พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1489 คำชี้แนะ

บทที่ 1489 คำชี้แนะ

ปัณฑาผลักหนูลินออกไปด้านข้างเบา ๆ แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ทันที จากนั้นก็คว้าผมของรพีพงษ์แล้วดึงอย่างแรง

“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก!”

รพีพงษ์จับปัณฑาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็อุ้มเธอลงมา

“เจ้าเด็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณยังเด็ก ผมสั่งสอนคุณแน่นอน” รพีพงษ์กล่าวกับปัณฑา

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูท่าทางโกรธของเธอ เขาส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจำใจว่า “เอาล่ะ ผมขอโทษ คุณอย่าเพิ่งโกรธ อาหารเช้าเสร็จแล้ว ถือเสียว่ามันเป็นการชดเชยให้คุณ”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ปัณฑากล่าวพึมพำ หลังจากเห็นพี่สาเสิร์ฟอาหารรสเลิศ ท้องของเธอก็ร้องขึ้นมาทันที

“ไม่มีครั้งหน้าอีก!”

พูดจบ ปัณฑาก็กระโดดออกไป แล้วก็ปล่อยรพีพงษ์ แล้วนั่งลงบนโต๊ะอาหาร

อารียาและคนอื่น ๆ ดูภาพนี้ แล้วยืนหัวเราะอยู่ข้าง ๆ

ไม่คิดว่า รพีพงษ์ก็มีวันนี้ ถูกเด็กคนหนึ่ง“ปราบ”

เวลาอาหารเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รพีพงษ์ช่วยเก็บโต๊ะอาหารเสร็จแล้ว เขาก็ยังคงแนะนำอารียาควบคุมพลังเน่ยจิ้ง ส่วนคนอื่นก็ฝึกอย่างต่อเนื่อง

หนูลินยังคงปฏิบัติกับปัณฑาเหมือนพี่สาว เซ้าซี้ให้ปัณฑาเล่นกับเธอตลอด ภายใต้ความเบื่อหน่าย ปัณฑาก็เลยไปที่ลานบ้าน แล้วหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณที่รพีพงษ์กำลังฝึกอยู่

ณ.ลานบ้าน

รพีพงษ์สูดหายใจเข้าลึก ๆ พลังทิพย์ก่อตัวขึ้นในร่างกายอย่างต่อเนื่อง จากนั้นค่อย ๆ เคลื่อนตัวตามการนำของรพีพงษ์ไปยังดวงตาทั้งคู่

“พรึบ!”

เมื่อพลังทิพย์ไปถึงตำแหน่งของดวงตาทั้งคู่ ความร้อนก็พุ่งเข้ามาทันที ทำให้รพีพงษ์รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก และเขาสามารถพยายามลองไปที่ช่องถัดไป แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง

ที่ด้านข้าง เมื่อมองใบหน้าที่โศกเศร้าของรพีพงษ์ ปัณฑาก็คว้าถุงมันฝรั่งทอด แล้วนอนลงบนเก้าอี้ และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

“โอ้ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ พลังทิพย์นั้นพอแล้ว แต่คุณเลือกทางเดินของพลังทิพย์ผิด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองปัณฑาที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ และกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ถ้าคุณเบื่อก็ไปเล่นกับหนูลิน ผมไม่มีเวลาเล่นกับคุณ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ปัณฑากำหมัดไว้แน่น แล้วโยนมันฝรั่งทอดไปที่แขนของรพีพงษ์ทันที แล้วมุ่งหน้าเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความโกรธ แต่ยืนลังเลอยู่ที่ประตูคฤหาสน์อยู่ครู่หนึ่ง และถอนหายใจอย่างจำใจ

“ถือว่ามันเป็นค่าอาหารของฉันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กังฟูเสนไม่ได้ฝึกแบบนี้ ทวารทั้งเก้ามีหยินหยางสองช่องนั้นถูกต้อง แต่กังฟูเสนกับทวารทั้งแปดนั้นต้องสอดคล้องกัน”

“ควบคุมพลังทิพย์เคลื่อนไปในช่องทวารทั้งแปด จากนั้นก็ทะลวงช่องทวารทั้งเก้าแบบเฮือกเดียว ก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ฉันพูดได้แค่นี้ คุณสามารถเข้าใจได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”

กล่าวจบ ปัณฑาก็ล็อกประตูใหญ่โดยไม่ลังเล และซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ

ขณะนี้รพีพงษ์ตกตะลึง เจ้าตัวเล็กนี้รู้เรื่องวิชากังฟูเสนด้วย!

การดำรงอยู่ของภูตโบราณคืออะไร?

คำพูดที่ปัณฑากล่าวเมื่อสักครู่ แม้แต่รพีพงษ์ก็เริ่มสงสัย เป็นไปได้ไหมว่าการเคลื่อนพลังทิพย์ของตนเองนั้นมีปัญหาจริง ๆ?

หลังจากคิดจบ รพีพงษ์ก็นั่งขัดสมาธิอีกครั้ง ดูดซับพลังทิพย์จากข้างนอก ก่อตัวเป็นพลังทิพย์อันทรงพลังที่จุดเส้นลมปราณในร่างกาย แล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปที่ดวงตาทั้งคู่อีกครั้ง

ตามที่คาดการณ์ไว้ ช่องทวารตาถูกทะลวงอย่างราบรื่น และขั้นตอนต่อไป รพีพงษ์จะเคลื่อนพลังทิพย์ไปที่ช่องทวารจมูก แต่คราวนี้ รพีพงษ์จงใจเลี่ยงช่องทวารจมูก

“อืม?”

รพีพงษ์รู้สึกตกใจ

เดิมคิดว่าพลังทิพย์จะสลายไปทันทีหลังจากเลี่ยงช่องทวารจมูก แต่รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่า พลังทิพย์เหล่านี้ไม่เพียงไม่สลายไป แต่กลับกลายเป็นมีพลังมากยิ่งขึ้น!

รพีพงษ์ถือโอกาสใช้ประโยชน์จากพลังนี้ รีบเคลื่อนไปยังช่องทวารถัดไป พลังทิพย์หลั่งไหลเข้ามา และไม่เกิดการต่อต้าน แต่มันรวมเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง

ทะลวง ผ่านช่องทวารที่สอง!

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ชั่วขณะหนึ่ง อารมณ์ของเขาผันผวนมากเกินไป ทำให้พลังทิพย์ในร่างกายสลายไป

อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ไม่ได้ท้อแท้ และลองทะลวงทวารทั้งเก้าอีกครั้ง

ตามคำชี้แนะของปัณฑา ปัญหาต่าง ๆ ที่พบก่อนหน้านั้นได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่น ในเวลาเพียงวันเดียว รพีพงษ์ก็ทะลวงได้สามช่องทวาร!

พลังทิพย์เคลื่อนไปที่ช่องทวารที่สี่ รพีพงษ์รู้สึกได้ชัดเจนว่ามีบางอย่างกำลังขวางทางอยู่ การฝืนอาจสร้างความเสียหายต่อเส้นเอ็นและช่องทวารทั้งเก้าของตนเองเท่านั้น

หลังจากคิดทั้งหมด รพีพงษ์ตัดสินใจที่จะดำเนินการทีละขั้นตอน และศึกษาไปอย่างช้า ๆ

ในคฤหาสน์ เวลาพลบค่ำ

รพีพงษ์รู้สึกมีความสุขมากที่ในหนึ่งวันตนเองสามารถทะลวงได้สามช่องทวาร หยิบเหล้าชั้นดีออกมาหลายขวด แล้วดื่มกับธมกร

ปัณฑามองไปที่รพีพงษ์ และยิ้มด้วยความสนใจ ไม่คิดว่าตนเองชี้แนะไม่กี่ประโยค รพีพงษ์ก็สามารถเข้าใจได้จริง

ซึ่งแน่นอนว่า พรสวรรค์ของชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แม้แต่สัตว์ประหลาดในสมัยก่อนก็ไม่สามารถเทียบได้

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ รพีพงษ์กลับมาที่ลานกว้างเพียงลำพังอีกครั้ง และพยายามจะทะลวงช่องทวารที่สี่ เป็นไปตามคาด อุปสรรคเหล่านั้นไม่ได้ลดลงจากการที่รพีพงษ์ลองหลายครั้ง ทำให้รพีพงษ์ไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่พักหนึ่ง

ปัณฑาเดินออกจากคฤหาสน์ แล้วโยนแอปเปิลที่อยู่ในมือให้รพีพงษ์ รพีพงษ์รับมันไว้อย่างรวดเร็ว สำหรับปัณฑา เขาถามอย่างสงสัยว่า “คุณรู้เรื่องวิชากังฟูเสนได้อย่างไร”

ปัณฑาถอนหายใจอย่างจำใจ กัดแอปเปิล แล้วกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “มันก็แค่วิชากังฟูเสน คนแก่พวกนั้นฝึกพลังให้ฉันเห็นมากมาย และวิชากังฟูเสนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากผ่านมาพันปี คุณยังโชคดีได้วิชากังฟูเสน ฉันคิดว่าคุณมีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย ถ้าคุณมีโอกาส บางทีคุณอาจจะสามารถอาศัยการฝึกวิชากังฟูเสนนำไปสู่แดนบุญ”

แดนบุญ!

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุผลที่เขายังคงฝึกวิชากังฟูเสนอยู่ เพราะต้องการที่จะกลายเป็นยอดฝีมือแดนบุญโดยอาศัยการฝึกวิชากังฟูเสน

ยอดฝีมือแดนบุญ จะมีชีวิตอมตะ

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ได้เห็นความสามารถอันน่าทึ่งของญาณิดาแล้ว รพีพงษ์เชื่อว่า บางทีต้องกลายเป็นยอดฝีมือแดนบุญเท่านั้น ถึงจะสามารถปกป้องภรรยาและลูกสาวของตนเองได้

อีกอย่างหนึ่ง คำพูดของญาณิดายังคงวนอยู่ในใจของรพีพงษ์เป็นเวลานาน

คนที่มีพรสวรรค์มากว่าคนอื่นอยู่ข้างกายรพีพงษ์ หลังจากคิดไปคิดมา คนที่รพีพงษ์สามารถนึกได้ก็มีเพียงลูกสาวของตนเองขวัญนลินเท่านั้น

พรสวรรค์แข็งแกร่งไม่ได้หมายความแค่ความแข็งแกร่งอย่างเดียว! ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รพีพงษ์ต้องการเร่งให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

“ปัณฑาในเมื่อคุณรู้วิชากังฟูเสน แล้วคุณรู้ไหมว่า สิ่งที่กำลังขวางผมในช่องทวารที่สี่คืออะไร และผมจะผ่านมันไปได้อย่างไร” รพีพงษ์กล่าวถาม

ปัณฑาส่ายศีรษะ และกล่าวว่า “ถามฉันก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่เคยฝึกวิชากังฟูเสน สิ่งที่ฉันบอกคุณก่อนหน้านั้นก็ได้ยินมาจากสัตว์ประหลาดแก่ที่ฝึกวิชากังฟูเสนมาเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ต่อคุณจริง ๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รพีพงษ์รู้สึกท้อใจเล็กน้อยทันที ตามที่กล่าวมา เขายังคงต้องคลำหาด้วยตนเอง

ปัณฑามองท่าทางเช่นนี้ของรพีพงษ์ ทันใดนั้นก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืน และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“อันที่จริง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี ใช้พลังทิพย์ทะลวงช่องทวารทั้งเก้า แต่ในโลกใบนี้ยังมีพลังงานที่น่าอัศจรรย์กว่าอยู่อีกชนิดหนึ่ง”

“พลังชีวิต?”

รพีพงษ์สงสัยเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นแรดโบราณเคยพูดกับตนเองเล็กน้อยว่า พวกภูตโบราณดูเหมือนจะมีพลังชีวิตที่ทรงพลังมาก แม้ว่าก่อนหน้านั้นตอนที่ปัณฑาลงมือโดยไม่ตั้งใจ รพีพงษ์ก็สามารถรู้สึกถึงพลังงานชีวิตที่มีพลังเป็นอย่างมากจากร่างกายของปัณฑา

ปัณฑาพยักหน้า แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ และกล่าวว่า “สติปัญญาของคุณไม่เลวนี่ พลังงานชีวิตแข็งแกร่งกว่าพลังทิพย์ ถ้าคุณสามารถควบคุมพลังงานชีวิต แล้วรวมเข้ากับพลังพลังทิพย์ได้ บางทีคุณอาจจะสามารถทะลวงช่องทวารที่สี่ได้”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท