พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1515 น้ำอำมฤตถูกขโมย

บทที่ 1515 น้ำอำมฤตถูกขโมย

พี่สามมีท่าทางที่ขมขื่นขึ้นมาทันที ผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ระหว่างที่ลงมือ ท้องฟ้ามืดครึ้ม!และเด็กหน้าโง่ที่มีเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งตรงหน้านี้ จู่ๆก็เป็นแดนเทพในตำนานเล่าขาน?

รพีพงษ์มีแววตาที่สงบนิ่ง มองไปยังผู้ชายข้างหน้าที่ไม่กล้าวุ่นวายอะไร ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาทันที เดินเข้าไปหาปัณฑาทีละก้าวๆ ทั้งสองคนก็หลีกทางให้โดยที่ไม่รู้ตัว ไม่กล้าเข้าใกล้รพีพงษ์เลย

เมื่อพี่สามเห็นภาพฉากนี้แล้ว ตกใจจนเหงื่อไหลพรากตั้งนานแล้ว ถอยลงแล้วก็วิ่งหนีไป และอีกสองคนเห็นท่าทางไม่ดีก็วิ่งหนีไปแล้วเช่นกัน

รพีพงษ์เอนตัวลง เตรียมที่จะแกะเชือกให้ปัณฑา ก็เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของปัณฑาแล้ว ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที

“ใครเป็นคนทำ?”

หลังจากที่ปัณฑาได้ยิน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พูดดกล่าว : “ก็คือหนึ่งในสามคนนั้นเมื่อตะกี้นี้ คุณคงไม่ฆ่าพวกเขาหรอกใช่ไหม ไม่คุ้มค่า”

หลังจากรพีพงษ์ได้ยิน หลังจากที่แกะมัดเชือกให้ปัณฑาแล้ว ก็แบกปัณฑาไว้บนหลัง พูดกล่าว : “ฆ่าพวกเขาน่ะเหรอคงไม่ทำหรอก แต่อย่างน้อย ฉันก็ต้องให้พวกเขาได้ชดใช้บ้าง นั่งให้ดีนะ”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็เคลื่อนไหวทันที สามารถไล่ตามทันสามคนที่กำลังวิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว พลังเทพที่ตกลงมา ทันใดนั้นก็มัดทั้งสามคนให้อยู่ในกรงขังของพลังเทพเลยทันที

เมื่อเห็นภาพฉากนี้ พี่สามตกใจจนก้นกระทบลงบนพื้นเลย ทั้งสองขาสั่นคลอนอย่างไม่หยุดหย่อน มองไปรพีพงษ์ที่ไล่ตามมาทัน พูดขอร้องอย่างไม่หยุดหย่อน : “ท่าน ท่าน ผมไม่ได้ยั่วยุคุณสักหน่อย คุณก็ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ ท่าน”

รพีพงษ์มองไปยังทั้งสามคนด้วยสายตาที่เยือกเย็น ภายในสิ่งที่กีดขวาง ทันใดนั้นการกดดันทางพลังเทพที่ทรงพลังก็ตกลงมา กดทับทั้งสามคนจนสีหน้าซีดเซียวเลย อึดอัดอย่างมาก

“พวกแกทำร้ายคนที่ไม่สมควรทำร้าย ไม่ถึงกับตายแต่ต้องรับความเจ็บปวด กรงขังนี้ถือเป็นการสั่งสอนพวกแกแล้วกัน ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้พวกแกก็สามารถออกไปได้เลย หลังจากนี้อย่าให้ฉันเห็นพวกแกอีกนะ”

รพีพงษ์หันหน้าพร้อมเดินออกไปเลย ไม่สนใจเสียงเรียกร้องของสามคนนั้นเลย

ปัณฑาเห็นท่าทางตะลีตะลานอย่างทุกข์ทรมานของสามคนนั้น ก็เดินไปแลบลิ้นใส่สามคนนั้นอย่างสนุกสนาน สีหน้าภูมิใจ

หลังจากที่ได้ลงโทษทั้งสามคน รพีพงษ์ก็ได้พาปัณฑาเดินเข้าไปในป่า

“ปัณฑา น้ำอำมฤตอยู่ไหน เราจะไปเอาตอนนี้ จะให้เสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว

ปัณฑาพยักหน้า หลับตาลง สัมผัสถึงตำแหน่งของน้ำอำมฤต จู่ๆก็สัมผัสถึงความผิดปกติ รีบพูดกล่าวทันที : “ไม่ได้การแล้ว น้ำอำมฤตถูกคนเอาไปแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาใกล้จะออกจากป่าแล้ว ไปทางฝั่งตะวันออก รีบตามไป!”

เมื่อได้ยิน รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น ส่งแรงไปยังใต้เท้าทันที ทันใดนั้นร่างก็หายไปจากที่เดิม มุ่งไปยังชายป่าทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว

ทางชายป่า ชายห้าคนที่ใส่ชุดคลุมสีม่วงเข้ม ชายคนหนึ่งที่ห้อยดาบสีทองที่หน้าอกกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในมือของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังถือขวดเล็กๆที่มีความประณีตมาก สิ่งที่บรรจุอยู่ในขวดเล็กนี้ก็คือน้ำอำมฤตที่ซ่อนตัวอยู่ในป่ามืดเย็นแห่งนี้

“คิดไม่ถึงจริงๆ พี่สอง จู่ๆครั้งนี้พวกเราก็สามารถนำน้ำอำมฤตมาได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ ในเวลานี้เราก็สามารถนำกลับไปแลกเงินรางวัลจากเจ้าสำนักได้แล้ว” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งพูดกล่าว

พี่สองพยักหน้าแล้ว ยิ้มอย่างไม่แยแส มองไปยังขวดเล็กที่ห้อยอยู่ที่เอว พูดกล่าว : “วันนี้เหมือนว่าเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปได้แล้ว จู่ๆพวกจิ้งจอกหิมะเหล่านั้นก็ไม่มีขวางทาง นี่ก็ถือว่าดีเลย เจ้าสำนักใกล้จะบรรลุแล้ว เสนอเงินรางวัลก้อนใหญ่สำหรับน้ำอำมฤตนี้ ขอแค่เราสามารถนำน้ำอำมฤตนี้กลับไปได้ ถึงตอนนั้นเงินรางวัลก็เพียงพอที่เราจะแบ่งกันได้แล้ว ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งห้าคนก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

แต่พวกเขาไม่รู้ เหตุผลที่จิ้งจอกหิมะไม่ออกมาขวางทางพวกเด็กหนุ่มเหล่านี้เหมือนแต่ก่อนนั้น เพราะว่ารพีพงษ์ได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก่อนที่พวกเขาจะมา คิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกคนเหล่านี้ชุบมือเปิบ

ผู้ฝึกตนผมสีฟ้าคนหนึ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปทางข้างหลัง พูดกล่าว : “พี่สอง ผิดปกตินะ เหมือนว่าจะมีคนไล่ตามเรามาข้างหลัง ลมหายใจนี้…… ไม่ใช่ของพวกพี่สาม”

เมื่อได้ยิน พี่สองขมวดคิ้วแน่น มองไปยังทิศทางด้านหลัง คิดอยู่ครู่หนึ่ง หันหน้าไปมองข้างหน้า พูดกล่าว : “ไม่ต้องสนใจพวกเขาก่อน ออกไปจากป่ามืดเย็นนี้ ออกไปแล้วค่อยแก้ต่างกับพวกเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขจิ้งจอกหิมะแย่งไป ”

เมื่อได้ยิน ทั้งสี่คนก็พยักหน้า เร่งความเร็ว รีบหนีออกไปยังนอกป่ามืดเย็นเลย

รพีพงษ์และปัณฑาไล่ตามหลังของทั้งห้าคนมาติดๆ และก็พบร่องรอยของพวกเขาทั้งห้าคนนี้แล้ว

ปัณฑามองไปยังรพีพงษ์แวบหนึ่ง ค่อนข้างเป็นกังวล พูดกล่าว : “ร่างกายของคุณฟื้นฟูไปเท่าไหร่แล้ว ”

“30 เปอร์เซ็นต์” รพีพงษ์พูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา ฝีเท้าคงที่ รักษาระยะห่างกับทั้งห้าคนนี้ไว้ อยากที่จะสังเกตดูสักหน่อย

หลังจากที่ปัณฑาได้ยินเข้า ก็ตกใจขึ้นมาทันที พูดกล่าว : “งั้นก็คงไม่ได้การ เผชิญหน้ากับคนที่มากขนาดนั้น 30 เปอร์เซ็นต์ มันอันตรายเกินไปแล้ว ไม่งั้นเราก็รอก่อนแล้วกัน รอพละกำลังของคุณฟื้นฟูก่อน เราค่อยไปแย่งของกลับมาก็ยังไม่สายนะ”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยิน ส่ายหน้า สายตาจับจ้องไปยังห้าคนนั้น พูดกล่าว : “ไม่ได้ ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาเอาน้ำอำมฤตไปได้ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปที่ไหน ถึงตอนนั้นอยากจะได้คืนมาก็คงยากแล้ว จะต้องฉวยโอกาสตอนนี้แย่งคืนกลับมา พละกำลัง30 เปอร์เซ็นต์ เพียงพอที่จะจัดการกับพวกเขาแล้ว”

รพีพงษ์มีใบหน้าที่มั่นใจมาก แม้ว่าจะมีเพียง 30เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นก็เป็นระดับของแดนเทพขั้นต้น ห้าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นเพียงแค่แดนดั่งเทพขั้นกลางเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรที่จะต้องเป็นกังวล

เห็นท่าทางที่มั่นใจของรพีพงษ์แล้ว ปัณฑาก็ถอนหายใจอย่างจนใจ ในเมื่อรพีพงษ์ตัดสินใจแล้ว ปัณฑาก็ไม่ขัดขวางอะไรอีกไปโดยปริยาย

หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไป ทั้งห้าคนก็พุ่งออกมาจากป่ามืดเย็น มองไปยังภูเขาหิมะรอบนอก นี่ถึงจะโล่งใจแล้ว ขอเพียงแค่ออกจากป่ามืดเย็นโดยสิ้นเชิง ถึงจะถือว่าหลุดพ้นจากจิ้งจอกหิมะ จึงจะถือว่าพวกเขาทั้งห้าปลอดภัยแล้วจริงๆ

พี่สองหัวเราะแล้ว พูดกล่าว : “ดีมาก พวกเราประสบความสำเร็จแล้ว พวกน้องสามก็น่าจะกลับไปรอพวกเราแล้วแหละ พวกเรารีบไปตอนนี้เลย ไปเอารางวัลได้เร็วหน่อย”

เมื่อได้ยิน ทั้งสี่คนต่างก็พยักหน้าอย่างมีความสุขแล้ว เงินรางวัลก้อนนี้ ก็สามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้นานหน่อย

“เดี๋ยวก่อน พวกแกทั้งห้าคนเอาสิ่งของของฉันไป เอาคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป”

จู่ๆรพีพงษ์ก็ปรากฏตรงหน้าของคนทั้งห้าคน ขวางทางที่คนทั้งห้าคนจะไป

พี่สองมองไปยังรพีพงษ์ที่สวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ทันใดนั้นก็มีสีหน้าที่ดูถูกทันที พูดกล่าวว่า : “แกเป็นชาวเขารากหญ้าที่มาจากที่ไหน คืนสิ่งของให้แกเหรอ แกคิดว่าพวกเราเหมือนคนที่เก็บขยะงั้นเหรอ รีบไสหัวไปซะ อย่าบีบบังคับให้กูต้องลงมือ”

เมื่อได้ยินคำนี้ ปัณฑาก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากหัวเราะออกมา พูดกล่าว : “ตอนที่อยู่ระหว่างทางให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณก็ไม่เชื่อ ”

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างจนใจ ที่เสื้อผ้าของตัวเองขาดรุ่งริ่งเพราะการต่อสู้กับจิ้งจอกหิมะเมื่อครั้งก่อน หลังจากนั้นตัวเองก็สลบไปแล้ว จะมีเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังไงกัน

“เหอะๆ หมอนี่ เด็กหญิงคนนี้ก็ยังหัวเราะเยาะแกเลย อย่างนี้นะ เห็นแกเป็นแบบนี้ คงจะหิวก็เลยอยากจะมาหลอกเอาเงินสินะ แต่ว่าก็ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน แกทำเลียนเสียงหมาหอนสองครั้งซิ ถ้าทำได้เหมือน ฉันจะให้เงินแก ซื้อซาลาเปาสักลูกก็น่าจะพอนะ” พี่สองหัวเราะพร้อมพูดกล่าว

ผู้ฝึกตนทั้งสี่คนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้นมา ล้วนแต่ยกย่องในสิ่งที่พี่สองทำทั้งนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท