พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1463 เป็นเดือดเป็นร้อน

บทที่ 1463 เป็นเดือดเป็นร้อน

รพีพงษ์ลุกขึ้นยืน มองไปยังไวภพพร้อมพูดกล่าว

ไวภพมองไปยังนัยน์ตาของรพีพงษ์ที่นำมาซึ่งแสงวิบวับที่แหลมคม เขาก็กำหมัดแน่น

“วันนั้น ก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่บนของห้องโถงนี้!ผู้คนที่อยู่ข้างล่าง มีเพียงนายไวภพที่กล้ายืนขึ้นมาต่อต้านชลิตา!เพียงแค่ความกล้าหาญและสปิริต ก็เพียงพอที่จะให้นายมายืนอยู่ที่ตำแหน่งของวันนี้!”

นัยน์ตาของรพีพงษ์นำมาซึ่งแสงสว่าง ตามมาด้วยพูดกล่าวว่า : “การจ้างคนให้ทำงานของฉัน ไม่เคยดูที่ประสบการณ์มาก่อน ขอเพียงแค่มีความสามารถ ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยแล้วจะยังไง?”

คนในห้องโถงต่างก็มองไปยังนายน้อยท่านนี้ที่อยู่บนระเบียง

อายุน้อย ก็มีพละกำลังและความสามารถเช่นนี้ คนแบบนี้ ถึงเป็นมังกรในร่างของคนที่แท้จริง!

“นายน้อย ผมยินยอมที่จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ของท่านครับ!”

ไวภพพูดกล่าวว่า : “ท่านพูดถูก วัยรุ่น ทะนงตัวหน่อยแล้วจะยังไง!”

พูดแล้ว เขาก็นำมุรามาสะนั่นที่รพีพงษ์มอบให้ตัวเองออกมาจากอ้อมแขนแล้ว

“ทุกครั้งที่เห็นมีดล้ำค่าเล่มนี้ที่นายน้อยให้ผม ผมก็จะเตือนตัวเองอยู่เสมอ จะต้องทำตามแบบอย่างของนายน้อย!”

“ดีมาก” นัยน์ตาของรพีพงษ์นำมาซึ่งรอยยิ้ม ไวภพมีความกล้าหาญที่คล้ายคลึงกับตัวเอง และทำงานอย่างรวดเร็วเฉียบขาด และก็น่าเชื่อถือ สายตาที่เฉียบแหลมของตัวเองไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน

“พอแล้ว ทุกท่าน เร็วๆนี้ฉันจะออกเดินทางจากเกียวโต พวกคุณก็แยกย้ายกันไปเถอะ”

รพีพงษ์โบกโบกมือ สุดท้ายแล้วก็พูดกำชับสักสามสี่ประโยค

ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องโถงใหญ่ เหลือเพียงท่านคทาเพียงผู้เดียว

ในเวลานี้ นัยน์ตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มองไปยังรพีพงษ์

“ท่านคทา” รพีงษ์เดินมายังข้างกายของท่านคทาแล้ว มองไปยังชายชราท่านนี้ที่อยู่ตรงหน้า ตอนที่แรกที่อยู่เมืองริเวอร์ ก็เป็นเขาที่พยายามอย่างมากเพื่อเชื้อเชิญให้ตัวเองกลับมายังตระกูลลัดดาวัลย์

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตอนนั้นท่านคทาก็ยังเป็นชายชราที่กระฉับกระเฉงแข็งแรงดี แต่ว่าตอนนี้ ผมสีขาวแกมเทา จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าเพื่อค้ำประคองร่างกายของตัวเอง

“นายน้อย”

มือที่ค่อนข้างสั่นคลอนของท่านคทาจับรพีพงษ์ไว้แล้ว : “จากกันวันนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ คุณเติบโตแล้ว ตอนนี้เมื่อฉันหลับตาลง ล้วนแต่จดจำภาพฉากที่เจอนายน้อยครั้งแรกที่เมืองริเวอร์ได้”

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมไปมองที่เขา : “ตอนแรกที่เจอคุณ ผมน่าจะไปเททิ้งขยะใช่ไหม ภาพเหตุการณ์นั้น ไม่พูดถึงมันก็ดีนะ”

ท่านคทายิ้มพร้อมส่ายหน้า : “ตระกูลลัดดาวัลย์ผู้เก่งกาจยอดเยี่ยม ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่า นายน้อยท้ายที่สุดก็ไม่ใช่คนธรรมดา เพียงแต่สิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็คือ นายน้อยจะเติบโตมายืนอยู่ในตำแหน่งเฉกเช่นวันนี้! ”

รพีพงษ์มองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า ถ้าหากไม่ใช่เขา เกรงว่าตัวเองในตอนนี้ก็ยังจะอยู่เมืองริเวอร์ ใช้ชีวิตอย่างปกติและมั่งคั่งร่ำรวยกับอารียาและหนูลิน

จะเหมือนกับตอนนี้ซะที่ไหนล่ะ มีอานุภาพพละกำลังเกรียงไกรและยิ่งใหญ่เช่นนี้

“ท่านคทา ฉันมีของอย่างหนึ่งจะมอบให้กับคุณ”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็หยิบเม็ดยาสีแดงเข้มหนึ่งเม็ดออกมาจากอ้อมแขน

นี่คือยาเม็ดหนึ่งเม็ดที่รพีพงษ์เก็บเอาไว้ ตอนที่อยู่ในกลุ่มสิงโตในตอนนั้น

ระดับของยาเม็ดก็ไม่ถือว่าสูง สำหรับตัวเองแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์มากมายอะไร

“นี่คือ?” ท่านคทาใส่แว่นตาที่ห้อยอยู่ที่คอ เขาไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเม็ดยานี้มีประสิทธิภาพที่น่ามหัศจรรย์อะไร

“เม็ดยานี้คุณสามารถทานมันเข้าไปได้ มันมีประโยชน์กับร่างกายของคุณมากนะ ถ้าไม่เกินความคาดหมาย อย่างน้อยก็สามารถยืดอายุได้ถึง 20 ปี” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“งั้นเหรอ?เม็ดยานี้ มหัศจรรย์ขนาดนี้?” ท่านคทาพูดกล่าวอย่างตกใจ

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย : “บนโลกใบนี้ เรื่องที่น่ามหัศจรรย์มีเยอะแยะมากมาย ขนาดที่ว่า บางแง่มุม ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

ท่านคทามองไปยังสองดวงตาที่เป็นประกายของรพีพงษ์ ก็พูดอุท่านว่า : “นายน้อย คุณเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ”

รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ ตัวเองเคยผ่านเส้นทางมามากมาย เคยไปสถานที่ต่างๆมามากมาย แต่ว่า กลับว่าไม่เคยลืมความตั้งใจเดิม ในใจก็ยังคงเป็นชายหนุ่มคนนั้นในตอนเริ่มแรก

เช้าวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ขับรถฮัมเมอร์ด้วยตัวอง ขับพาอารียาและหนูลินออกไปจากเกียวโตแล้ว

“พ่อคะ เรายังจะกลับกันมาไหมคะ?” หนูลินพูดถาม

รพีพงษ์ยิ้มๆ มองไปยังหนูลินแล้วพูดว่า : “วางใจเถอะจ้ะ หนูลิน เราจะกลับมาอย่างแน่นอน”

หนูลินผู้รู้เรื่องรู้ราวพยักหน้าแล้ว อารียาที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมมองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ในตำแหน่งคนขับรถด้านหน้า

ขอเพียงแค่มีรพีพงษ์อยู่ ก็มีความรู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ไม่กลัวทั้งนั้น

เกียวโต เมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ค่อยๆถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง ในใจของรพีพงษ์รู้เป็นอย่างดี วันนี้เมื่อจากลากันแล้ว ตัวเองก็ต้องเหยียบย่างเขาสู่เส้นทางใหม่ เส้นทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์

รถคนนี้ขับด้วยความเร็วบนถนนทางหลวง ระยะเวลาในการขับรถประมาณ 3-4ชั่วโมง รพีพงษ์กลับว่าไม่มีปัญหาอะไร อารียากลับว่าค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยบ้างแล้ว

รพีพงษ์ที่นั่งอยู่แถวหน้าสัมผัสได้ถึงอาการของอารียาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน เขาพูดกล่าวว่า : “ข้างหน้าก็เป็นเขตให้บริการ เราไปหยุดพักที่นั่นสักหน่อยแล้วกัน”

น้ำมันรถก็เหลือไม่มากแล้วพอดี ถือโอกาสเติมน้ำมันด้วยเลย

ถึงเขตให้บริการแล้ว รพีพงษ์พวกเขาสามคนพ่อแม่รู้ก็เข้าไปร้านอาหารสั่งอาหารมาทานสักหน่อย พักผ่อนสักครู่

“รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้คุณพูดว่า จะพาพี่สามาด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นเธอล่ะ?” อารียาพูดถาม

รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบว่า : “ก่อนที่จะออกมาผมได้พูดคุยกับพี่สาแล้ว เธอและชยนต์ ตมิสาและคนอื่นๆ รอจนพวกเรามั่นคงแล้ว ก็จะตามมาถึงนะ”

อารียาพยักหน้าแล้ว ดูเหมือนว่า ตัวเองจะพิจารณาเยอะไปแล้ว รพีพงษ์ได้พิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมดไว้อย่างเหมาะสมแล้ว

ตอนที่พวกเขาทั้งสามคนพักผ่อนกันจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะออกเดินทาง นอกประตูใหญ่ของร้านอาหาร ก็มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามา

“ขับเร่งรถให้ทันเวลามาทั้งวัน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

ผู้ชายที่สูงๆผอมๆคนหนึ่งนั่งลง พูดแขวะ

ผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆพูดตอบกลับว่า : “ทางออกข้างหน้าก็คือเมืองริเวอร์แล้ว เมื่อถึงที่นั่น เราก็จะได้เปิดห้อง พักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินเข้า ก็พูดกล่าวกับอารียาว่า : “ข้างหน้าก็คือเมืองริเวอร์แล้ว อยากจะกลับไปดูสักหน่อยไหม?”

หนูลินก็ปรบมือพร้อมพูดกล่าว : “ดีค่ะ ดีค่ะ กลับไปเมืองริเวอร์ กลับไปเมืองริเวอร์!”

สำหรับหนูลินแล้ว เหมือนว่าเมืองริเวอร์จะเป็นสถานที่หนึ่งที่ถูกผนึกไว้ในความทรงจำแล้ว เธอไม่คุ้นเคย แต่กลับว่าอยากจะไปดูอย่างมาก

ใบหน้าของอารียาก็นำมาซึ่งรอยยิ้ม : “ถ้าหากไม่เร่งรีบล่ะก็ ก็ไปดูสักหน่อยได้นะ”

รพีพงษ์จับมือของอารียา ตั้งแต่ที่ตัวเองออกจากเมืองริเวอร์ กลับว่าไม่เคยกลับไปอีกเลย ใช้โอกาสในวันนี้ กลับไปอยู่สักสองวัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

และในเวลานี้ เหมือนว่าชายหนุ่มทั้งสองคนจะได้ยินรพีพงษ์พวกเขาพูดคุยกันแล้ว เดินก้าวมายังข้างหน้าพร้อมพูดกล่าวว่า : “สหาย พวกคุณมากันจากที่ไหน จะไปที่เมืองริเวอร์เหรอ?”

“คุณลุง พวกเรามากจากเกียวโตน่ะ” หนูลินรีบแย่งพูดก่อน

“เกียวโต?”

ผู้ชายที่ผอมสูงคนนั้นยิ้มพร้อมพูดว่า : “งั้นพวกคุณก็น่าจะรู้จักรพีพงษ์สินะ”

“รพีพงษ์ก็คือ……”

หนูลินยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนรพีพงษ์หยุดไว้แล้ว

คิดถึงสิ่งที่เจอในสนามเด็กเล่นเมื่อสองวันก่อน การออกเดินทางในครั้งนี้ สิ่งที่รพีพงษ์คิดไว้ก็คือการทำตัวค้อมต่ำไม่เป็นจุดสนใจ

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปยังอีกฝ่ายพูดกล่าวว่า : “ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้จักแล้ว นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“จริงด้วย แต่ว่าคุณคงไม่รู้สินะ รพีพงษ์มาจากเมืองริเวอร์นะ ตอนนั้นชื่อเสียงของเขาที่เมืองริเวอร์ ไม่ค่อยจะน่าฟังสักเท่าไหร่” ชายสูงผอมพูดกล่าว

เพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างๆเขาก็พูดคล้อยตามว่า : “ใช่ๆ ฉันได้ยินมาว่า รพีพงษ์ไอ้หมอนี่นั้นมันเกาะผู้หญิงกินไม่ทำมาหางาน ตอนนั้นคนทั้งเมืองริเวอร์ต่างก็ดูถูกเขา แต่ว่าเกาะผู้หญิงกินก็สามารถเกาะจนมาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้ งั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียวนะ”

“โธ่ แต่น่าเสียดาย ฉันน่ะไม่มีโชคชะตาที่ดีแบบนี้บ้าง ถ้าหากฉันสามารถเกาะผู้หญิงกินแบบนี้ได้ล่ะก็ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนทุกวันนี้ ไม่ต้องวิ่งเต้นให้เหน็ดเหนื่อยแล้ว”

ชายสูงผอมพูดกล่าว เงยหน้ามองรพีพงษ์พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก

“สหาย เหมือนว่ารูปร่างหน้าตาของคุณจะคล้ายคลึงกับรพีพงษ์คนนั้นสักหน่อยนะ อีกอย่าง ภรรยาของเขาก็สวยมากเช่นนี้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าน้องชายก็เป็นคนที่มีวาสนาดีนะ” ชายผอมสูงพูดจาชื่นชม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย กลับว่าไม่ได้พูดจาอะไร

แต่ว่า สำหรับสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งจะพูดกันเมื่อกี้ อารียาที่อยู่ข้างๆกลับว่าโมโหอย่างมาก เธอพูดกับสองคนนี้ว่า : “ขอถามหน่อยคุณทั้งสองคน รู้มากจากที่ไหนว่าตอนแรกนั้นรพีพงษ์ไม่ทำงานเกาะภรรยากินเหรอ?”

“ทำไมเหรอ พวกคุณไม่รู้เหรอ นี่เป็นเรื่องที่ใครๆต่างก็รู้กันทั้งนั้นนะ” ชายผอมสูงพูดกล่าวว่า: “รอหลังจากที่พวกคุณถึงเมืองริเวอร์ก่อน ลองเลือกถามใครดูสักคนหนึ่ง พวกเขาต่างก็รู้ว่ารพีพงษ์ไอ้หมอนี่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลฉัตรมงคล”

อารียาคิ้วขมวดเล็กน้อย : “คุณช่วยพูดจาให้เกียรติกันหน่อยนะ รพีพงษ์เดิมทีเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่แล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ภายใต้การปกครองของเขา ก็ยิ่งจะพัฒนาไปได้ยิ่งใหญ่มากกว่าเมื่อก่อนอีก คนแบบนี้ พวกคุณกลับพูดว่าไม่ทำงานเกาะผู้หญิงกิน นี่มันจะไม่ทำให้คนเขาหัวเราะเยาะเอาเหรอ?”

“เหอะ เกาะผู้หญิงกินอย่างพวกคุณพูดก็ดี เศษสวะก็ดี สำหรับฉันแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณไม่เข้าใจในตัวเขาเลยต่างหาก ไม่รู้ในสิ่งที่เขาคิด เรื่องราวที่เขาจะต้องแบกรับไว้ เป็นเรื่องที่พวกคุณยากจะจินตนาการได้” อารียาพูดกล่าว

ใต้โต๊ะกินข้าว มือของรพีพงษ์จับมือของอารียาไว้แน่น ไม่รู้ว่าทำไม รพีพงษ์เพลิดเพลินไปกับท่าทีของภรรยาที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนตัวเองอย่างมาก

เป็นเวลานานมากแล้ว ล้วนแต่เป็นรพีพงษ์ที่คอยวางแผนเพื่อพวกเขา ปกป้องพวกเขา แต่ว่าวันนี้ เห็นอารียาออกหน้าเพื่อตัวเอง ในใจของรพีพงษ์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแล้วทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท