พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1514 ออกคำสั่งตามล่าตัว

บทที่ 1514 ออกคำสั่งตามล่าตัว

ภายในโพรงต้นไม้ แสงสีเขียวจาง ๆ ลอยอยู่ท่ามกลางในอากาศ สาดส่องเข้ามายังร่างกายของรพีพงษ์อยู่บ่อยครั้ง

ปัณฑาไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืนแล้ว บวกกับใช้พลังชีวิตไปมากเกินไป เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้วในเวลานี้ก็ยิ่งจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้ามาอีก

“แหะๆ……”

เสียงไอของรพีพงษ์ทำให้ปัณฑาตกใจตื่นเลย สีหน้าท่าทางที่มึนงงก็หายไปทันที

เมื่อได้ตรวจอาการของรพีพงษ์อีกครั้ง สุดท้ายก็โล่งใจแล้ว

อวัยวะภายในของรพีพงษ์ที่ได้รับบาดเจ็บสุดท้ายก็เริ่มฟื้นฟูแล้ว และความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งของรพีพงษ์แน่นอนว่าสามารถรับประกันได้อย่างมาก

อย่างน้อย รพีพงษ์ก็ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว ถึงขนาดที่ว่าอาการที่เกิดขึ้นภายหลังก็จะไม่มีหลงเหลือไว้อย่างแน่นอน

ปัณฑาได้คลายเถาวัลย์ที่อยู่หน้าปากโพรงไม้แล้ว ทั้งสองคนได้หลบข้างในโพรงไม้เป็นเวลากว่าครึ่งวันแล้ว และก็ไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง

โชคดีที่รพีพงษ์มีการมองการณ์ไกลมาก่อน เตรียมอาหารมาบ้างแล้ว นี่ก็ไม่ขนาดที่ปัณฑาจะต้องทนหิวในโพรงไม้แล้ว

“ไม่ได้ ฉันจะต้องออกไปดูสถานการณ์สักหน่อย” ปัณฑาแววตาเฉียบขาด อยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่องดีออะไร ถ้าหากพวกกลุ่มจิ้งจอกนั่นวางกลอุบายอะไรอีกแล้วจะทำยังไง อย่างน้อยปัณฑาก็ต้องคิดหาวิธีพารพีพงษ์ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยถึงจะได้

คิดแล้ว ปัณฑาให้โพรงไม้เปิดทางผ่านให้กับตัวเอง หลังจากที่เดินออกจากโพรงต้นไม้ ก็ได้กลืนยาเม็ดที่รพีพงษ์ให้มาอีก ปิดโพรงไม้อีกครั้ง ก้าวกระโดด กระโดดไปบนยอดไม้ มองดูรอบๆ

หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าไม่มีสัตว์เซียน ปัณฑาถึงจะค่อยๆเริ่มออกเดินไปไกล มองดูสถานการณ์ทั่วทั้งป่าไม้

จิ้งจอกหิมะตัวใหญ่ที่โดนรพีพงษ์โจมตีจนพ่ายแพ้ไป ศพของมันเหมือนว่าจะโดนจิ้งจอกหิมะตัวน้อยเหล่านั้นเอาตัวไปแล้ว แต่ว่าคราบเลือดที่อยู่บพื้นยังไม่ได้ถูกชะล้างทำความสะอาด

หลังจากที่เดินเที่ยวเล่นในป้าได้ไม่นาน ปัณฑาถึงจะค้นพบว่า ทั่วทั้งป่าคิดไม่ถึงว่าจะมองไม่เห็นพวกสัตว์เซียนเลย กระทั่งร่องรอยของชีวิตก็ไม่พบเจอเลย

พูดตามหลักเหตุผลแล้ว สถานที่ที่มีน้ำอำมฤตอยู่ พลังทิพย์หนาแน่น ยิ่งน่าจะดึงดูดสัตว์เซียนถึงจะถูก ทำไมตอนนี้กลับว่าเป็นสถานการณ์แบบนี้ได้

บวกกับพฤติกรรมอันโหดร้ายต่อศัตรูของพวกจิ้งจอกหิมะเหล่านั้นในเมื่อก่อน อดไม่ได้ที่จะทำให้ปัณฑาเกิดความสงสัย

“ฟิ้ว”

ภายในป่า จู่ๆก็มีเสียงดังแปลกๆเกิดขึ้น เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ปัณฑาขมวดคิ้วแน่น รีบหลบซ่อนตัวเองบนยอดไม้ทันที มองดูรอบๆ ระมัดระวังตัวเองอย่างมาก

“โอ๊ะ?จิ้งจอกที่นี่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ออกมาขัดขวางฉัน เร็ว ตามไป ดูสิว่าน้ำอำมฤตถูกเอาไปหรือเปล่า นั้นเป็นสิ่งของที่เจ้าสำนักต้องการ ห้ามให้คนอื่นเอาเปรียบได้เด็ดขาด”

เสียงพูดของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งแพร่ซ่านมายังในหูของปัณฑา

ปัณฑามองลงไปแวบหนึ่ง ผู้ชายที่ใส่ชุดคลุมสีม่วงเข้มสามคนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ หันหน้าแล้วก็วิ่งไปยังส่วนที่ลึกในป่าเลย

หลังจากที่เห็นทั้งสามคนออกไปแล้ว ปัณฑาถึงจะโล่งใจ โผล่ร่างออกมาจากบนยอดไม้

“เหอะ ฉันบอกแล้วไง เห็นได้ชัดว่ามีลมหายใจของสิ่งมีชีวิตอยู่ ที่แท้ ก็หลบอยู่บนต้นไม้นี่เอง”

เบื้องหลังของปัณฑา มีเสียงที่เยือกเย็นแผ่ซ่านเข้ามา ปัณฑาคิดอยากจะลงมือ ความรู้สึกที่เย็นวาบก็อยู่บนคอแล้ว

“อย่าขยับ สามารถอยู่ที่นี่ได้ ฉันคงไม่ปฏิบัติต่อแกเหมือนกับเด็กหรอกนะ มีดเล่มนี้ฉันได้แช่ยาพิษมาแล้ว ถ้าแกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มีดเล่มนี้ของฉันไม่มีทางปรานีอย่างแน่นอน”

ผู้ชายคนนั้นพูดกล่าวอย่างเยือกเย็น คมมีดที่เย็นวาบก็แนบชิดอยู่บนคอของปัณฑา

ปัณฑาใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากบน ก่อนหน้านี้ตัวเองได้ใช้พลังชีวิตไปเป็นจำนวนมากแล้ว ในช่วงเวลานี้ยังไม่ทันได้ฟื้นฟูกลับมา ไม่สามารถหลบหลีกจากสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัยเลย

“พวกแกคิดอยากจะทำอะไรกันแน่” ปัณฑาพูดกล่าว

ผู้ชายคนนั้นมีน้ำเสียงที่เยือกเย็น จับตัวปัณฑาเอาไว้ กระโดดจากบนยอดไม้ลงมา ส่วนผู้ชายอีกสองคนก็ปรากฏตรงหน้าของปัณฑา ก็คือผู้ชายทั้งสามคนที่เพิ่งออกไปเมื่อตะกี้

ดูเหมือนว่า ทั้งสามคนได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้านานแล้ว กำลังรอให้ตัวเองมาติดกับ

ผู้ชายหนึ่งคนในกลุ่มนั้นมองไปยังปัณฑา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา พูดกล่าว : “อื้ม?เด็กผู้หญิงคนนี้ เป็นหนึ่งในสองคนที่เจ้าสำนักออกคำสั่งตามล่าตัวเมื่อหลายวันก่อนไม่ใช่เหรอ ถ้าหากพาตัวนังเด็กนี่กลับไปได้ เราก็ไปแลกเป็นเงินรางวัลได้ไม่น้อยเลยนะ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับพวกเราที่นี่โดยบังเอิญ”

หลังจากที่ผู้ชายที่จับตัวปัณฑาไว้ได้ยินเข้า มองไปยังปัณฑาด้วยสายตาที่เปล่งประกาย คำสั่งตามล่าตัวนี้เขารู้ดี เพียงแค่เมื่อกี้ไม่ทันได้สังเกตหน้าตาของปัณฑาให้ดีๆเท่านั้นเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่า หน้าตาเหมือนกับเด็กคนนั้นที่อยู่บนรูปภาพคำสั่งตามล่าตัวจริงด้วย

“ดูเหมือนว่าโชคชะตาของพี่นี่ไม่เลวเลยนะ เด็กน้อย ถือว่าแกดวงดีนะ ฉันไม่มีทางฆ่าแกหรอกนะ”

หลังจากที่ปัณฑาได้ยิน ขมวดคิ้วแน่น แค่คนเดียวก่อนหน้านี้ตัวเองก็ยากที่จะหลบหนีแล้ว ตอนนี้เพิ่มมาอีกสองคน เรื่องที่จะหนีก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป้นไปไม่ได้เลย

ผู้ชายมองๆไปรอบด้าน แล้วก็มองไปยังปัณฑาอีก พูดกล่าว : “เฮ้ เด็กน้อย แกลูกไหมว่า จิ้งจอกหิมะที่นี่ไปไหนกันหมด?”

หลังจากที่ปัณฑาได้ยินเข้า ส่ายหัว พูดอย่างโมโหว่า : “พวกแกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นพวกแกได้เห็นดีกันแน่ ”

สายตาของชายผู้นั้นไม่สบอารมณ์ ตบเข้ายังใบหน้าของปัณฑาฉาดหนึ่ง โยนเธอไปอีกฝั่งนึง โยนเชือกที่อยู่ในมือออกมา มัดปัณฑาเอาไว้แล้ว

“คนกระจอกๆ ยังกล้ามาอวดดีกับพวกเรา แดนดั่งเทพรู้จักไหม พี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนดั่งเทพนะ แกคิดว่ายังไง?ขืนกล้าพูดจามั่วซั่วอีก ระวังจะทุกข์ทรมาน!”

ปัณฑารู้สึกถึงความร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า โมโหจนกัดฟันแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพละกำลังของตัวเองยังไม่ฟื้นฟูคืนมานะ ไอ้สามคนนี้ในตอนนี้คงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว

“พี่สาม พี่สามพวกเขาน่าจะใกล้ทำสำเร็จแล้ว พวกเราพานังเด็กนี่ออกไปก่อนเถอะ หากว่าจิ้งจอกหิมะนั่นปรากฏตัวออกมา พวกเราก็จัดการได้ยากแล้ว”

เมื่อได้ยินเข้า พี่สองพยักหน้าแล้ว สายตามองไปยังปัณฑาอย่างเยือกเย็น พูดกล่าว : “พวกนายสองคนพาตัวเธอไป เราออกจากป่าแย่ๆนี่ กลับไปเอาเงินรางวัล”

หลังจากที่ชายทั้งสองคนได้ยินเข้า พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง คิดถึงท่าทางที่น่าหวาดกลัวของจิ้งจอกหิมะเหล่านั้นในครั้งก่อน ในก้นลึกของหัวใจก็สั่นระรัวเป็นระลอกๆ

และตอนที่ทั้งสามคนเตรียมจะพาตัวของปัณฑาไป ก็มีร่างเงาหนึ่งตกลงมาจากบนกิ่งไม้อย่างมั่นคง สายตามองไปยังสามคนนั้นอย่างเยือกเย็น พูดว่า : “พวกแกสามคน ปล่อยปัณฑาซะ ฉันอาจจะพิจารณาปล่อยพวกแกไป”

ได้ยินเสียงนี้ ปัณฑาหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว มองไปยังรพีพงษ์ ตกตะลึงครู่หนึ่ง

พี่สามหันหน้ามามองรพีพงษ์ เหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา พูดกล่าว: “เหอะๆ คิดไม่ถึงว่า จะได้ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในคำสั่งตามล่าตัว วันนี้ลาภปากเลยจริงๆ อยากจะได้เด็กน้อยนี้เหรอ?ฝันไปเถอะ!ฉันจะจับตัวแกกลับไปด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รพีพงษ์ก็มีสีหน้าที่ราบเรียบ เก็บซ่อนลมหายใจไว้ลึกลงไปข้างใน เมื่อดูแบบนี้แล้ว พวกชายหนุ่มเหล่านี้ไม่คิดที่จะเป็นมิตรกันแล้ว ตัวเองจะต้องใช้มาตรการสักหน่อยแล้ว

“ไอ้สารเลว จะเสแสร้งอะไร พรรคพวก เข้าไป จับตัวไอ้หมอนี่ให้ฉัน เมื่อไปแลกเป็นเงินรางวัลมาได้แล้ว พี่สามจะพาพวกนายไปดื่มเที่ยวให้สนุกเลย!”

เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้ชายอีกสองคนก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ดึงกระบี่ด้ามยาวออกมาจากเอว มุ่งเดินเข้าไปยังรพีพงษ์

ปัณฑาเห็นภาพฉากนี้ ใบหน้าจนใจ คิดไม่ถึงว่าพวกเด็กเหล่านี้จะกล้าไปยั่วยุรพีพงษ์ ไม่รู้ที่ตายจริงๆ

รพีพงษ์มองไปยังสองคนที่ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พลังแห่งวิญญาณกลิ้งๆขึ้นมา กระบี่สยบเซียนปรากฏขึ้นในมือ ท้องฟ้ามืดครึ้ม!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท