พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1459 เด็กไม่รู้ความ

บทที่ 1459 เด็กไม่รู้ความ

ปัง!

หนูลินรู้สึกว่าควรจะยิงแล้วเธอก็เลยยิงออกไปหนึ่งนัด และปฏิกิริยาการตอบสนองของรพีพงษ์ก็เร็วมากเช่นกัน พลังจิตวิญญาณไปอยู่ที่กระสุนพลาสติกทันที

เดิมกระสุนนี้จะพลาดเป้า แต่ภายใต้แรงดึงดูดของพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังของรพีพงษ์ ทำให้มันกระทบเป้า!

“สิบวง!”

ทุกคนมองไปที่หนูลินด้วยความประหลาดใจ และเจ้าของร้านก็อ้าปากค้างเป็นเวลานาน

“หนูลินยอดเยี่ยมมาก ยิงต่อเถอะ” รพีพงษ์กล่าวสนับสนุน

หนูลินมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และยิงหลายนัดติดต่อกัน และทุกนัดก็กระทบตรงกลางหัวใจสีแดง!

“วงแหวนเต็มแล้ว!”

ทุกคนตะโกน หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดก็มีคนก็สามารถยิงจนวงแหวนเต็มวงได้ และคนที่ทำสิ่งนี้สำเร็จ ก็ยังเป็นเด็ก!

“คุณพ่อ หนูทำได้แล้ว” หนูลินเต้นรำอย่างตื่นเต้น

รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า เจ้าของร้านที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นปกติ

ตุ๊กตาหมีตัวนี้ราคาไม่เกินสามร้อย เมื่อเทียบกับรายได้ของตนเองในวันนี้ มันก็ไม่ถือเป็นอะไรได้ นอกจากนี้ นี่คือประมุขรพี ถึงแม้ว่าตนเองจะมอบให้เขาฟรีสักแปดหรือสิบตัวก็ไม่เป็นไร?

“ลูกสาวของประมุขรพีโดดเด่นมาก ไม่คิดว่า หลายอย่างที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ แต่ลูกสาวของประมุขรพีกลับทำสำเร็จ ยอดเยี่ยมมาก ผมจะเอาตุ๊กตาหมีตัวนี้ให้คุณ แล้วยังมีอะไรที่อยากได้อีก ก็เอาไปได้เลย” เจ้าของร้านกล่าวอย่างมีไมตรีจิต

“หนูไม่อยากได้ จะเอาแค่ตัวนี้”

หนูลินดูมีความสุขมากในขณะที่อุ้มตุ๊กตาหมีตัวนี้ซึ่งสูงกว่าตนเอง

“เถ้าแก่ ปืนนี้คืนให้คุณ”

รพีพงษ์ลูบปืนลมแล้วยื่นให้เจ้าของร้าน ไม่มีใครสังเกตเห็น ชั่ววินาทีนั้น รพีพงษ์ได้ปรับลำกล้องของปืนลมแล้ว

“ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง” รพีพงษ์กล่าวอย่างมีนัยกับเจ้าของร้าน จากนั้นก็ตบไหล่ชายหนุ่มคนนั้น “คุณจะลองอีกสักรอบไหม?”

เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยังสามารถยิงเต็มวงได้ ชายหนุ่มคนนี้ก็กระตือรือร้นที่จะลองอีกรอบเช่นกัน

“วางใจเถอะ รอบนี้คุณสำเร็จแน่นอน” รพีพงษ์กล่าว

“ตกลง ผมเชื่อประมุขรพี ผมจะเล่นอีกครั้ง”

ชายหนุ่มจ่ายเงิน เจ้าของร้านเกือบจะหัวเราะออกมา คนคนหนึ่งทำเรื่องเดียวกันสองครั้งติดต่อกัน นี่มันคนโง่แล้ว?

แต่ในไม่ช้า เขาก็หัวเราะไม่ออกอีกต่อไป หลังจากยิงถูกสิบวงติดต่อกัน เจ้าของร้านก็นำรางวัลใหญ่ออกมาอีก

เมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับรางวัลใหญ่ติดต่อกัน ผู้คนก็เริ่มกระตือรือร้นที่จะลองเล่น ขณะนี้เอง ผู้คนจำนวนนับสิบเดินมาที่สถานที่แห่งนี้พร้อมกัน

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย เมื่อมองดูความแข็งแรงของคนเหล่านี้แล้ว รู้ทันทีว่าพวกเขาน่าจะเป็นทหารของเกียวโต ซึ่งเป็นบุคคลชั้นยอดในกองทัพ

“เถ้าแก่ พวกเราจัดกลุ่มพาสมาชิกในครอบครัวมาเที่ยว เห็นว่าที่นี่มีเกมยิงปืนแล้วรู้สึกคันไม้คันมือ ให้พวกเราเล่นสักครู่ พวกเราจะเล่นอย่างเป็นระเบียบ” คนที่เป็นหัวหน้ากล่าว

รพีพงษ์มองด้วยรอยยิ้ม ไม่นานนัก คนเหล่านี้ก็จากไปพร้อมกับรางวัลใหญ่ เหลือเพียงเจ้าของร้านที่มีสีหน้าเหมือนอยากร้องไห้

เจ้าของร้านมองรพีพงษ์ที่กำลังยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้ว

“แม่ หนูกลับมาแล้ว แม่ดูนี่สิ!”

หนูลินกล่าวกับอารียาอย่างมีความสุข โบกตุ๊กตาหมีที่อยู่ในมือ ดูภูมิใจเป็นอย่างมาก

“นี่เป็นรางวัลที่หนูชนะ” หนูลินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“จริงหรือ? หนูลินของพวกเราเก่งมาก” อารียากล่าวชม

“นี่ก็เย็นแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”

รพีพงษ์กล่าวกับทั้งสองว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว พวกเขาควรจะกลับแล้ว

“ผมจะไปขับรถที่ลานจอดรถก่อน อารียา คุณกับหนูลินรอผมที่นี่”

รพีพงษ์รับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่อยู่ในมือของหนูลินมา และเดินมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ

หนูลินเดินตามอารียาไปรออยู่ที่ประตู

“แม่ค่ะ รู้ไหมว่าเมื่อสักครู่หนูเก่งมาก ทุกนัดก็มีแหวนสิบวงเลย”

หนูลินกล่าว

“จริงหรือ? หนูลินยิงปืนเป็นหรือ? ทำไม่แม่จำไม่ได้ว่าหนูลินยิงปืนเป็น” อารียากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“จริง ๆ ค่ะ หนูไม่ได้โกหกแม่ หนูหยิบปืนมายิงแบบนี้”

พูดจบ หนูลินก็หยิบกิ่งไม้ที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือที่อยู่บนถนนขึ้นมา ในขณะที่พูดเธอก็โพสต์ท่าเลียนแบบได้เหมือนมาก และแสดงให้อารียาดู

มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของอารียา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ ดูเหมือนกับพ่อของเธอทุกประการ

ขณะนี้เอง หนูลินกำลังทำท่าจะยิง เมื่อหันหลังกลับ ทำให้กิ่งไม้ในมือไปขูดบนรถที่จอดอยู่ข้าง ๆ

“เฮ้ เฮ้ คุณกำลังทำอะไร!”

ที่ข้างรถเก๋งคันนี้ มีชายคนหนึ่งที่ใส่น้ำมันจนผมมันเยิ้ม เขาเดินมาอยู่ข้างหนูลิน และดูรอยขีดบนตัวรถก่อน จากนั้นก็ผลักหนูลินทันที

“นี่ลูกของใคร ไม่มีคนดูแลหรือ? มาข่วนรถผมทำไม!”

“คุณลุง หนูไม่ได้ตั้งใจ” หนูลินน้ำตาหนองหน้าด้วยความน้อยใจ

“ไม่ได้ตั้งใจอะไร ผู้ปกครองอยู่ไหน รีบเรียกออกมาเร็ว!”

เมื่ออารียาเห็นหนูลินถูกรังแก เธอก็รีบเดินไป

“ฉันเป็นแม่ของเธอ เกิดอะไรขึ้น?” อารียากล่าวถาม

ชายคนนั้นมองสำรวจอารียา “ดูดี แต่ไม่มีความสามารถในการอบรมสั่งสอนลูกสาว คุณมาดูนี่ซิ รถของผมถูกขูดจนเป็นแบบนี้ คุณคิดว่าควรทำอย่างไรดี!”

อารียามองไปที่รถเก๋งของอีกฝ่าย มีรอยสีขาวบนตัวรถจริง ๆ มันเป็นแค่กิ่งไม้ ไม่น่าจะทำให้เกิดรอยอะไรได้มากมาย

“คุณว่ามาเถอะ จะเอายังไงก็ได้” อารียากล่าว

“ฮึ่ม แม่งฉิบหาย วันนี้ดวงซวย ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอเรื่องแบบนี้ ซวยจริง ๆ” ชายคนนั้นกล่าวด้วยความโกรธ

ขณะนี้เอง รถออดี้สีดำแวววาวก็มาจอดอยู่ตรงหน้าอารียา รพีพงษ์เห็นอารียากำลังโต้เถียงกับชายคนหนึ่งจากระยะไกล จึงลงจากรถ

“มีอะไรเหรอ อารียา?” รพีพงษ์กล่าวถาม

“หนูลินขูดรถของคุณผู้ชายคนนี้เป็นรอยโดยไม่ได้ตั้งใจ” อารียากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า โดยไม่สนใจรอยขีดข่วนบนตัวรถ แต่อุ้มหนูลินที่กำลังน้อยใจ

“ไม่ต้องร้องไห้น่ะ หนูลิน บอกพ่อสิว่าเกิดอะไรขึ้น” รพีพงษ์กล่าวอย่างอ่อนโยน

“หนูไม่ทันระวังทำให้ไปขูดรถของคุณลุงคนนี้ หนูก็ขอโทษลุงแล้ว แต่เขาดุมาก แล้วยังผลักหนูอีกด้วย” หนูลินกล่าว สีหน้าของรพีพงษ์สงบ และไม่พูดอะไร

เวลานี้ทางเข้าสวนสนุกเต็มไปด้วยผู้คน บางคนจำรพีพงษ์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากรู้ว่านายน้อยของตระกูลลัดดาวัลย์จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

“ประมุขรพีแล้วไงล่ะ คงไม่อาศัยว่าตัวเองมีอิทธิพล แล้วก็เพิกเฉยไม่สนใจไยดีน่ะ” ชายหัวมันกล่าวอย่างโกรธจัด

“ผมไม่เคยพูดว่าไม่สนใจเรื่องนี้ วางใจเถอะ ผมมีคำอธิบายให้คุณอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ โดยไม่แสดงอารมณ์โกรธใด ๆ

“เด็กไม่รู้ความ ทำให้รถของคุณเป็นรอย ผมต้องขอโทษคุณด้วย เอาอย่างนี้ คุณกำหนดราคามา ผมจะซื้อรถคันนี้ของคุณ” รพีพงษ์กล่าว

“คุณ……คุณจะซื้อรถ?”

ชายหัวมันมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “รถคันนี้ถึงแม้ว่าตอนที่ผมซื้อราคาประมาณเจ็ดแปดหมื่น แต่ผมก็ไปกับผมไปทั่ว ทำให้ธุรกิจของผมตั้งหลักได้ ก็เป็นคุณงามความดีของมัน ดังนั้นผมรักและทะนุถนอมมันมาโดยตลอด ถ้าคุณต้องการซื้อมัน เอาอย่างนี้ สามแสน สามแสนผมจะพิจารณาขายให้คุณ” ชายคนนั้นกล่าว

ผู้คนที่อยู่รอบ ๆรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่มันรถเก๋งเล็กไม่ใช่หรือ? รถก็เก่าแล้ว นึกไม่ถึงว่าไอ้หมอนี้จะขอสามแสน นี่มันเป็นคนโลภมาก คุณชายรพีจะตกลงหรือไม่?

“ตกลง สามแสน ผมจะให้คุณ” รพีพงษ์กล่าว

เมื่อชายคนนั้นได้ยิน รอยยิ้มก็ผุดขึ้นในดวงตาของเขา

“คุณจะรับเป็นเงินสด หรือโอน?”

“เงินสด ผมคิดว่าสบายใจกว่า ขอบคุณ คุณชายรพี” ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“โอเค”

รพีพงษ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก หลังจากวางสาย เขาก็เดินไปอยู่ข้างของชายผู้นั้น “รอสักครู่ อีกสักครู่จะมีคนส่งเงินมา”

“ฮ่าฮ่า เรื่องที่คุณชายรพีทำด้วยตนเอง ผมวางใจแน่นอน” ชายคนนั้นยิ้ม และแอบสะใจอยู่ในใจ

เวลาไม่ถึงสิบนาที รถโรลส์รอยซ์สีดำคันใหม่ก็มาจอดอยู่ที่ประตูสวนสนุก เมื่อประตูรถเปิดออก มีชายสวมสูทสีดำเดินออกมาจากรถแล้วมาอยู่ข้างรพีพงษ์

คนที่เป็นผู้นำไม่ใช่ใครอื่น เขาคือไวภพรุ่นน้องของตระกูลลัดดาวัลย์ที่ได้รับของขวัญเป็นดาบมุรามาสะจากรพีพงษ์ ซึ่งเป็นคนที่รพีพงษ์ฝากความหวังไว้!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท