้ตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าพละกำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้

ภายในลูกตาดำ เงาของเพลิงภูติยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้น ภายใต้ความกดดันนี้ คล้ายกับว่านีย์ได้ถูกล็อกเอาไว้แล้วจะขยับก็ขยับไม่ได้

ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองส่องสว่างไปทั่วทั้งวิหาร กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ได้แกว่งออกไปอย่างไร้ความปราณี

ด้วยอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ กระบี่สยบเซียนได้ผ่าตรงลงไปที่กลุ่มเพลิงภูติด้านหน้าของนีย์ออกเป็นสองท่อน!

นีย์ที่เพิ่งจะฟื้นคืนจากความประหลาดใจเมื่อครู่นี้

“เธอหลบไปยังด้านหลังของฉัน เพลิงภูติพวกนี้เกิดมาจากการรวมตัวกันของพลังวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะรับมือกับมันได้” รพีพงษ์พูด

นีย์พยักหน้า และได้ไปยืนอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์อย่างเชื่อฟัง

รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้พร้อมถอยหลัง ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกดันจนไปถึงกำแพงวิหาร

เจตนาของรพีพงษ์ชัดเจนมาก ดังนั้นเพลิงภูติเหล่านี้จึงทำได้เพียงโจมตีจากทางด้านหน้าเท่านั้น และรพีพงษ์ก็มีความมั่นใจว่ากระบี่สยบเซียนในมือของตัวเอง จะสามารถสังหารเพลิงภูติทั้งหมดพวกนี้ให้สิ้นซากได้!

กลุ่มเพลิงภูติทั้งแปดได้ล้อมอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ พวกมันล่องลอยในอากาศ ราวกับว่าพวกมันมีสติปัญญา แต่เวลานี้กลับได้หยุดลงมาแล้ว

รพีพงษ์มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาคิดในใจว่า ดูเหมือนว่าเพลิงภูติเหล่านี้ก็รู้ดีว่าพวกมันจะถูกแบ่งครึ่งอย่างแน่นอนหากพวกมันพุ่งเข้ามาในเวลานี้

ขณะที่ทั้งสองฝั่งกำลังอยู่ในทางตัน ทันใดนั้นเพลิงภูติทั้งแปดนี้ได้เริ่มหมุนไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หมุนไปรอบๆ ด้านหนึ่งพวกมันก็ได้รวมตัวกันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้

ภายใต้การจับตาดูของรพีพงษ์และนีย์ เพลิงภูติสีน้ำเงินกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งได้ก่อตัวขึ้น บนตัวของเพลิงภูติกลุ่มนี้เป็นพลังจิตวิญญาณที่เหนียวแน่นเหมือนริบบิ้นสีน้ำเงินที่ได้ล้อมไปทั่วทั้งตัว

“รพีพงษ์ ระวัง!” นีย์ได้พูดเตือนสติอยู่ทางด้านหลัง

รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ว่าตอนนี้กำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าแล้ว

ตัวเองจำเป็นจะต้องยกพละกำลังทั้งหมดมารับมือกับมัน

เวลานี้เพลิงภูติกลุ่มนี้ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

เดิมทีวัดก็ไม่ใหญ่ ความเร็วของเพลิงภูติใหญ่กลุ่มนี้ก็รวดเร็วมากอีก เพียงอึดใจเดียวก็ได้มาถึงตรงหน้าของรพีพงษ์แล้ว!

กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ได้แกว่งออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสีทองเส้นหนึ่งได้เฉือนไปที่ฝ่ายตรงข้ามตรงๆ

ตอนที่แสงสีทองไปถึงบนตัวของเพลิงภูตินั้น กลับได้ถูกกลืนกินเข้าไปตรงๆ

ตามมาติดๆด้วย ในมือคู่ของรพีพงษ์ได้ส่งพลังจิตวิญญาณของพลังทิพย์ขนาดใหญ่สองกลุ่มที่ปะปนกันออกมาตรงๆ

แต่ภายใต้การปะทะกันของทั้งสองฝั่ง ที่แม้แต่วิหารก็ยังสั่นไหว แต่กลับยังบดขยี้เพลิงภูติกลุ่มนี้ไม่ได้

“รพีพงษ์ ดูเหมือนว่าพละกำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้ยังสูงกว่านายอีกนะ!” นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึง เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงของเพลิงภูติธรรมดาพวกนี้ แต่กลับมีศักยภาพได้ถึงขั้นนี้

พลังจิตวิญญาณของเพลิงภูติโดยรอบได้สร้างแรงกดดันให้กับรพีพงษ์แล้ว พวกมันอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ ได้รวมกำลังในการป้องกันการรุกรานอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ช้า บนการป้องกันก็ได้มีรอยร้าวปรากฏแล้ว

“สมควรตาย!”

รพีพงษ์นึกได้ว่ายังต้องปกป้องนีย์ด้วย จึงได้เกิดความรู้สึกของภารกิจหนักขึ้นมา!

“การป้องกันของฉัน ไม่ได้ถูกทำลายง่ายขนาดนั้น ในเมื่อหนึ่งชั้นไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็มาอีกกี่ชั้นเถอะ!”

ตอนที่พูด พลังจิตวิญญาณในตัวของรพีพงษ์ยังคงได้หมุนวนขึ้น ครั้งนี้รพีพงษ์ได้มีสติในการใช้การรวมตัวของพลังจิตวิญญาณจนเป็นการป้องกันตรงหน้าตัวเอง

หนึ่งชั้น สองชั้น……การป้องกันเต็มห้าชั้น ได้ห่อหุ้มรพีพงษ์กับนีย์ไว้อย่างมิดชิด

เพลิงภูติกลุ่มนี้ก็ยังตรงไปตรงมาไม่ได้มีทักษะอะไร และได้พุ่งเข้ามาตรงๆอีกครั้ง

ไม่ช้าการป้องกันชั้นแรกได้ถูกทำลาย ชั้นที่สองก็ได้แตกในแวบเดียว ก็แม้แต่บนการป้องกันชั้นที่สามก็ได้ปรากฏรอยร้าวแบบเดียวกันแล้ว

รพีพงษ์กำหมัดไว้แน่น ศักยภายเช่นนี้เป็นผลการฝึกตนที่สูงกว่าแดนเทพขั้นพีคอย่างชัดเจน!

หรือว่าตัวเองกับนีย์ต้องถูกฝังอยู่ภายใต้เพลิงภูตินี้งั้นเหรอ?

ก็อยู่ในเวลานี้ รพีพงษ์ได้นำหินลั่วหงออกมา จากนั้นก็ได้ตะโกนเสียงดัง: “ภูติปีศาจสาวอย่างคุณนี้ หากว่ายังกล้าเข้ามามั่วๆอีกล่ะก็ ฉันจะใช้กระบี่สยบเซียนผ่าหินลั่วหงออกเป็นสองท่อน ฉันพูดได้ก็ทำได้!”

ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ได้เงียบสงบลง แรงกดดันยิ่งใหญ่ที่เดิมทีอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ก็ได้หายไป!

ภายในวิหาร เทียนสีแดงที่วางอยู่ทั้งสี่มุมตลอดจนตรงหน้าพระพุทธรูปก็ได้ติดขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างกับตอนที่เข้ามาเมื่อกี้ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆเลย

รพีพงษ์กับนีย์หอบอย่างหนัก และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้มองรอบๆไว้ด้วยความตื่นตัว

“รพีพงษ์ พวกเรารีบไปกันเถอะ” นีย์พูดด้วยความกังวล

รพีพงษ์ดึงมือของนีย์เอาไว้: “ดูท่าแล้วฉันเดาไม่ผิด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของญาณิดา หากว่าหล่อนไม่อยากให้พวกเราไปล่ะก็ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ออกจากวัดแห่งนี้ไปไม่ได้”

หลังจากที่นีย์ได้ฟังแล้ว ก็ได้คิดไปถึงศักยภาพที่น่ากลัวของญาณิดาคนนี้ และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

รพีพงษ์ชูหินลั่วหงไว้ และได้พูดเสียงดังอยู่ในวิหาร: “คุณญาณิดา ผมรพีพงษ์ไม่ได้ผิดต่อคำมั่นสัญญา และตอนนี้ก็ได้พาคุณมาถึงเขตต้องห้ามของทวีปโอชวินแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชิญคุณรักษาคำสัญญาให้ผมกลับไปยังกลุ่มสิงโตด้วย ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ผมจะทำลายหินลั่วหง ให้คุณไม่สามารถเกิดได้ตลอดกาล!”

“ฮ่าๆ…… คุณชายรพีพงษ์ ทำไมคุณรีบร้อนแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้ก็เพียงแค่หยอกล้อคุณเล่นเท่านั้น เห็นท่าทางนี้ของคุณแล้ว ก็คงจะโกรธจริงๆแล้วล่ะ”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งได้ผุดออกมาจากในวิหาร ทันทีหลังจากนั้นตรงหน้ารพีพงษ์กับนีย์ก็ได้มีหมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งลอยขึ้น ทันใดนั้นญาณิดาที่สวมชุดสีแดงก็ได้เดินออกมาจากในหมอกนั้นช้าๆ

“นี่ก็คือ……ญาณิดา?”

นีย์ได้มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ รูปร่างหน้าตาของเธอ เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งยุค โดยเฉพาะดวงตาเหมือนกับน้ำคู่นั้น ที่เหมือนซ่อนคำพูดอยู่มากมาย

“สาวน้อยอย่างเธอนี้ ก็ไม่เคารพผู้อื่นเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเรียกชื่อฉันตรงๆ” ญาณิดาพูดกับนีย์

“คุณก็ยังเป็นสาวน้อยไม่ใช่เหรอ? จะว่าไปหากเทียบอายุแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคุณจะอายุมากกว่าฉันนะ” นีย์พูด เมื่อเอ่ยถึงอายุหล่อนก็ได้มองค้อนไปทางรพีพงษ์ทีหนึ่ง

“งั้นเหรอ?”

ญาณิดาเม้มปากด้วยความชอบใจ จากนั้นก็พูดกับนีย์: “ถ้างั้นฉันขอถามเธอ เธออยู่ถึงพันปีแล้วเหรอ?”

“อะไร? พันปี?” นีย์มองญาณิดาอย่างตกตะลึง เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแล้ว อายุมากที่สุดก็น่าจะประมาณยี่สิบปี แต่นึกไม่ถึงว่าจะอยู่มาแล้วพันปี

“ทำไม ไม่พูดแล้วเหรอ ฉันก็พูดแล้วใช่ไหม เธอจะต้องเคารพผู้อาวุโสอย่างฉันแบบนี้สักหน่อย แม้ว่าฉันจะไม่แก่มาก” ญาณิดาพูดพร้อมหัวเราะ

“เลิกพูดจาไร้สาระสักที ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่จะมาเทียบว่าใครอายุมากกว่าใคร เมื่อกี้คุณหมายความว่าอะไร คุณอัญเชิญเพลิงภูติพวกนั้นออกมาใช่ไหม” รพีพงษ์ถามพร้อมชี้ไปยังญาณิดา

“คุณพูดถึงลูกบอลพลังทิพย์พวกนั้นเหรอ พวกมันเดิมทีก็อยู่ในวัดแห่งนี้ มันไม่ได้ถูกฉันอัญเชิญมาหรอกเมื่อกี้ฉันแค่นึกสนุก และเล่นกับพวกมันนิดหน่อย” ญาณิดาพูดอย่างผ่านๆ

รพีพงษ์กำกำปั้นเอาไว้แน่น ผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เล่นกับลูกบอลพลังทิพย์อย่างอำเภอใจ จนเกือบจะเอาชีวิตของตัวเองกับนีย์แล้ว

“ผมได้ช่วยให้คุณมาถึงเขตต้องห้าม และได้ทำตามสัญญาแล้ว ตอนนี้ผมต้องการไปจากที่นี่ หวังว่าคุณจะไม่ขัดขวาง” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น

ญาณิดามองรพีพงษ์: “คุณพูดถูก และก็พูดได้ทำได้จริงๆ เพียงแต่จะไปจากที่นี่เร็วขนาดนี้ มันก็จะเร็วเกินไปหน่อยใช่ไหมล่ะ?”

“ชิ คุณอย่ามาใช้มุกนี้นะ คุณญาณิดา ผมเคารพที่เมื่อก่อนคุณเคยช่วยผมไว้ แต่ว่าหากว่าคุณคิดว่าผมรพีพงษ์รังแกได้ง่ายแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคุณก็ผิดมากแล้ว ตอนนี้ผมต้องการไปจากที่นี่ ใครก็ขวางไว้ไม่ได้!”

ตอนที่พูด รพีพงษ์ก็ได้นำหินลั่วหงไว้ในมือ อีกมือหนึ่งได้ถือกระบี่สยบเซียนเอาไว้

“หากว่าคุณยังกล้าก้าวขึ้นมาอีกก้าว ผมจะสับหินลั่วหงเป็นชิ้นๆ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท