พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1487 ตัวตนที่เป็นปริศนา

บทที่ 1487 ตัวตนที่เป็นปริศนา

รพีพงษ์เปิดประตูในสวน เห็นหงส์กำลังเดินมา ก็กล่าวทักทายว่า “ดึกขนาดนี้แล้วคุณยังไม่นอนอีกหรือ?”

หงส์ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “คุณแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วยังไม่นอนเลย ฉันเลยต้องรีบฝึก เด็กที่นั่งอยู่บนไหล่ของคุณคือ……..”

ปัณฑาขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าโกรธเล็กน้อย และกล่าวว่า “ฉันจะพูดอีกครั้ง อย่าปฏิบัติต่อฉันเหมือนเด็ก ฉันไม่ได้เด็กไปกว่าพวกคุณ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์และหงส์ก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง ขณะนี้พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของปัณฑาอย่างจริงจัง

ใครก็มีช่วงพยศ

“ยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ ในสวนลมแรงมาก พวกเราเข้าไปคุยที่ข้างในกันเถอะ” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ พวกเขาที่เป็นนักฝึกตนไม่กลัวเป็นหวัด แต่สำหรับปัณฑานั้นต่างออกไป เด็กมีร่างกายที่อ่อนแอ นี่คือความคิดของคนทั่วไป

หงส์พยักหน้า แล้วเดินตามรพีพงษ์เข้าไปในคฤหาสน์

เมื่อมองการตกแต่งภายในที่ประกายแวบวับของคฤหาสน์ ดวงตาของปัณฑาก็เป็นประกาย

“ไม่คิดว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในป่าหมอก ไม่เลว ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย”

เมื่อเผชิญหน้ากับปัณฑาที่พูดเองเออเอง รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างจำใจ แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นแค่เด็ก รพีพงษ์ไม่ทำให้ปัณฑาต้องลำบากใจ ดังนั้นจึงให้เธออาศัยอยู่ที่นี่ด้วย

“สาวน้อย บอกพี่สาวสิว่า บ้านของเธออยู่ที่ไหน แล้วมาปรากฏตัวในป่าหมอกเพียงลำพังได้อย่างไร พ่อแม่ของเธอล่ะ”

หงส์เป็นคนที่ชอบเด็ก ขณะนี้เธอถามปัณฑาอย่างอ่อนโยน

แต่เสียดาย ที่ปัณฑาไม่เล่นด้วย กลับรู้สึกโกรธเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เฮ้อ ช่างมันเถอะ เด็กก็คือเด็ก ฉันพูดแค่ครั้งเดียว ครอบครัวของฉันอาศัยอยู่ในป่าหมอกนี้ ป่าหมอกทั้งหมดเป็นบ้านของฉัน ฉันเกิดที่นี่ และฉันไม่มีพ่อแม่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์และหงส์ก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าปัณฑาจะถูกทิ้งอยู่ในป่าหมอกตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก?

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

รู้ไหม เมื่อหลายปีก่อนที่รพีพงษ์จะมาที่นี่ ในเวลานั้นป่าหมอกเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างอันตราย เด็กเล็กจะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้อย่างไร?

ปัณฑากระโดดลงมาจากไหล่ของรพีพงษ์ การกระโดดที่เบาจนดูเหมือนเด็กจะไม่สามารถทำได้

“ว่าแต่ ที่นี่มีอะไรให้กินหรือเปล่า ฉันหิวแล้ว ฉันอยากกิน”

เมื่อเผชิญกับคำขอของปัณฑา รพีพงษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยิบอาหารที่ยังกินไม่หมดที่อยู่ในตู้เย็นออกมาอุ่นหลายจาน กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารดึงดูดปัณฑาในทันที

สิ่งที่รพีพงษ์และหงส์คิดไม่ถึงคือ ปัณฑาใช้เวลาเพียงห้านาที ก็กินอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยง

รู้ไหมว่า อาหารที่รพีพงษ์อุ่นนั้นผู้ใหญ่สามารถทานได้สี่คน แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กที่สูงยังไม่ถึงต้นขาของตนเองกินจนเกลี้ยง?

หรือว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นเทาเที่ยกลับชาติมาเกิด?

ปัณฑาลูบท้องของตนเองด้วยความพอใจ สะอึก แล้วกล่าวว่า “สามารถใช้สัตว์เซียนปรุงอาหารได้ ไม่เลวนี่ ฉันพอใจมาก อย่าพูดว่าฉันทานอาหารของคุณเปล่า ๆ น่ะ อันนี่ให้คุณ”

พูดจบ ปัณฑาล้วงเถาวัลย์ครึ่งวงออกจากกระเป๋า แล้วโยนให้รพีพงษ์

หงส์มองเถาวัลย์สีดำในมือของรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

เห็นได้ชัดว่าเถาวัลย์นี้ตายแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักบุญคุณก็ช่างเถอะ แต่ยังใช้เถาวัลย์นี้มาหลอกรพีพงษ์อีกด้วย

หงส์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกรพีพงษ์หยุดไว้เสียก่อน

รพีพงษ์มองเถาวัลย์ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่ปัณฑา และกล่าวว่า “คุณพักอยู่ที่ชั้นสองก่อน อีกสักครู่ผมจะพาคุณไป วันพรุ่งนี้ตามผมไปที่ที่หนึ่ง”

ปัณฑาพยักหน้า และยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะเห็นความแตกต่างของเถาวัลย์เส้นนี้

สีหน้าของหงส์เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เนื่องจากรพีพงษ์ได้ตัดสินใจแล้ว เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ชั่วขณะหนึ่ง

เวลาผ่านไปนาน ปัณฑาที่กินอิ่ม ในที่สุดก็รู้สึกง่วง จึงเดินตามรพีพงษ์ไปพักผ่อนที่ห้องบนชั้นสอง

หลังจากเฝ้าดูปัณฑาหลับสนิทแล้ว รพีพงษ์และหงส์รู้สึกวางใจ แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง

ขณะนี้ หงส์ถามว่า “รพีพงษ์ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ เธอมีนิสัยเช่นนี้คุณยังตามใจเธออีก แล้วเธอยังใช้เถาวัลย์มาหลอกคุณ ใช่แล้ว เถาวัลย์นั้นอยู่ไหน ฉันจะเอามันไปทิ้งเดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างไม่พอใจของหงส์ รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ หยิบเถาวัลย์ออกจากกระเป๋าแล้วกล่าวว่า “ผมไม่รู้ที่มาของเด็กคนนี้ ผมบังเอิญไปเจอเธออยู่ในป่าหมอก อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์นี้ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เถาวัลย์ครึ่งวงนี้ เป็นวัสดุระดับเทพ”

“อะไรนะ? วัสดุระดับเทพ? รพีพงษ์ ไม่ใช่ว่าคุณคิดเรื่องยาจนโง่ไปแล้วน่ะ”

หงส์ดูกังวล ซึ่งทำให้รพีพงษ์เก้อเขินเล็กน้อย

“สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง เหตุผลที่คุณมองไม่ออก เป็นเพราะว่าพื้นผิวทั้งหมดของวัสดุระดับเทพถูกปกคลุมด้วยพลังทิพย์ มันจึงดูเหมือนเถาวัลย์ที่ตายไปแล้ว แต่ผมแน่ใจว่า นี่เป็นวัสดุระดับเทพอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงยืนยันของรพีพงษ์ หงส์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามยอมรับ และมองเถาวัลย์ครึ่งวงที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ ยังไงก็ไม่สามารถคิดว่ามันเป็นวัสดุระดับเทพได้

“ไม่ถูกนี่ ในเมื่อเถาวัลย์ถูกพลังทิพย์ปกคลุม แต่ว่า แล้วใครใช้พลังทิพย์ปกคลุมเถาวัลย์นี้ล่ะ คงจะไม่ใช่เด็กคนนั้นมั้ง”

รพีพงษ์เกาคาง ส่ายศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่สามารถแยกแยะได้ แต่เด็กคนนี้แปลกประหลาดแน่นอน วันนี้รีบไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ผมจะพาเธอไปหาแรดโบราณ แรดโบราณรู้เรื่องในป่าหมอกดีกว่าผม ไม่แน่อาจจะได้เบาะแสอะไร”

หงส์พยักหน้า ตอนนี้คงต้องทำเช่นนี้

บนชั้นสี่ รพีพงษ์เดินออกมาจากลิฟต์ อารียากำลังนั่งฝึกอยู่ข้างเตียง รู้สึกได้ถึงความแปรปรวนของพลังทิพย์ เธอลืมตาขึ้นทันที เมื่อเห็นร่างผู้ชายคนนี้อยู่ตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ

“รพีพงษ์ ทำไมคุณกลับมาช้าจัง เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นที่ชั้นล่าง”

รพีพงษ์ถอนหายใจ และเล่าเรื่องราวที่ตนเองเจอปัณฑาขณะเดินเล่นในป่าหมอกให้อารียาฟังทั้งหมด

อารียาตกใจเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า “ไม่ได้! รพีพงษ์ เด็กเล็กเช่นนี้ คุณอย่าปล่อยให้เธออยู่ในป่าหมอกเพียงลำพัง”

รพีพงษ์ยิ้มและลูบศีรษะของอารียา และกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจัดให้เธอพักอยู่ที่ชั้นสองแล้ว วันพรุ่งนี้ผมจะพาเธอไปหาแรดโบราณ บางทีแรดโบราณอาจจะรู้อะไรบางอย่าง”

อารียาพยักหน้า และมองหนูลินที่กำลังหลับสนิท ทั้งสองคนฝึกคัมภีร์หยินหยางอยู่หลายรอบ จากนั้นก็นอนหลับไป

วันรุ่งขึ้น

รพีพงษ์ตื่นตั้งแต่เช้า มองหนูลินและอารียาที่นอนอยู่ข้าง ๆ แล้วจูบที่หน้าผากของพวกเขาเบา ๆ

ที่ชั้นหนึ่ง รพีพงษ์เดินลงบันได เห็นปัณฑานั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา ราวกับว่าผู้ฝึกตนกำลังฝึกหายใจเอาพลังทิพย์ออกไป

“ตื่นเช้านี่ วันนี้กินอะไร” ปัณฑากล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความอคติใด ๆ กับคนแปลกหน้าอย่างรพีพงษ์อีกต่อไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท