พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1526 ฉีกห้วงเวลา

บทที่ 1526 ฉีกห้วงเวลา

เวลา10วันก็ได้ผ่านไปแล้ว เห็นว่าตอนนี้ตวัสได้กลายร่างเป็นตัวคนจริงๆ แล้ว แต่ดูเหมือนจะมีขั้นตอนไหนผิดพลาดไป ตวัสก็เลยยังไม่ตื่นขึ้นมา

แต่ว่าไม้พันปีที่ไร้กิ่งใบ ตอนนี้ได้กลายเป็นต้นไม้ที่เขียวขจี ดูมีชีวิตชีวามาก แค่ดูเฉยๆ ก็ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าในใจสงบนิ่งมาก

หลังจากนั้นพักใหญ่ ในที่สุดปัณฑาก็ยอมรับความจริงอันน่ากลัวได้ แล้วมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าจริงจัง

“รพีพงษ์ ไม่ว่าที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คุณต้องรู้นะว่า ผู้ฝึกเซียนที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าระดับสูง ในเทวโลกนั้น เป็นยอดอัจฉริยะสำหรับคนโลกนี้เลย”

“ยิ่งกว่านั้น การได้รับการถ่ายทอดทั้งสองเทพ ในเทวโลกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แถมคุณยังได้รับการถ่ายทอดจากเทพระดับสูงทั้งสององค์ โดดเก่นเกินไปก็มักจะถูกครหา ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจในจุดนี้ด้วย”

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มแหยพยักหน้า พร้อมพูดว่า “หลักการพวกนี้ผมก็พอเข้าใจอยู่ การสืบทอดปฐมกาลของผม สามารถปกปิดระดับของการสืบทอดไว้ได้ และสามารถปกปิดการได้รับการสืบทอดได้ด้วย ปัญหานี้คุณไม่ต้องกังวล”

พอได้ยิน ปัณฑาก็พยักหน้า ไม่คิดเลยว่า บนโลกนี้จะมีพลังที่สามารถปกปิดระดับการรับถ่ายทอดได้ด้วย ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวรพีพงษ์วันนี้ แพร่ไปถึงเทวโลก เกรงว่าที่เทวโลกคงจะตกใจไม่น้อย

ยิ่งกว่านั้น ก่อนหน้านี้ที่นรเทพมาปรากฏตัวบนโลก ก็ทำให้ในใจของปัณฑาคาดเดาได้ บางทีเทวโลกในตอนนี้อาจจะไม่ได้เงียบสงบเหมือนก่อนแล้ว

ถ้าเป็นเหมือนกับที่ปัณฑาคาดเดาล่ะก็ ถ้ารพีพงษ์เปิดเผยพรสวรรค์ของตัวเองออกมา ก็จะอันตรายมากเลย

พรสวรรค์แบบนี้ ขอเพียงให้เวลากับรพีพงษ์หน่อย ไม่นาน รพีพงษ์ก็จะได้เป็นคนที่ปกครองเทวโลก!

“สรุปว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ เรื่องในตัวของคุณ นอกจากฉันแล้ว ไม่ต้องไปบอกกับใครอีก ถ้ามีคนถาม……คุณก็บอกว่า ได้รับการถ่ายทอดแค่เทพเจ้าระดับต่ำเท่านั้น ได้ยินไหม” ปัณฑาพูดจริงจัง

รพีพงษ์ก็มองปัณฑาท่าทางแบบนั้น ก็พยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรการที่ตนเองปกปิดระดับการรับถ่ายทอดหรือแม้กระทั่งพลังไป พอถึงตอนนั้นต่อให้จะมีคนมาตรวจสอบ ขอเพียงตนเองไม่พูด ก็ไม่มีใครตรวจพบแน่

พอเห็นรพีพงษ์มีท่าทางสบายๆ ปัณฑาก็ถอนหายใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าชาติที่แล้วรพีพงษ์ทำบุญด้วยอะไรไว้ ชาตินี้ถึงได้มีโชควาสนาดีแบบนี้

ในขณะเดียวกัน ปัณฑาก็ยิ่งหวัง ว่าเวลา3เดือนที่เหลือนี้ รพีพงษ์จะสามารถทำได้ถึงขั้นไหน

บางที การที่จะเอาชนะนรเทพ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

หลายวันต่อจากนี้ รพีพงษ์และปัณฑาล้วนแต่รักษาระดับพลังของตนเอง บางครั้งแรดโบราณก็จะออกไปเอาผลไม่เข้ามา สองคนและสัตว์หนึ่งตัวก็อาศัยเจ้าสิ่งนี้ประทังชีวิต

วันที่4

ตวัสลืมตาขึ้นมา บนต้นไม้โบราณมีดอกไม้เบ่งบานตามกิ่งก้าน ผลิออกเป็นยอดเล็กแหลม แต่งแต้มให้กับต้นไม้โบราณ

ตวัสลุกขึ้นจากกิ่งไม้ แล้วมองร่างกายตนเอง จากนั้นก็ตื่นเต้นมาก

รพีพงษ์และปัณฑาเห็นว่าตวัสฟื้นแล้ว ก็รีบเข้ามาดู

ตวัสยื่นมือออกมา แล้วจับเข้าไปที่แขนของตวัส พร้อมพูดอย่างตกใจว่า “ว้าว ไม่นานก็ฝึกฝนจนได้ร่างมนุษย์แล้วจริงๆ แถมผิวพรรณก็ดีมากเลย แทบจะเหมือนผู้หญิงแบบฉันเลยนะเนี่ย”

ตวัสก็หน้าแหย แล้วก็สะบัดออกจากมือปัณฑา พร้อมพูดว่า “ไม่ต้องยุ่งหรอกน่า พวกคุณสองคนก็เพิ่มพลังมากขึ้นไม่น้อย อ้าวรพีพงษ์…….ได้ระดับแดนบุณแล้วงั้นหรือ? ได้รับการถ่ายทอดแบบไหนล่ะ?”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ถูกเสียงกระแอมของปัณฑามาขัดไว้

รพีพงษ์ก็รู้ว่าปัณฑาจะสื่ออะไร จากนั้นก็ยิ้มๆ พร้อมพูดว่า “ไม่เลวเหมือนกัน ผมได้ทะลวงชีพจรทั้ง9จุดแล้ว บรรลุขั้นแดนบุณอย่างราบรื่น ส่วนการถ่ายทอดนั้น แบบเสียดายหน่อย ได้รับแค่ระดับล่างจากเทพเจ้าเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น ตวัสก็มีสายตานิ่งๆ แล้วพูดว่า “ได้รับระดับล่างก็โอเคแล้วล่ะ การสืบทอดชูร่าเน้นโจมตี สำหรับคุณก็ถือว่าได้รับการถ่ายทอดได้โอเคแล้ว”

รพีพงษ์ก็รู้ว่าตวัสกำลังปลอบใจตนเอง แต่ในใจของรพีพงษ์ไม่สนใจพวกนี้หรอก เพราะว่าตนเองได้รับการถ่ายทอดทั้งสองสาย แถมยังได้รับถ่ายทอดจากเทพเจ้าระดับสูงทั้งหมด ทั้งยังได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าสร้างโลกอีก รพีพงษ์จะพูดออกมาได้ไหมล่ะ

ไม่ได้

ดังนั้น เรื่องนี้ มีเพียงตนเองที่เข้าใจ ตนเองพอใจก็พอแล้ว

“ผู้อาวุโส ผมเข้าใจแล้ว คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ยอมย่อท้อต่อการฝึกฝนแน่นอน ภายในสามเดือน ผมจะฝึกฝนจนสามารถจัดการกับนรเทพได้แพ้ราบคาบให้ได้”

ได้ยินดังนั้น ตวัสก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า เพราะถึงอย่างไร แค่ได้รับการถ่ายทอดระดับต่ำ แล้วอยากจะใช้เวลาเพียงสามเดือนเพื่อเอาชนะนรเทพที่เป็นยอดฝีมือระดับแดนบุณ ความเป็นไปได้มันแทบจะเป็นศูนย์

“เอ่อ ผู้อาวุโสครับ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะไปเทวโลกกับพวกเรา แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหนดี?” รพีพงษ์ถาม

ตวัสก็นิ่งๆ มือทั้งสองก็รวมพลังชีวิตอันมหาศาล แล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวผมจะทำลายห้วงเวลาเดี๋ยวนี้ เพื่อเปิดทางเชื่อม แต่ว่าทางเชื่อมนี้มันจะอยู่ได้ไม่นาน พวกคุณสองคนพอเข้าทางเชื่อมไปแล้ว ก็รีบเข้าไปให้สุดทางทันที”

รพีพงษ์และปัณฑาก็พยักหน้า เพราะได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว

ตวัสหายใจเข้า แล้วก็หงายมือคว้าอากาศ พลังเทพก็ออกมาบนมือไม่หยุด

พอเห็นว่าห้วงเวลาข้างๆ ฝ่ามือของตวัสเริ่มยับเหมือนกระดาษหนึ่งแผ่น จากนั้นมือของตวัสก็ควักเข้าไปด้านในของช่องว่าง แล้วออกแรงฉีกออกสองด้าน ช่องว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทั้งสามคน

หลังจากที่รพีพงษ์และปัณฑาเห็นช่องว่างนั้นแล้ว ก็ไม่ลังเล รพีพงษ์โอบปัณฑากระโดดลงไป จากนั้นตวัสก็ตามเข้ามา

หลังจากเข้าช่องว่างนั้นไปแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์นั้น คือทางเชื่อเส้นหนึ่ง ส่วนแสงปลายทางเชื่อนั้น ก็น่าจะเป็นเทวโลก

“รีบหน่อย เดี๋ยวตกลงไป” รพีพงษ์กล่าว เท้าก็ออกแรง แล้ววิ่งสุดแรงอยู่ในทางเชื่อนั้น

ส่วนตวัสก็ตามอยู่ด้านหลัง วิ่งไปใช้พลังเทพรักษาทางเชื่อมให้คงอยู่ไปด้วย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดรพีพงษ์ก็มาถึงยังจุดที่มีแสงสว่างปลายทาง ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็ถูกตวัสที่ตามมาข้างหลังดันเข้าไปในแสงสว่างนั้น แล้วก็มาถึงโลกอีกแห่งหนึ่ง

พอรู้สึกว่าเท้าแตะพื้นแล้วนั้น ใจที่กังวลของรพีพงษ์ก็สงบลง แล้วก็มองไปรอบๆ พร้อมกับตื่นตกใจ

สมกับที่เป็นเทวโลก ในอากาศของที่นี่มีไออะไรบางอย่างลอยอยู่ พอมองดูดีๆ ไอพวกนั้นก็คือพลังทิพย์และพลังเทพผสมกัน

แค่จุดนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าการหายใจของตนเองโล่งขึ้นมาก แม้แต่สายตาก็ยิ่งชัดเจนมากกว่าเดิม แค่มองก็สามารถเห็นพื้นผิวของใบไม้ที่ไกลออกเป็นหลายลี้ได้

“ที่นี่ก็คือเทวโลกงั้นหรือ เพียงพอที่จะทำให้คนตื่นตกใจได้จริงๆ !” รพีพงษ์กล่าว ตอนนี้แทบอยากจะนั่งสมาธิลงทันที เพื่อนดูดซับพลังเทพเสียที่นี่

ปัณฑาเห็นรพีพงษ์มีท่าทางไม่เอาไหน ก็ทำหน้าเอือมระอา แล้วก็ตบไหล่ของรพีพงษ์ พร้อมพูดว่า “อย่าเลย ที่นี่ไม่เท่าไรหรอก เดี๋ยวรอพวกเราเข้าเมืองไป เดี๋ยวคุณก็รู้เองว่าที่เทวโลกมันมีอะไรมหัศจรรย์บ้าง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท