พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1502 ทุกขลาภ

บทที่ 1502 ทุกขลาภ

ผ่านไปสามวันสามคืน

รพีพงษ์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สภาพแวดล้อมที่มืดสลัวทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“ฟื้นแล้วหรือ? อย่าเพิ่งขยับ ผมต้องตรวจร่างกายคุณก่อน”

ตวัสที่อยู่ด้านข้างสังเกตเห็นรพีพงษ์ฟื้นขึ้นมาก็เลยกดรพีพงษ์ให้นอนลงไป และพลังชีวิตในมือของเขาก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของรพีพงษ์

ปัณฑากระโดดไปอยู่ข้างรพีพงษ์ เห็นว่ารพีพงษ์กลับมาเป็นปกติ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู ในที่สุดคุณก็ฟื้นขึ้นมาแบบดี ๆ ก่อนหน้านั้นคุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ รพีพงษ์นึกเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ตนเองเสียสติ และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก จึงขอโทษตวัสและปัณฑาซ้ำแล้วซ้ำแล้ว

โชคดีที่ทั้งสองไม่ถือสา ซึ่งทำให้รพีพงษ์รู้สึกสบายใจ

หลังจากผ่านไปหลายสิบนาที ตวัสก็ดึงมือของตนเองกลับ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองรพีพงษ์และกล่าวราบเรียบว่า “เอาล่ะ ถึงแม้จะไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงมันเป็นเช่นนั้น คุณกลับมาเป็นปกติแล้ว และด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้คุณทะลวงถึงระดับแดนเทพขั้นพีคแล้ว ยินดีกับคุณด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็พยักหน้าและลุกขึ้นนั่ง สัมผัสได้ถึงพลังเทพที่ไม่สิ้นสุดในร่างกายของตนเอง แน่นอนว่า ช่องว่างระหว่างระดับแดนเทพขั้นพีคและระดับแดนเทพขั้นพีคครึ่งก้าวนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

ครั้งนี้สามารถบอกได้ว่าตนเองนั้นได้ทุกขลาภ แต่น่าเสียดายที่รพีพงษ์ไม่สามารถรู้สึกมีความสุข

“ภูตต้นไม้อาวุโส ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ ต่อไปถ้ามีอะไรที่ผมรพีพงษ์สามารถช่วยได้ บอกมาได้เลย ผมจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”

ตวัสถอนหายใจอย่างจำใจ และกล่าวว่า “ขอแค่คุณสามารถนำน้ำอำมฤตมาให้ผมได้ ทั้งหมดนี้ถือว่าหักล้างกัน”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล และจะจำบุญคุณในวันนี้ไว้ในใจ

ตวัสมองรพีพงษ์และปัณฑาที่กำลังสนทนากัน ถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกคุณทั้งสองกลับไปตอนนี้เถอะ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาในโลกภายนอกไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่กำลังตามหาพวกคุณอยู่ อย่าปล่อยให้พวกเขาต้องรอนานเกินไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ใช้มือทั้งสองข้างประสาน แล้วโค้งคำนับตวัส โดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันหลังและพาปัณฑาเดินจากไป

ตวัสหวนคืนสู่ต้นไม้ตายหมื่นปีอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นพลังชีวิตที่สูญเสียไป มันไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับตนเองที่อยู่ในระดับแดนบุญ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาวะวิญญาณชั่วร้ายเท่านั้น หากต้องการกลับสู่ระดับแดนเทพขั้นพีค ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นสักพัก

ณ.สำนักเทพยาเซียน

หงส์และธมกรนั้นฟื้นตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว

หลังจากรู้ว่ายังหารพีพงษ์ไม่เจอ หงส์ไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว โดยเข้าร่วมกับทีมไปค้นหารพีพงษ์ทันที

ที่จริงแล้ว หงส์ได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงของศัตรูคนนั้นเป็นการส่วนตัวแล้ว ความแข็งแกร่งดังกล่าว แม้แต่ธีรพัฒน์ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แม้ว่ารพีพงษ์จะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูดังกล่าว จะมีอันตรายมากกว่าความหวัง

ในห้องพยาบาล หนูลินยังคงไม่ได้สติเช่นเคย แม้จะมียาเม็ดเพื่อรักษาชีวิตไว้ แต่ขณะนี้หนูลินก็ผอมลงไปมาก จนกระดูกบนใบหน้ายื่นออกมาเล็กน้อย

ที่ข้างเตียงของหนูลิน จิรภัทรสั่งให้คนเพิ่มเตียงอีกเตียงหนึ่ง และอีกเตียงหนึ่งมีอารียานอนอยู่ ซึ่งเธอไม่ได้หลับตาเป็นเวลาหกวันแล้ว และในที่สุดอารียาก็หมดสติไป

ในห้องโถง

ธัชธรรมนำกลุ่มคนนั่งลง ส่วนจิรภัทรมาที่ห้องโถงตั้งนานแล้ว มองทุกคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ทำให้เขาก็รู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก

“ท่านธัชธรรม ช่วงนี้มีข่าวของรพีพงษ์หรือไม่?” จิรภัทรกล่าวถาม

ธัชธรรมส่ายศีรษะอย่างจำใจ รู้สึกโศกเศร้าอย่างยิ่ง

เกือบเจ็ดวันแล้ว สำนักเทพยาเซียน กลุ่มสิงโต สำนักสยบเซียน ตลอดจนสำนักอื่น ๆ มีผู้ฝึกตนนับสิบล้านคน ออกค้นหาที่ป่าหมอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่ใบไม้สักใบป่าหมอกก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของรพีพงษ์และปัณฑา

ทุกคนต่างคาดเดาอยู่ในใจแล้ว และทุกคนต่างก็รู้กันโดยปริยายแต่ไม่มีใครพูด ได้แต่ทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาร่องรอยของรพีพงษ์และปัณฑา และตั้งหน้าตั้งตารอปาฏิหาริย์

“เจ้าจิรภัทร ผมขอเสนอ ให้ขยายขอบเขตการค้นหาเพิ่มเติม บางทีรพีพงษ์อาจจะพาเด็กออกไปจากป่าหมอก แล้วไปซ่อนตัวพักฟื้นอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

ธัชธรรมกล่าว

สำหรับทุกคนที่กังวลเกี่ยวกับการหายตัวไปของรพีพงษ์ นี่เป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ช้าสมาชิกทั้งหมดก็เห็นด้วย

และในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมดำเนินการ ได้มีร่างเล็กและร่างใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า มาอยู่ที่ประตูห้องโถงพอดี ขวางทางของจิรภัทรและธัชธรรมเอาไว้

“พวกคุณสองคนวางแผนจะไปไหน” รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

จิรภัทรและธัชธรรมมองคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า ใช้มือขยี้ตาอย่างแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เดินไปกอดรพีพงษ์ด้วยความปีติยินดี

“รพีพงษ์ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ตายง่าย ๆ เช่นนี้!” จิรภัทรที่อายุมากแล้ว ตอนนี้ก็อดไม่ได้จนน้ำตาคลอเบ้า

ธัชธรรมก็แอบเช็ดน้ำตา และตบหลังรพีพงษ์ รู้สึกมีความสุขจนเกินบรรยาย

บาวัน นิศมา และคนอื่น ๆ มองดูภาพนี้ แล้วทุกคนก็ร้องไห้ด้วยความปีติยินดี

หลังจากหงส์กับธมกรและผู้คนที่กำลังค้นหาในป่าหมอกได้ทราบข่าว พวกเขาทั้งหมดรีบกลับไปที่สำนักเทพยาเซียน หลังจากเห็นว่ารพีพงษ์และปัณฑาปลอดภัย หงส์ไม่สามารถระงับความกังวลในใจได้ จึงเดินเข้าไปกอดรพีพงษ์เอาไว้ ร้องไห้จนน้ำตาเปียกแขนเสื้อของรพีพงษ์ไปครึ่งหนึ่ง

“รพีพงษ์ ใครให้คุณอวดเก่ง ถ้าคุณตายแล้ว ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่”

มองหงส์ที่อยู่ตรงหน้า รพีพงษ์รู้สึกขมขื่น เขารู้ดีว่าหงส์นั้นมีความรู้สึกพิเศษกับตนเอง แต่น่าเสียดาย ที่ตนเองมีภรรยาและลูกแล้ว สำหรับเรื่องนี้รพีพงษ์ไม่สามารถสนองตอบหงส์ได้

อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ไม่ได้ผลักหงส์ออกไป อย่างน้อยคราวนี้ รพีพงษ์ยินดีที่จะปล่อยให้หงส์ร้องไห้เพื่อให้สบายใจ ถือว่าเป็นการชดใช้ความกังวลของหงส์ที่มีต่อตนเองในช่างหลายวันที่ตนเองหายไป

ธรกรที่อยู่ข้าง ๆ ดูภาพนี้ ในใจรู้สึกมีความสุขปนความเศร้า สิ่งที่น่ายินดีคือรพีพงษ์และปัณฑากลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องน่าเศร้าคือตนเองไม่สามารถทำให้หงส์มีความรู้สึกปลอดภัย

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หงส์ก็สงบจิตสงบใจ และผละจากอ้อมแขนของรพีพงษ์ จากนั้นก็ตระหนักว่าตนเองได้ทำเรื่องน่าละอายเพียงใด ขณะนี้หน้าของเธอแดงราวกับแอปเปิลแดง และไม่กล้าสบตารพีพงษ์เป็นเวลานาน

เมื่อมองดูภาพนี้ ปัณฑาก็อดยิ้มไม่ได้ กระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “ฮ่า ๆ คุณโชคดีจริง มีผู้หญิงมากมายชอบคุณ ฉันเห็นผู้หญิงสามคนในฝูงชนมองคุณด้วยสายตาที่ผิดปกติ หรือว่า……..”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็มองไปทางที่ปัณฑาชี้นำ บาวัน นิศมา และจิลลา แล้วก็ถอนหายใจอย่างจำใจ ใช้มือข้างหนึ่งดีดหน้าผากของปัณฑา และกล่าวว่า “อย่าพูดเหลวไหล”

ปัณฑาจับหน้าผากตนเองด้วยใบหน้าที่โกรธ

จิรภัทรบอกให้ทุกคนสงบ แล้วให้รพีพงษ์นั่งที่หลัก และถามว่า “รพีพงษ์ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ช่วงหลายวันที่คุณหายตัวนั้นไปอยู่ที่ไหน? ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท