พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1462 ของขวัญชิ้นใหญ่

บทที่ 1462 ของขวัญชิ้นใหญ่

ทันใดนั้น เขาก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า : “ประมุกรพีขอเพียงแค่ต้องการ ผมก็จะทำตามคำสั่งอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “คุณยังไม่รู้เลยว่าผมอยากจะให้คุณทำอะไร ตอบตกลงตอนนี้ มันเร็วเกินไปหรือเปล่า”

“นี่……” ชายหนุ่มเซ็ทผมกัดริมฝีปาก จู่เขาก็ค้นพบว่า แม้ว่าประมุกรพีมองดูแล้วอายุน้อยกว่าตัวเองหน่อย แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง หรือกลอุบาย ตัวเองก็สู้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลย

เรื่องที่ตระกูลลัดดาวัลย์มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ดูเหมือนว่าไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว!

“คุณทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศใช่ไหม” จู่ๆรพีพงษ์ก็พูดกล่าว: “บริษัทการค้าต่างประเทศเฮงรวย ผมยังคงจำชื่อนี้ได้ อนาคตยาวไกล เป็นชื่อที่ดีมาก”

ชายหนุ่มเซ็ทผมเกาๆศีรษะอย่างเขินอาย : “บริษัทเล็กนี้ของผม เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว (จำนวนที่น้อยมาก) ”

“ในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว ผมอยากจะให้คุณช่วยผมซื้อของหน่อย งั้นทำไม่ได้แล้วนะสิ?” รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างสงบนิ่ง

“ซื้อของ?”

เมื่อชายหนุ่มเซ็ทผมได้ยินเข้า ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างมั่นใจว่า : “ผมไม่ได้จะโม้คุณนะ ไม่ว่าประมุกรพีอยากจะซื้ออะไร สินค้าในประเทศก็ดี หรือว่าต่างประเทศก็ดี ผมจะต้องจัดหามาให้คุณได้อย่างแน่นอน ผมทำสิ่งนี้”

“งั้นก็ได้”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมส่งให้อีกฝ่าย

“นี่คือรายการสั่งซื้อสินค้า คุณซื้อตามรายการสินค้าด้านบนนี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนโอนเงินไปให้คุณนะ ส่วนที่ว่าจะส่งของไปที่ไหน รอหลังจากที่คุณซื้อสินค้าครบเรียบร้อยแล้ว ผมจะบอกคุณ” รพีพงษ์พูดกล่าว

ชายหนุ่มเซ็ทผมมองสิ่งของที่อยู่บนใบรายการสินค้า พูดท่องออกมาว่า : “โซฟาของอิตาลี พื้นไม้ของบราซิล ยังมีผ้าปูโต๊ะและผ้าม่านของสกอตแลนด์อีกด้วย……”

เพียงแค่ครู่เดียวก็ท่องสิ่งของไปร้อยกว่าอย่างแล้ว ชายหนุ่มเซ็ทผมพูดอย่างไม่เข้าใจ : “คุณชายรพีพงษ์ ผมขอถามหน่อย คุณต้องการอันนี้ไปทำอะไร?”

“ไม่ต้องถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม สรุปว่าคุณซื้อมาได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ ผมจะได้ให้คนอื่นไปจัดการให้” รพีพงษ์พูดกล่าว

“ทำได้ ทำได้!”

ชายหนุ่มเซ็ทผมรีบพูดกล่าวว่า : “การทำธุรกิจในครั้งนี้ คิดคำนวณแบบคร่าวๆก็ประมาณหลายล้าน ผมทำได้แน่นอน เพียงแค่…… ”

“เพียงแค่อะไร” รพีพงษ์พูดถาม

“เพียงแค่ ธุรกิจที่ทำเงินได้เยอะขนาดนี้ จากที่ผมทราบมา อุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ยังเกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ ทำไมพวกคุณถึงไม่ทำเองล่ะ?” ชายหนุ่มเซ็ทผมถามอย่างขาดความมั่นใจ

รพีพงษ์เหล่ตามองอีกฝ่าย : “ทำไม ธุรกิจที่ราคากว่าหลายล้าน มันยิ่งใหญ่เหรอ?”

ชายหนุ่มเซ็ทผมตกตะลึงอ้าปากค้าง หลังจากนั้นก็เข้าใจแล้ว

ดูเหมือนว่า ธุรกิจที่ในสายตาของตัวเองคิดว่ายิ่งใหญ่เหมือนฟ้า สำหรับรพีพงษ์แล้ว ไม่มีคุณค่าที่จะพูดถึงเลย

“คุณวางใจเถอะ คุณชายรพีพงษ์ ผมจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”

พูดแล้ว หลังจากที่บอกลากับรพีพงษ์ ชายหนุ่มเซ็ทผมก็ออกไปแล้ว

ตอนบ่าย รพีพงษ์เรียกประชุมทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ให้มาที่โถงใหญ่ของคฤหาสน์

ท่านคทายืนอยู่ข้างๆ รพีพงษ์พาอารียาและหนูลินมาถึงชั้นบนของห้องโถงใหญ่แล้ว

“วันนี้ที่เรียกทุกคนมาที่นี่ ก็เพราะว่ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่อยากจะแจ้งให้พวกคุณได้ทราบ”

รพีพงษ์มองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้องโถงพร้อมพูดกล่าว

คนเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นหนุ่มสาวเป็นหลัก วันนี้ พวกเขาล้วนแต่เติบโตเป็นกองกำลังสำคัญของตระกูลลัดดาวัลย์ ทุกคนต่างก็สามารถรับผิดชอบงานได้ด้วยตัวคนเดียว

“นายน้อย มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเลย” ท่านคทาพูดกล่าวข้างๆ

รพีงษ์พยักหน้าแล้ว : “ฉันเพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสองวัน สองวันนี้ ฉันได้อ่านดูผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่างๆ ในตระกูลลัดดาวัลย์แล้วที่พวกคุณรายงานมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันออกจากบ้านไป ธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ของเราก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งประเทศจีนก็คือโลก ล้วนกลายเป็นต้นตระกูลใหญ่ๆอันดับต้นๆ”

“เป็นเพราะว่ามีผู้นำที่ดีอย่างนายน้อย” ไวภพพูดกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ที่ไหนกันล่ะ ฉันว่าเป็นคุณงามความดีของทุกๆคน เมื่อเห็นพัฒนาการอย่างมั่นคงของตระกูลลัดดาวัลย์เช่นนี้ ฉันก็วางใจแล้ว ”

ท่านคทาสัมผัสได้ถึงความหมายที่ไม่ธรรมดาจากปากของรพีพงษ์อย่างเลือนรางแล้ว

“นายน้อยทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ ?ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์ก็ยังเป็นคุณที่ตัดสินใจอยู่แล้ว”

รพีพงษ์ส่ายๆหน้า พูดกับท่านคทาว่า : “ที่วันนี้ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ ก็เพราะอยากจะพูดกับพวกคุณว่า เร็วๆนี้ ผมจะพาอารียาและหนูลิน ไปจากตระกูลลัดดาวัลย์”

“อะไรนะ ไปจากตระกูลลัดดาวัลย์เหรอ?”

ผู้คนมองไปที่รพีพงษ์อย่างตกตะลึง คิดไม่ถึง นายใหญ่เพิ่งจะกลับมาอยู่ยังไม่ถึงสองวันก็จะออกไปอีกแล้ว

“ไม่รู้ว่า นายใหญ่ไปครั้งนี้ จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?” ท่านคทาพูดถาม

รพีพงษ์มองไปยังคนเหล่านี้ที่อยู่ในห้องโถง แล้วก็มองไปยังท่านคทาอีกครั้ง : “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ อาจจะหนึ่งปี หรืออาจจะสิบกว่าปีก็ไม่แน่นะ”

หลังที่จากที่ท่านคทาได้ยิน แววตาก็เศร้าโศก

สิบกว่าปี ถ้าหากถึงเวลานั้นจริงๆ เกรงว่าตัวเองก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วสินะ

“พวกคุณวางใจได้ แม้ว่าฉันจะไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านับแต่นี้ไปตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่เกี่ยวข้องกับฉันแล้ว ในทางกลับกัน ฉันจะติดต่อกับพวกคุณอยู่เสมอๆแน่ ถ้าหากตระกูลลัดดาวัลย์มีเรื่องอะไร ฉันจะรีบกลับมาโดยทันที!” รพีพงษ์มองไปยังผู้คนพร้อมเอ่ยพูดคำมั่นสัญญา

“พ่อ พวกเราจะไปที่ไหนกันคะ” หนูลินเงยหน้ามองพร้อมเอ่ยถาม

รพีพงษ์มองไปยังหนูลินยิ้มพร้อมพูดว่า : “พ่อจะพาพวกหนูไปเที่ยวที่สนุกๆที่หนึ่ง ที่นั่นมีภูเขาและแม่น้ำ แล้วก็ยังมีสัตว์ตัวน้อยเยอะแยะเลย”

“งั้นเหรอ?” ใบหน้าของหนูลินนำมาซึ่งรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา

เธอจะไปรู้ได้ที่ไหนกัน สัตว์ตัวน้อยที่รพีพงษ์พูดกล่าวนั้น ก็คือสัตว์เลี้ยงวิญญาณขนาดใหญ่ในป่าหมอก!

“ทุกท่าน พวกคุณทุกคนล้วนเป็นคนขอตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันเชื่อว่า ความสามารถของพวกคุณบางคนในนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ของฉันอย่างแน่นอน !ตระกูลลัดดาวัลย์ที่เป็นเฉกเช่นวันนี้ ก็สามารถมองข้ามอำนาจใดๆบนโลกนี้ได้เลย ขอเพียงแค่พวกคุณทำงานกันอย่างราบรื่น ก็จะไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น!” รพีพงษ์พูดกำชับ

“นายน้อยได้โปรดวางใจ พวกเราจะต้องทำให้อุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์เจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักโด่งดังต่อไป!” ผู้คนพูดกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปยังคนเหล่านี้ ตามมาด้วยกวาดสายตาไปมองที่ไวภพแล้ว

“ไวภพ เรื่องที่นายกับลูกสาวของพี่สาคบหากัน ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำล่ะ?”

เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์พูดกล่าวถึงตัวเอง แล้วก็เรื่องส่วนตัว ไวภพก็ค่อนข้างเขินอายขึ้นมาทันที

“นายใหญ่ ผม……ผมไม่ทันได้พูดกับคุณ ไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาจะปกปิดคุณนะ”

ไวภพพูดกล่าวอย่างๆเก้ๆกังๆเล็กน้อย

“ภารุจาเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง คุณห้ามทำให้เธอเสียใจเด็ดขาดนะ” รพีพงษ์พูดกล่าว

ไวภพพยักหน้า เขาก็รู้ ภารุจาเป็นคนที่รพีพงษ์ใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ จัดให้เข้าไปอยู่ในหนึ่งบริษัทของตระกูลลัดดาวัลย์ของตัวเอง

และก็ทำให้เกิดบุพเพสันวาสของทั้งสองคนขึ้นโดยทางอ้อม

“วางแผนไว้ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่?” รพีพงษ์พูดถาม

“ห๊ะ?นี่……นี่มันเร็วเกินไปหรือเปล่า ภาเพิ่งจะเรียนจบ นี่มันก็เร็วเกินไปหรือเปล่า” ไวภพรีบพูดตอบกลับเลยทันที

“ไม่เร็วไปหรอกๆ ฉันคิดว่า รอจนพวกนายทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว บางทีฉันก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่เกียวโต ในฐานะที่เป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันก็ควรจะต้องรีบเตรียมของขวัญให้นายสักชิ้น” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมเอ่ยพูด

“นี่……จะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน นายใหญ่ นี่มันก็เร็วไปหน่อยนะครับ” ไวภพรีบพูดกล่าวทันที

รพีพงษ์กลับว่าไม่ได้ให้ความสนใจ ในทางกลับกัน เขามองไปยังไวภพแล้วพูดออกมาว่า : “ช่วงเวลาที่ฉันกับอารียาไม่อยู่ที่บ้าน เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ทั้งหมด มอบให้ไวภพเป็นคนดูแล ทุกเรื่อง หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรือสำคัญอะไร ไวภพสามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองเลย ไม่จำเป็นต้องรายงานกับฉัน! ”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เมื่อรพีพงษ์พูดคำพูดนี้ออกมา นั่นก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ตอนที่รพีพงษ์ไม่อยู่ งั้นไวภพก็เป็นตัวแทนนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์!

“นายน้อย ผมไม่ได้มีดีอะไรเลย ของขวัญชิ้นนี้ของคุณมีค่าเกินไปแล้ว ผมคงรับไว้ไม่ได้หรอกนะ !”

ไวภพรีบพูดกล่าว

รพีพงษ์มองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถงอย่างสงบนิ่ง บนตัวของไวภพ เขาได้ค้นพบเงาร่างของตัวเองในตอนนั้นอยู่บ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในใจของไวภพก็ไม่ได้คิดอย่างนี้ ก่อนอื่น ตัวเองก็ไม่ได้เป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลลัดดาวัลย์ ในทางกลับกัน เขาก็เป็นเพียงญาติห่างๆของรพีพงษ์เท่านั้น

สามารถเข้ามาทำงานในตระกูลลัดดาวัลย์ได้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นอิจฉาแล้ว แต่ว่า ในตอนนี้รพีพงษ์กลับว่าให้ตัวเองเป็นผู้แทนนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ นี่มันเป็นเหมือนฝันยังไงอย่างนั้นเลย!

“ตระกูลลัดดาวัลย์ที่ยอดเยี่ยมของฉัน!นายเป็นคนของตระกูลฉัน ฉันบอกว่านายรับผิดชอบของขวัญชิ้นนี้ไหว ก็คือรับผิดชอบไหว หรือว่า แม้แต่ความกล้าหาญอย่างนี้นายก็ไม่มีงั้นเหรอ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท