ทันใดนั้น เขาก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า : “ประมุกรพีขอเพียงแค่ต้องการ ผมก็จะทำตามคำสั่งอย่างแน่นอน”
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “คุณยังไม่รู้เลยว่าผมอยากจะให้คุณทำอะไร ตอบตกลงตอนนี้ มันเร็วเกินไปหรือเปล่า”
“นี่……” ชายหนุ่มเซ็ทผมกัดริมฝีปาก จู่เขาก็ค้นพบว่า แม้ว่าประมุกรพีมองดูแล้วอายุน้อยกว่าตัวเองหน่อย แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง หรือกลอุบาย ตัวเองก็สู้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลย
เรื่องที่ตระกูลลัดดาวัลย์มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ดูเหมือนว่าไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว!
“คุณทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศใช่ไหม” จู่ๆรพีพงษ์ก็พูดกล่าว: “บริษัทการค้าต่างประเทศเฮงรวย ผมยังคงจำชื่อนี้ได้ อนาคตยาวไกล เป็นชื่อที่ดีมาก”
ชายหนุ่มเซ็ทผมเกาๆศีรษะอย่างเขินอาย : “บริษัทเล็กนี้ของผม เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว (จำนวนที่น้อยมาก) ”
“ในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว ผมอยากจะให้คุณช่วยผมซื้อของหน่อย งั้นทำไม่ได้แล้วนะสิ?” รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ซื้อของ?”
เมื่อชายหนุ่มเซ็ทผมได้ยินเข้า ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างมั่นใจว่า : “ผมไม่ได้จะโม้คุณนะ ไม่ว่าประมุกรพีอยากจะซื้ออะไร สินค้าในประเทศก็ดี หรือว่าต่างประเทศก็ดี ผมจะต้องจัดหามาให้คุณได้อย่างแน่นอน ผมทำสิ่งนี้”
“งั้นก็ได้”
พูดแล้ว รพีพงษ์ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมส่งให้อีกฝ่าย
“นี่คือรายการสั่งซื้อสินค้า คุณซื้อตามรายการสินค้าด้านบนนี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนโอนเงินไปให้คุณนะ ส่วนที่ว่าจะส่งของไปที่ไหน รอหลังจากที่คุณซื้อสินค้าครบเรียบร้อยแล้ว ผมจะบอกคุณ” รพีพงษ์พูดกล่าว
ชายหนุ่มเซ็ทผมมองสิ่งของที่อยู่บนใบรายการสินค้า พูดท่องออกมาว่า : “โซฟาของอิตาลี พื้นไม้ของบราซิล ยังมีผ้าปูโต๊ะและผ้าม่านของสกอตแลนด์อีกด้วย……”
เพียงแค่ครู่เดียวก็ท่องสิ่งของไปร้อยกว่าอย่างแล้ว ชายหนุ่มเซ็ทผมพูดอย่างไม่เข้าใจ : “คุณชายรพีพงษ์ ผมขอถามหน่อย คุณต้องการอันนี้ไปทำอะไร?”
“ไม่ต้องถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม สรุปว่าคุณซื้อมาได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ ผมจะได้ให้คนอื่นไปจัดการให้” รพีพงษ์พูดกล่าว
“ทำได้ ทำได้!”
ชายหนุ่มเซ็ทผมรีบพูดกล่าวว่า : “การทำธุรกิจในครั้งนี้ คิดคำนวณแบบคร่าวๆก็ประมาณหลายล้าน ผมทำได้แน่นอน เพียงแค่…… ”
“เพียงแค่อะไร” รพีพงษ์พูดถาม
“เพียงแค่ ธุรกิจที่ทำเงินได้เยอะขนาดนี้ จากที่ผมทราบมา อุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ยังเกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ ทำไมพวกคุณถึงไม่ทำเองล่ะ?” ชายหนุ่มเซ็ทผมถามอย่างขาดความมั่นใจ
รพีพงษ์เหล่ตามองอีกฝ่าย : “ทำไม ธุรกิจที่ราคากว่าหลายล้าน มันยิ่งใหญ่เหรอ?”
ชายหนุ่มเซ็ทผมตกตะลึงอ้าปากค้าง หลังจากนั้นก็เข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่า ธุรกิจที่ในสายตาของตัวเองคิดว่ายิ่งใหญ่เหมือนฟ้า สำหรับรพีพงษ์แล้ว ไม่มีคุณค่าที่จะพูดถึงเลย
“คุณวางใจเถอะ คุณชายรพีพงษ์ ผมจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
พูดแล้ว หลังจากที่บอกลากับรพีพงษ์ ชายหนุ่มเซ็ทผมก็ออกไปแล้ว
ตอนบ่าย รพีพงษ์เรียกประชุมทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ให้มาที่โถงใหญ่ของคฤหาสน์
ท่านคทายืนอยู่ข้างๆ รพีพงษ์พาอารียาและหนูลินมาถึงชั้นบนของห้องโถงใหญ่แล้ว
“วันนี้ที่เรียกทุกคนมาที่นี่ ก็เพราะว่ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่อยากจะแจ้งให้พวกคุณได้ทราบ”
รพีพงษ์มองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้องโถงพร้อมพูดกล่าว
คนเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นหนุ่มสาวเป็นหลัก วันนี้ พวกเขาล้วนแต่เติบโตเป็นกองกำลังสำคัญของตระกูลลัดดาวัลย์ ทุกคนต่างก็สามารถรับผิดชอบงานได้ด้วยตัวคนเดียว
“นายน้อย มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเลย” ท่านคทาพูดกล่าวข้างๆ
รพีงษ์พยักหน้าแล้ว : “ฉันเพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสองวัน สองวันนี้ ฉันได้อ่านดูผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่างๆ ในตระกูลลัดดาวัลย์แล้วที่พวกคุณรายงานมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันออกจากบ้านไป ธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ของเราก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งประเทศจีนก็คือโลก ล้วนกลายเป็นต้นตระกูลใหญ่ๆอันดับต้นๆ”
“เป็นเพราะว่ามีผู้นำที่ดีอย่างนายน้อย” ไวภพพูดกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ที่ไหนกันล่ะ ฉันว่าเป็นคุณงามความดีของทุกๆคน เมื่อเห็นพัฒนาการอย่างมั่นคงของตระกูลลัดดาวัลย์เช่นนี้ ฉันก็วางใจแล้ว ”
ท่านคทาสัมผัสได้ถึงความหมายที่ไม่ธรรมดาจากปากของรพีพงษ์อย่างเลือนรางแล้ว
“นายน้อยทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ ?ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์ก็ยังเป็นคุณที่ตัดสินใจอยู่แล้ว”
รพีพงษ์ส่ายๆหน้า พูดกับท่านคทาว่า : “ที่วันนี้ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ ก็เพราะอยากจะพูดกับพวกคุณว่า เร็วๆนี้ ผมจะพาอารียาและหนูลิน ไปจากตระกูลลัดดาวัลย์”
“อะไรนะ ไปจากตระกูลลัดดาวัลย์เหรอ?”
ผู้คนมองไปที่รพีพงษ์อย่างตกตะลึง คิดไม่ถึง นายใหญ่เพิ่งจะกลับมาอยู่ยังไม่ถึงสองวันก็จะออกไปอีกแล้ว
“ไม่รู้ว่า นายใหญ่ไปครั้งนี้ จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?” ท่านคทาพูดถาม
รพีพงษ์มองไปยังคนเหล่านี้ที่อยู่ในห้องโถง แล้วก็มองไปยังท่านคทาอีกครั้ง : “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ อาจจะหนึ่งปี หรืออาจจะสิบกว่าปีก็ไม่แน่นะ”
หลังที่จากที่ท่านคทาได้ยิน แววตาก็เศร้าโศก
สิบกว่าปี ถ้าหากถึงเวลานั้นจริงๆ เกรงว่าตัวเองก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วสินะ
“พวกคุณวางใจได้ แม้ว่าฉันจะไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านับแต่นี้ไปตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่เกี่ยวข้องกับฉันแล้ว ในทางกลับกัน ฉันจะติดต่อกับพวกคุณอยู่เสมอๆแน่ ถ้าหากตระกูลลัดดาวัลย์มีเรื่องอะไร ฉันจะรีบกลับมาโดยทันที!” รพีพงษ์มองไปยังผู้คนพร้อมเอ่ยพูดคำมั่นสัญญา
“พ่อ พวกเราจะไปที่ไหนกันคะ” หนูลินเงยหน้ามองพร้อมเอ่ยถาม
รพีพงษ์มองไปยังหนูลินยิ้มพร้อมพูดว่า : “พ่อจะพาพวกหนูไปเที่ยวที่สนุกๆที่หนึ่ง ที่นั่นมีภูเขาและแม่น้ำ แล้วก็ยังมีสัตว์ตัวน้อยเยอะแยะเลย”
“งั้นเหรอ?” ใบหน้าของหนูลินนำมาซึ่งรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
เธอจะไปรู้ได้ที่ไหนกัน สัตว์ตัวน้อยที่รพีพงษ์พูดกล่าวนั้น ก็คือสัตว์เลี้ยงวิญญาณขนาดใหญ่ในป่าหมอก!
“ทุกท่าน พวกคุณทุกคนล้วนเป็นคนขอตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันเชื่อว่า ความสามารถของพวกคุณบางคนในนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ของฉันอย่างแน่นอน !ตระกูลลัดดาวัลย์ที่เป็นเฉกเช่นวันนี้ ก็สามารถมองข้ามอำนาจใดๆบนโลกนี้ได้เลย ขอเพียงแค่พวกคุณทำงานกันอย่างราบรื่น ก็จะไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น!” รพีพงษ์พูดกำชับ
“นายน้อยได้โปรดวางใจ พวกเราจะต้องทำให้อุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์เจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักโด่งดังต่อไป!” ผู้คนพูดกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปยังคนเหล่านี้ ตามมาด้วยกวาดสายตาไปมองที่ไวภพแล้ว
“ไวภพ เรื่องที่นายกับลูกสาวของพี่สาคบหากัน ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำล่ะ?”
เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์พูดกล่าวถึงตัวเอง แล้วก็เรื่องส่วนตัว ไวภพก็ค่อนข้างเขินอายขึ้นมาทันที
“นายใหญ่ ผม……ผมไม่ทันได้พูดกับคุณ ไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาจะปกปิดคุณนะ”
ไวภพพูดกล่าวอย่างๆเก้ๆกังๆเล็กน้อย
“ภารุจาเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง คุณห้ามทำให้เธอเสียใจเด็ดขาดนะ” รพีพงษ์พูดกล่าว
ไวภพพยักหน้า เขาก็รู้ ภารุจาเป็นคนที่รพีพงษ์ใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ จัดให้เข้าไปอยู่ในหนึ่งบริษัทของตระกูลลัดดาวัลย์ของตัวเอง
และก็ทำให้เกิดบุพเพสันวาสของทั้งสองคนขึ้นโดยทางอ้อม
“วางแผนไว้ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่?” รพีพงษ์พูดถาม
“ห๊ะ?นี่……นี่มันเร็วเกินไปหรือเปล่า ภาเพิ่งจะเรียนจบ นี่มันก็เร็วเกินไปหรือเปล่า” ไวภพรีบพูดตอบกลับเลยทันที
“ไม่เร็วไปหรอกๆ ฉันคิดว่า รอจนพวกนายทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว บางทีฉันก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่เกียวโต ในฐานะที่เป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันก็ควรจะต้องรีบเตรียมของขวัญให้นายสักชิ้น” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมเอ่ยพูด
“นี่……จะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน นายใหญ่ นี่มันก็เร็วไปหน่อยนะครับ” ไวภพรีบพูดกล่าวทันที
รพีพงษ์กลับว่าไม่ได้ให้ความสนใจ ในทางกลับกัน เขามองไปยังไวภพแล้วพูดออกมาว่า : “ช่วงเวลาที่ฉันกับอารียาไม่อยู่ที่บ้าน เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ทั้งหมด มอบให้ไวภพเป็นคนดูแล ทุกเรื่อง หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรือสำคัญอะไร ไวภพสามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองเลย ไม่จำเป็นต้องรายงานกับฉัน! ”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เมื่อรพีพงษ์พูดคำพูดนี้ออกมา นั่นก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ตอนที่รพีพงษ์ไม่อยู่ งั้นไวภพก็เป็นตัวแทนนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์!
“นายน้อย ผมไม่ได้มีดีอะไรเลย ของขวัญชิ้นนี้ของคุณมีค่าเกินไปแล้ว ผมคงรับไว้ไม่ได้หรอกนะ !”
ไวภพรีบพูดกล่าว
รพีพงษ์มองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถงอย่างสงบนิ่ง บนตัวของไวภพ เขาได้ค้นพบเงาร่างของตัวเองในตอนนั้นอยู่บ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในใจของไวภพก็ไม่ได้คิดอย่างนี้ ก่อนอื่น ตัวเองก็ไม่ได้เป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลลัดดาวัลย์ ในทางกลับกัน เขาก็เป็นเพียงญาติห่างๆของรพีพงษ์เท่านั้น
สามารถเข้ามาทำงานในตระกูลลัดดาวัลย์ได้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นอิจฉาแล้ว แต่ว่า ในตอนนี้รพีพงษ์กลับว่าให้ตัวเองเป็นผู้แทนนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ นี่มันเป็นเหมือนฝันยังไงอย่างนั้นเลย!
“ตระกูลลัดดาวัลย์ที่ยอดเยี่ยมของฉัน!นายเป็นคนของตระกูลฉัน ฉันบอกว่านายรับผิดชอบของขวัญชิ้นนี้ไหว ก็คือรับผิดชอบไหว หรือว่า แม้แต่ความกล้าหาญอย่างนี้นายก็ไม่มีงั้นเหรอ?