พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1486 เก็บโลลิน้อยได้ระหว่างทาง

บทที่ 1486 เก็บโลลิน้อยได้ระหว่างทาง

 

รพีพงษ์หันศีรษะไปดูคนในเสื้อคลุมที่นั่งอยู่บนพื้น แล้วเดินเข้าไป แล้วยื่นมือเพื่อจะช่วยพยุงคนในเสื้อคลุม แต่ถูกคนในเสื้อคลุมตบที่มือ เห็นได้ชัดว่าเห็นตนเองเป็นศัตรู

“เมื่อครู่นี้ เจ้างูน้อยตัวนี้ได้ล่วงเกินคุณ ถ้าไม่รังเกียจ ผมสามารถพาคุณกลับไปรักษาตัวที่บ้าน เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของร่างกาย และชดเชยความเสียหายให้คุณ” รพีพงษ์กล่าวอย่างสุภาพ

ไม่ว่าจะเป็นยังไง งูสีเงินก็เป็นฝ่ายทำร้ายอีกฝ่ายก่อน และสัตว์เซียนทั้งหมดในป่าหมอกนี้เคารพตนเอง ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ตนเองจะต้องรับผิดชอบแทนงูสีเงิน

คนในเสื้อคลุมส่ายศีรษะ ดวงตาที่มองรพีพงษ์ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ

งูเซียนยาวหลายเมตรนั่น เป็นงูตัวเล็กในสายตาของชายคนนี้เหรอ? โลกใบนี้มันเป็นอะไรไปแล้ว?

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าตนเองเพิ่งตื่นจากการหลับใหล คงไม่ถูกงูเซียนที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดเกือบฆ่าตาย

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากตนเอง รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบขวดยาหลิงตานออกจากกระเป๋า แล้ววางลงบนพื้น

“ในเมื่อคุณไม่ยอมไว้ใจผม ในขวดนี้คือยาที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้ ผมวางไว้ตรงนี้ แล้วก็จะออกไปทันที คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง คิดเสียว่าที่เป็นคำขอโทษคุณก็แล้วกัน”

พูดจบ รพีพงษ์ก็โค้งคำนับคนในเสื้อคลุมเล็กน้อย หันหลังแล้วพางูสีเงินเดินจากไป

คนในเสื้อคลุมตกตะลึงเป็นเวลานาน ได้กลิ่นยาที่ลอยอยู่ในอากาศ จึงไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ และในที่สุดเธอก็เดินมาอยู่ตรงหน้าขวดยา

ทันทีที่หยิบขวดขึ้นมาและเปิดฝาจุก กลิ่นยาทำให้ร่างกายของคนในเสื้อคลุมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“มันเป็นยาชั้นเลิศจริง ๆ และแต่ละเม็ดก็มีลักษณะที่ยอดเยี่ยม ไอ้หมอนี้ดูเหมือนอายุประมาณยี่สิบกว่าเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นคนปรุงยานี้? ไม่ได้! ฉันต้องตามไปดู”

คนในเสื้อคลุมคิดอยู่ในใจ แล้วก็เอาขวดยาใส่ในกระเป๋าเสื้อ มองหากลิ่นของรพีพงษ์ที่หลงเหลืออยู่ แล้วตามไปอย่างรวดเร็ว

“แพล็บ~”

ฝั่งรพีพงษ์ งูสีเงินแลบลิ้นออกมา แล้วก็มองไปข้างหลัง

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เข้าใจความหมายของงูสีเงินทันที เขาลูบหัวของงูสีเงินเบา ๆ มองพุ่มไม้ที่แกว่งไปมาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ถ้าคุณมีธุระกับผม ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนเช่นนี้”

เมื่อกล่าวจบ รอบ ๆ ก็เงียบลงทันที

ท่ามกลางพุ่มไม้นั้น คนในเสื้อคลุมรู้สึกประหลาดใจ และไม่อยากหลบซ่อนตัวอีกต่อไป เธอยืนขึ้นจากพุ่มไม้ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ถ้าคุณรู้แล้วทำไมไม่รีบพูด ฉันหลบซ่อนอยู่ก็เหนื่อยน่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่น เจ้าหนูนี้สะกดรอยตามตนเอง แต่ตนเองกลับกลายเป็นคนผิดเสียเอง?

เมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้ว เจ้าหนูนี้น่าจะเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบ?

มีบางอย่างผิดปกติ

ผิดปกติเป็นอย่างมาก!

เด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบจะมาปรากฏตัวในป่าหมอกได้อย่างไร

แม้ว่าป่าหมอกจะถูกรพีพงษ์ขจัดอันตรายไปแล้ว แต่ยังไงที่นี่มันก็ยังเป็นป่าที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะวางใจให้เด็กเดินอยู่ในป่าหมอกเพียงลำพัง

ก็เหมือนเมื่อสักครู่ ถ้าตนเองมาไม่ทัน เกรงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะถูกงูสีเงินกลืนเข้าไป และเสียชีวิตไปแล้ว

หรือบางที เด็กผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน?

แต่ตนเองอาศัยอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนเป็นเวลาไม่น้อย รพีพงษ์รู้จักลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนเกือบหมด แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนี้เลย

“ไม่ต้องคิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนที่นี่ คุณไม่รู้จักฉันแน่นอน อีกอย่าง อย่ามองฉันด้วยสายตาที่มองเด็ก” คนในเสื้อคลุมกล่าวด้วยความไม่พอใจ

รพีพงษ์รู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก ตนเองยังไม่ได้พูดอะไร เด็กผู้หญิงคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่? หรือว่าโลกนี้มีวิชาอ่านความคิดจริง ๆ?

รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะระวังตัว หันหน้าไปทางเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า กล่าวอย่างเย็นชาว่า “รบกวนคุณถอดเสื้อคลุมออกก่อนแล้วค่อยพูด”

คนในเสื้อคลุมรู้สึกถึงแววสังหารของรพีพงษ์ แต่ก็ไม่ตกใจแต่อย่างใด กลับหัวเราะและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะมีพรสวรรค์ในการกลั่นยาและการฝึก และคุณก็มีคุณสมบัติที่จะสามารถเห็นใบหน้าของฉันได้”

พูดจบ คนในเสื้อคลุมใช้มือทั้งสองข้างจับหมวกและถอดหมวกออกมาอย่างช้า ๆ ใบหน้าเล็กราวกับตุ๊กตาก็ปรากฏขึ้น แล้วดวงตาของรพีพงษ์ก็ไม่มีแววสังหารอีกต่อไป

เธอมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหนูลินเล็กน้อย!

รพีพงษ์ตกใจเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่ง เขาเห็นเงาของหนูลินอยู่บนตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้ แต่รพีพงษ์ก็แยกแยะได้อย่างรวดเร็ว

เพราะหนูลินไม่เย่อหยิ่งเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้

“คุณเป็นใคร? ทำไมคุณถึงมาปรากฏตัวในป่าหมอกเพียงลำพัง พ่อแม่ของคุณไปไหน?” รพีพงษ์ถามอย่างมีไมตรี ปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงราวกับเป็นเด็กหลงทาง

เด็กผู้หญิงกล่าวพึมพำ สะบัดมือของรพีพงษ์ออก ซึ่งแรงสะบัดนั้นมีพลังเน่ยจิ้งอยู่

“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าอย่ามองฉันเหมือนเด็กเล็ก ฉันขอถามคุณว่า ยาเม็ดพวกนี้คุณเป็นคนกลั่นทั้งหมดหรือ?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รพีพงษ์มองไปที่ขวดเล็ก ๆ ในมือของเด็กผู้หญิง และกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “เป็นยาที่ผมปรุงเอง แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณต้องกลับไปพร้อมกับผม ผมจะต้องรู้ตัวตนของคุณ”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อสักครู่รพีพงษ์รู้สึกถึงพลังเน่ยจิ้งจากแรงสะบัดของเด็กผู้หญิงคนนี้ และมีแม้แต่ร่องรอยของพลังจิตวิญญาณด้วย!

เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอายุเท่าไหร่ หรือว่าเธอจะเป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้ง? หรืออาจจะเป็นระดับแดนดั่งเทพ?

สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะยังไง รพีพงษ์จะต้องตรวจสอบตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ชัดเจน

หลังจากได้ยินคำตอบของรพีพงษ์ เด็กผู้หญิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ และเดินไปทางรพีพงษ์ แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์

“เอาล่ะ ฉันก็ไม่อยากหนี ไม่ต้องคิดเรื่องที่ซับซ้อนมาก ไปเถอะ พาฉันไปที่ที่คุณพักอยู่ ฉันต้องการทำข้อตกลงกับคุณ”

“ข้อตกลง?” รพีพงษ์สงสัยเล็กน้อย เด็กผู้หญิงคนนี้ จะสามารถมีข้อตกลงอะไรกับตนเองได้

รพีพงษ์ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากเด็กผู้หญิงคนนี้ อย่างไรก็ตาม เป็นการดีถ้าพาเด็กผู้หญิงคนนี้กลับไปก่อน

หลังจากนั้น รพีพงษ์ก็ปล่อยงูสีเงิน และพาเด็กหญิงคนนี้เดินกลับไปที่คฤหาสน์ทันที

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยคือเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ร้องไห้หรือสร้างปัญหา แต่ให้ความร่วมมือกับตนเองเป็นอย่างดี ไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป

ไม่กี่นาทีต่อมา รพีพงษ์คลายเกราะป้องกันไว้รอบ ๆ คฤหาสน์ออก แล้วพาเด็กผู้หญิงเดินเข้าไปในคฤหาสน์

“ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้ถามว่าคุณชื่ออะไร” เด็กผู้หญิงกล่าวขึ้นก่อน

รพีพงษ์ผงะไปครู่หนึ่งและกล่าวว่า “รพีพงษ์ คุณสามารถเรียกผมว่าลุง แล้วคุณชื่ออะไร?”

เด็กผู้หญิงถอนหายใจอย่างจำใจ ไม่อยากจะโต้เรื่องที่รพีพงษ์ปฏิบัติต่อตนเองเหมือนเด็ก และกล่าวว่า “ปัณฑา พวกเขาเรียกฉันอย่างนั้น”

“พวกเขาคือใคร?”

รพีพงษ์ถามต่อ แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปัณฑา

ในลานกว้างของคฤหาสน์ หงส์ที่กำลังฝึกอยู่ในลานกล้างเห็นรพีพงษ์กลับมาพร้อมเด็กคนหนึ่ง จึงเดินเข้าไปทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท