ชนิสราดูเหมือนจะเข้าใจแต่จริงๆแล้วไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอไปมาหาสู่กับรพีพงษ์มานานขนาดนี้ ก็รู้ดีอย่างมาก นายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีข้อโต้แย้งต่อตัวเองแน่นอน
“ชนิสรา ไม่รู้ว่าในอนาคตคุณมีแผนการไว้ว่ายังไง?” รพีพงษ์พูดถามขึ้นมาทันที
ชนิสราค่อนข้างสับสนมึนงง : “คุณชาย คุณ คุณหมายความว่าอะไร?”
อารียาขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังรพีพงษ์
รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ : “ชนิสรา ฉันก็ไม่ได้หมายความอย่างอื่น ฉันแค่อยากพูดว่า ถ้าหากหลังจากวันนี้ไปคุณยังไม่มีแผนการอะไรเตรียมไว้ งั้น ต่อไปก็คอยตามพวกเราแล้วกัน คุณว่ายังไง”
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้แล้ว อารมณ์ที่ตื่นตระหนกของอารียาถึงจะผ่อนคลายลงแล้ว
“ฉันยินยอมอยู่แล้ว ได้เจอคนที่ดีเฉกเช่นคุณชายและคุณผู้หญิงอย่างนี้ ฉันยินยอมที่จะไปกับพวกคุณทั้งชีวิตเลย” ชนิสราพูดกล่าว
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”
ทางฝั่งรพีพงษ์พูดแล้ว ก็กินข้าวหมดหนึ่งถ้วยเลย
“อิ่มแล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดกล่าว ชนิสราใส่ผ้ากันเปื้อน เก็บถ้วยและตะเกียบอย่างชำนาญ
กลางคืน กลับมาถึงภายในห้อง หนูลินที่เล่นมาทั้งวันก็นอนหลับใหลไปแล้ว อารียาพูดถามรพีพงษ์ว่า : “นี่ คำพูดเหล่านั้นที่คุณพูดในคืนนี้ มันหมายความว่ายังไง?”
“ผมพูดอะไรไปเหรอ?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
“ยังจะเสแสร้งอีก?” อารียามานั่งข้างรพีพงษ์ มองไปที่เขาพร้อมพูดว่า : “คืนนี้ตอนที่คุณกินข้าว พูดคำพูดเหล่านั้นทำไมกัน?เดิมทีพี่สาก็เป็นคนในครอบครัวของเราแล้ว เธอก็จะต้องติดตามพวกเราอยู่ตลอดอยู่แล้ว ฉันคิดว่าคุณจะไล่เธอไปกลางคืนซะอีก ตกใจแทบแย่”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน พี่สาก็เป็นคนดี ทำงานก็ขยันหมั่นเพียร ผมจะไล่เธอออกไปทำไม?” รพีพงษ์ยิ้มเบาๆพร้อมพูดกล่าว : “อีกอย่างนะ ถ้าผมไล่เธอออกไปล่ะก็ อันดับแรกคุณก็จะไม่ให้อภัยผม แล้วต่อมาหนูลินก็จะไม่ให้อภัยผมเช่นกัน ”
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ” อารียาพูดกล่าว: “แต่ว่า ฉันคิดว่าคำพูดนั้นของคุณมีความตั้งใจอย่างอื่น ใช่ไหม บอกฉันหน่อยได้ไหม?”
รพีพงษ์นำมือที่ขาวราวกับหยกของอารียามาไว้ในฝ่ามือ พูดอย่างอบอุ่นว่า : “เป็นอย่างที่คิดไว้ คนที่เข้าใจผมมากที่สุด ก็ยังคงเป็นคุณ”
“พูดมาเถอะ สรุปว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ มีความลับอะไรที่ยังไม่บอกฉัน รีบบอกมาเลยนะ” อารียาพูดกล่าว
รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างนิ่งๆ : “ก่อนหน้านี้คุณเคยพูดว่า ถ้าหากต้องการฝึกตนกับผม ก็จะต้องพาหนูลินไปด้วยไม่ใช่เหรอ?”
เมื่ออารียาได้ยิน ก็พยักหน้าแล้ว : “ใช่ ถูกต้อง ฉันคงไม่วางใจให้หนูลินอยู่ที่เกียวโตคนเดียวหรอกนะ”
รพีพงษ์พูดจาอย่างอบอุ่น : “คุณพูดถูก สองวันมานี้ผมก็ได้คิดมาอย่างชัดเจนแล้ว หนูลินอยู่ข้างกายพวกเราน่ะถึงจะปลอดภัยที่สุด”
เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์เห็นด้วยกับทัศนคติของตัวเอง อารียาก็ดีอกดีใจขึ้นมาทันที
“แต่ว่า พาแค่หนูลินไปคนเดียวก็คงจะไม่พอ ผมคิดว่า……”
“คุณอยากจะพาพี่สาไปด้วย?” อารียาพูดถามอย่างชื่นชมยินดี
“ฉลาด สมกับที่เป็นภรรยาของผม” รพีพงษ์ยิ้มไปพูดกล่าวไป ประทับริมฝีปากลงบนหน้าของอีกฝ่ายเลย ทำให้ใบหน้าของอารียาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“ผมคิดว่า เมื่อถึงตอนที่เราสองคนฝึกตน เกรงว่าจะไม่มีเวลาดูแลหนูลิน สู้พาพี่สาไปด้วยดีกว่า ไม่เพียงเท่านี้ ผมจะพาชยนต์ตมิสาพวกเขาทั้งสองไปด้วย” รพีพงษ์พูดกล่าว
“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ งั้นก็ดีมากเลยนะ”
อารียายิ้มไปพูดไป แต่แล้วก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง : “เพียงแค่ ตามที่คุณพูดทั้งหมด ในป่าหมอกนั้น ก็ไม่ได้มีของอะไรที่สนุกๆเลย ก็กังวลว่าหลังจากที่หนูลิน อยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ”
รพีพงษ์ยิ้มๆ มองไปยังอารียาพร้อมพูดกล่าวว่า : “ถึงที่นั่นคุณก็รู้เอง”
อารียามองไปยังใบหน้าที่ยิ้มแย้มของรพีพงษ์ ในใจของเธอคิดว่า ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะได้คิดทุกอย่างไว้แล้ว ที่ตอนนี้ไม่พูด แน่นอนว่าเพื่อรอที่จะเซอร์ไพรส์ตัวเองเมื่อถึงเวลานั้นอย่างแน่นอน
“เพราะงั้น คืนนี้ผมก็เลยลองถามหยั่งเชิงพี่สาดูว่ามีการวางแผนอย่างอื่นไว้บ้างหรือเปล่า ผมเป็นกังวลว่าเธอจะมีเรื่องอื่นที่จะทำต้องทำ” รพีพงษ์พูดกล่าว
“เธอไม่มีเรื่องอะไร ดูเหมือนว่าเธอก็เต็มใจที่จะติดตามพวกเราไปนะ” รพีพงษ์พูดกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า : “ลูกสาวของเธอก็มาถึงที่เกียวโตแล้วไม่ใช่เหรอ ผมกำลังคิดว่า เธอจะต้องยุ่งที่จะต้องดูแลลูกสาวของเธอหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็น” อารียายิ้มพร้อมโบกไม้โบกมือ: “มีคนดูแลลูกสาวของเธอแล้ว”
“ห๊ะ?ใครกัน?” รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างประหลาดใจ
“คุณยังไม่รู้อีกเหรอ?ไวภพและลูกสาวของพี่สา ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว”
“ไม่สมกับที่คุณเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เลยนะ ไม่สนใจคนของตระกูลลัดดาวัลย์เลยสักนิด” อารียาพูดกล่าวด้วยความโมโห
แต่ว่าเธอก็รู้ดี ในใจของรพีพงษ์มีแต่โลกทั้งใบ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็อยู่บนเส้นทางที่ถูกที่ควรแล้ว เรื่องแบบนี้ เขาไม่ค่อยมาถามไถ่บ่อยๆแล้ว
“ไอ้หมอนี่ วันนี้เจอผมแล้วก็ไม่รู้จักที่จะพูดเรื่องนี้กับผม ไอ้หมอนี่ ลงมือได้เร็วจริงนะ” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดกล่าวว่า: “สมกับที่เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ของผมเลย ก็พิสูจน์ได้ว่าวิสัยทัศน์ของผมนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ไอ้หมอนี่ ต่อไปมีอนาคตที่ก้าวไกลแน่”
อารียายิ้มอย่างจำใจ : “พอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
รพีพงษ์โอบกอดอารียาในอ้อมแขนเบาๆ ยิ้มพร้อมมองไปยังอารียาแวบหนึ่ง : “ใช่ นี่มันดึกมากแล้ว เราควรจะพักผ่อนได้แล้ว”
อารียามองไปยังรพีพงษ์ที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดเรื่องที่ดีแน่ แต่ว่าก็ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว สำหรับความรู้สึกที่โหยหาคิดถึงของรพีพงษ์ก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงของชนิสราแล้ว
“คุณชาย คุณผู้หญิง พวกคุณสองคนรีบออกมาดูเถอะค่ะ”
รพีพงษ์เปิดประตูออกไปด้วยความสงสัย : “มีอะไรเหรอพี่สา เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
“คุณชาย คุณรีบออกมาดูเถอะค่ะ มีคนมาอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ฉันให้เขาออกไป เขาก็ไม่ยอมออกไป บอกว่าต้องพบเจอคุณให้ได้ แล้วก็ หนูลินด้วยค่ะ” พี่สาพูดกล่าว
“หนูลิน?”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยิน ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
“พอแล้ว พี่สา ไม่เป็นอะไรนะ คุณทำงานของคุณเถอะ ผมเข้าใจแล้ว”
รพีพงษ์พูดกล่าวออกไปตามใจนึก กลับมายังห้องนอนแล้ว
“รพีพงษ์ ใครกัน?” อารียาพูดถาม
“คนนั้นที่ผลักหนูลินเมื่อวานนี้ วันนี้ได้มาขอโทษแล้ว” รพีพงษ์พูดจาอย่างเงียบสงบ
ตอน 10 โมงเช้า รพีพงษ์ถึงจะผลักประตูออกมา
เมื่อเห็นรพีพงษ์ ผู้ชายที่เซ็ทผมเมื่อวานคนนั้นก็รีบมาต้อนรับทันที
“คุณชายรพีพงษ์ ผมมาแล้ว ผมมาเพื่อขอโทษลูกสาวของคุณเป็นการเฉพาะ”
รพีพงษ์มองไปที่เขา อดทนรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว สามารถเห็นได้จากความเหน็ดเหนื่อยที่อยู่บนใบหน้าของเขาได้
“ดี ดูเหมือนว่าคุณก็ถือว่าเป็นคนที่เชื่อถือได้คนหนึ่ง” รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณเข้ามาเถอะ”
ชายหนุ่มเซ็ทผมก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก สามารถเหยียบย่างเข้ามายังบ้านตระกูลลัดดาวัลย์ได้ นี่สำหรับเขาแล้ว มันเหมือนกับความฝันยังไงอย่างนั้น
เดินเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ ชายหนุ่มเซ็ทผมพูดกล่าวว่า สถานที่ที่ตัวเองเข้ามาไม่ใช่คฤหาสน์ธรรมดาทั่วไป สถานที่ที่เขาย่างก้าวเข้ามาคือใจกลางของธุรกิจประเทศจีนทั้งหมด!
“คุณลุง”
หลังจากที่หนูลินที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เห็นชายหนุ่มเซ็ทผม ก็เดินเข้ามาต้อนรับ : “เมื่อวานหนูผิดเอง ขีดข่วยรถของคุณ พ่อของหนูได้ว่ากล่าวหนูแล้ว ขอโทษนะคะ”
“ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง”
ชายเซ็ทผมผมระแวดระวังตัวถึงขนาดที่ว่าหวาดกลัว : “ลุงควรจะพูดขอโทษหนู เมื่อวานลุงไม่ควรที่จะดุขนาดนั้นเลย ”
“เห็นได้ชัดว่าหนูผิดเองค่ะ” หนูลินพูดกล่าว
“ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง”
……
เมื่อเห็นว่าทั้งชายชราและหนูน้อยต่างคนต่างก็แสดงออกมาว่าเป็นความผิดของตัวเอง อารียาที่อยู่ข้างๆก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พอแล้วพอแล้ว หนูลิน แม่จะพาลูกไปเที่ยวเล่นทางนั้นนะ พ่อและคุณลุงมีเรื่องต้องคุยกัน” อารียาพูดกล่าว พาหนูลินออกไป
รพีพงษ์เดินเข้ามา มองไปยังกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยที่อยู่ในมือของชายเซ็ทผม
“นี่คือขนมกินเล่น และยังมีของเล่นทุกยุคทุกสมัย และยังมีเสื้อผ้ารองเท้าที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรพวกนี้ด้วย ล้วนเป็นสิ่งที่ภรรยาของผมเลือกมาให้ ผมก็ไม่รู้ว่าลูกสาวของคุณชอบอะไร ก็แค่ซื้อมาอย่างละนิดหน่อย แสดงความขอโทษของผม” ชายเซ็ทผมพูดกล่าว
“สิ่งของ คุณเอาไปเถอะ” รพีพงษ์พูดกล่าว: “รอข้างนอกสามสี่ชั่วโมง ก็ถือว่าเป็นการลงโทษเล็กน้อยเพื่อเป็นการสั่งสอนไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่กับคุณ”
ชายเซ็ทผมกัดริมฝีปาก มองไปยังรพีพงษ์พร้อมพูดกล่าว : “คุณชายรพีพงษ์ เมื่อวานผมทำไม่ถูกจริงๆ สิ่งของนี้ก็……”
“สิ่งของคุณเอาไปเถอะ ตระกูลลัดดาวัลย์ของเราไม่ขาดแคลนอะไรทั้งนั้น และก็ไม่จำเป็นต้องรับของอะไรทั้งนั้น”
“งั้นผมคืนเงินสามแสนให้คุณแล้วกัน ถือไว้ในมือ มันช่างหนักมากจริงๆ” ชายเซ็ทผมพูดกล่าว
“สิ่งของที่คนอย่างผมรพีพงษ์ให้ไป ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บกลับมา”
รพีพงษ์มองไปยังอีกฝ่ายพร้อมพูดกล่าว
ชายหนุ่มเซ็ทผมมีสีหน้าแววตาที่หวาดกลัว เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งวันนี้ก็ยังคิดไม่ออก ทำไมเมื่อวานถึงได้มีความกล้ามากขนาดนั้น จู่ๆก็เอาเงินสามแสนมาจากรพีพงษ์
“วางใจเถอะ งั้นสามแสนนั้นคุณก็ถือเอาไว้นิ่งๆ ขอเพียงแค่คุณตั้งใจทำงาน ผมก็จะให้คุณทำเงินได้เล็กน้อย” รพีพงษ์ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆพร้อมพูดกล่าว
“ยังทำเงินได้เล็กน้อยอีกด้วย?” ชายหนุ่มเซ็ทผมมองไปยังรพีพงษ์อย่างแปลกใจ