พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1542 การคุ้มครองจากนราธิป

บทที่ 1542 การคุ้มครองจากนราธิป

สิ่งที่เทวเทพกล่าวคือสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการจะกล่าวเหมือนกัน เขาจะไม่พูดจาวกไปวนมา แสดงให้เห็นเจตนาของตนเองโดยตรง

เมื่อเห็นกระบี่สยบเซียน เทวเทพคิดว่าตนเองมองผิด ไม่คิดว่ารพีพงษ์ยินดีที่จะมอบสมบัติล้ำค่านี้ให้ตนเอง

การแสดงไมตรีจิตเช่นนี้ เขามีจุดประสงค์อะไร?

เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์อยู่เฉย ๆ และไม่อะไรทำ ก็เลยมามอบสมบัตินี้ให้ตระกูลภูสรีดาว

“ผมมาที่นี่ครั้งแรก เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ล่วงเกินพ่อบ้านของตระกูลคุณ ผมคิดว่าถ้าล่วงเกินพ่อบ้านก็เหมือนล่วงเกินท่านผู้อาวุโส จึงตั้งใจมาขอโทษ คนหนุ่มไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่ถือสาเรื่องนี้”

ปัณฑาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตะลึง เธอไม่เคยเห็นรพีพงษ์นอบน้อมถ่อมตนเพื่อเอาใจผู้อื่นขนาดนี้มาก่อน แต่เธอไม่รู้ว่านี่คือการยอมถอยเพื่อรุก

นราธิปที่อยู่ด้านข้าง มองทะลุปรุโปร่ง

ใครก็ตามที่รู้จักกระบี่สยบเซียน จะรู้ว่าจอมมารชูร่าเป็นคนส่งมอบกระบี่สยบเซียนให้รพีพงษ์เอง กระบี่จำนายตนเองแล้ว จะยอมรับรพีพงษ์เป็นนายเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้จะมาอยู่ในตระกูลภูสรีดาว ก็ไม่มีใครในตระกูลภูสรีดาวสามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้

มีเพียงเทวเทพเท่านั้นจ้องมองไปที่กระบี่สยบเซียน และกระบี่สยบเซียนเปล่งประกายแสงสีขาว ไข่มุกบนด้ามจับเปล่งประกายแพรวพราวเช่นกัน

พ่อบ้านคนหนึ่งสามารถเทียบกับกระบี่ล้ำค่าเล่มนี้ได้อย่างไร?

เขาหัวเราะเสียงดังทันที “เป็นแค่พ่อบ้าน เดิมก็มีความผิดอยู่แล้ว และเป็นคนใจคด สมควรถูกลงโทษ คุณรพีช่วยกำจัดภัยร้ายของผู้คน”

รพีพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครุ่นคิด หากบุคคลนั้นไม่มีประโยชน์แล้ว จะถูกฆ่าตายหรือมีจุดจบที่แย่กว่าคนอื่น

ถึงแม้ว่าพ่อบ้านคนนี้จะไม่ใช่คนดี แต่จากเหตุการณ์นี้ จะเห็นได้ว่าสถานะของเขาในตระกูลภูสรีดาวนั้นอย่างดีที่สุดก็คือสุนัขเฝ้าบ้านเท่านั้น

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่ใช่พ่อบ้านของตระกูลภูสรีดาวอีกต่อไป ผมไม่วางใจถ้ามีพ่อบ้านประเภทนี้”

เทวเทพถือกระบี่อยู่ในมือ รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก บวรวิทย์วิ่งมาที่ห้องโถงใหญ่ เห็นว่ารพีพงษ์ได้มอบกระบี่ให้พ่อของตนเองแล้ว อยากจะบอกพ่อว่าอย่าถูกหลอก แต่พ่อกลับไม่ใส่ใจคำพูดของตนเองเลย

“ตอนนี้ลูกบาดเจ็บอยู่ อย่าพูดจาเหลวไหล เมื่ออาการบาดเจ็บของลูกหายดีแล้ว พ่อจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่ลูก”

“ท่านพ่อ ไอ้หมอนี้เจ้าเล่ห์ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้พวกเราจริง ๆ”

เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ รพีพงษ์จึงเดินไปข้างหน้าและเตือนว่า “กระบี่สยบเซียนนี้เป็นของล้ำค่า แต่มันก็จะจำเจ้านาย มันเพิ่งมาถึงมือของท่านผู้อาวุโส เกรงว่ายังจะใช้ไม่คล่องมือ แต่ผมคิดว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน มันจะยอมรับท่านผู้อาวุโสเป็นเจ้านายเอง”

เทวเทพโบกมืออย่างไม่แยแส “ขอแค่ได้มันมาอยู่ในมือคุณ ไม่เคยกังวลว่ามันจะไม่ยอมสยบให้ผม เรื่องนี้คุณวางใจได้”

เทวเทพดีใจจนยิ้มไม่หุบ แต่พ่อบ้านเตชิตไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เขารู้ว่าที่จริงแล้วตนเองเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลภูสรีดาวเท่านั้น ตอนนี้เจ้านายให้เขาไป เขาก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว

พ่อบ้านเตชิตจ้องมองรพีพงษ์อย่างดุดัน เขาไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ จะต้องฆ่ารพีพงษ์ให้ได้ถึงจะหายแค้น

พ่อบ้านเตชิตดูแลบวรวิทย์มาตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นบวรวิทย์จึงไม่ปล่อยให้พ่อบ้านออกจากตระกูลไปง่าย ๆ

ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เป็นอริกับรพีพงษ์ก็เป็นเหมือนเพื่อนของตนเอง เขาจึงแอบให้พ่อบ้านเตชิตอยู่ในตระกูลภูสรีดาวต่อไป

เนื่องจากรพีพงษ์มอบกระบี่ให้เทวเทพ และเทวเทพยืนยันที่จะจัดงานเลี้ยง โดยบอกว่าต้องการคบหาสมาคมเป็นมิตรสหาย

บนใบหน้าของนราธิปมีรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาทั้งหมดถูกรพีพงษ์หลอก และถ้าวันหนึ่งพวกเขากลายเป็นศัตรูกัน และเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากัน กระบี่เล่มนี้ก็จะกลับไปยังมือของรพีพงษ์

หยดเลือดจำเจ้านายได้ ขอแค่รพีพงษ์ยังไม่ตาย เจ้านายของมันยังคงเป็นรพีพงษ์

ถ้าสามารถบังคับให้กระบี่โบราณสยบได้ง่ายขนาดนี้ มันก็ไร้ค่าแล้ว

ปัณฑานั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “อยู่ดี ๆ ก็มอบกระบี่ล่ำค่าให้พวกเขา ฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าพวกเขาต้องการจะฆ่าคุณ ก็ชัดเจนเช่นกัน”

“พูดเบา ๆ ผมมีแผน”

ที่งานเลี้ยง รพีพงษ์นั่งอยู่ใต้นราธิป และนราธิปกล่าวเสียงเบาที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ไอ้หนู คุณช่างกล้า”

“อาจารย์ธิปเคยบอกว่าผมมีความกล้าหาญไม่ใช่หรือ?”

“ไม่! ผมขอถอนคำพูดที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้น คุณไม่เพียงมีความกล้าหาญเท่านั้น แต่ยังกลอุบายด้วย ผมยังคงพูดประโยคนั้น คุณเต็มใจที่จะอยู่ภายใต้……”

“อาจารย์ธิป สิ่งที่ผมตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ”

นราธิปเหลือบมองรพีพงษ์ แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ต้องมีสักวันที่รพีพงษ์จะเต็มใจ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเผชิญหน้ากับนรเทพ เขาจะต้องเจอกับความลำบากเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าจะต้องหาที่หลบภัย?

คนอย่างรพีพงษ์ เต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิด

“ได้ยินมาว่าบวรวิทย์ถูกไอ้เด็กเปรตทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ พี่ มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?”

ขณะนี้ มีชายวัยกลางคนที่พุงใหญ่กล่าวถาม เคราของเขาปกคลุมทั่วทั้งใบหน้า มีเพียงปาก จมูก ตา และหน้าผากเท่านั้นที่ออกมา เมื่อตั้งใจมองจะเห็นว่าเขานั้นเหมือนลิง

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้กำลังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนบวรวิทย์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว

เจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวก็ยังไม่ว่าอะไร เขาจะพลิกคดีได้อย่างไร?

สายตาของรพีพงษ์อยู่ที่เทวเทพเท่านั้น เพิ่งได้รับของขวัญ ดังนั้นเขาคงจะไม่เป็นคนที่พอบรรลุเป้าหมายก็ถีบส่งผู้ช่วยเหลือ

เขาสามารถสัมผัสได้ว่า ผลการฝึกตนของคนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบ ๆตนเองอยู่ในระดับแดนบุณขึ้นไป และตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างแน่นอน

เทวเทพยิ้ม “อ้อ เพราะฝีมือลูกชายของผมด้อยกว่าคนอื่น ไปประลองกับคนอื่นก็เลยพ่ายแพ้ การแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าแปลกใจเลย น้องชายอย่าใส่ใจเลย อย่าไปฟังการยุยงของคนอื่น”

ชายอ้วนหันมามองรพีพงษ์และถามว่า “น้องชายคนนี้คือใคร?”

สายตาของนราธิปมองไปที่รพีพงษ์ ขณะที่รพีพงษ์จิบชาอย่างช้า ๆ เขามีสถานะอะไร? เจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวจะเป็นคนอธิบายเอง

นราธิปกล่าวขึ้นก่อน “เป็นหลานชายของเพื่อนเก่า ผมลืมแนะนำให้ทุกคนรู้จัก”

นราธิปสร้างสถานะให้รพีพงษ์ รพีพงษ์ไม่เข้าใจว่าทำไมนราธิปช่วยตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า

ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่ออยากให้ตนเองฝากตัวเป็นศิษย์ มันแค่นั้นจริงหรือ?

หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น?

ตอนนี้เขายังไม่ได้คิดอย่างละเอียด แล้วก็ให้รพีพงษ์ดื่มเหล้าคารวะทุกคน รพีพงษ์ก็ให้ความร่วมมือเล่นละครกับนราธิปเป็นอย่างดี คนที่มาจากโลก ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องถูกคนในเทวโลกเหยียดหยาม

ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องซ่อนมันเอาไว้ อย่าเปิดเผยตัวตน

สามารถถือได้ว่านราธิปเป็นคนที่คอยช่วยเหลือตนเองในเทวโลกได้ บางครั้งตนเองไม่จำเป็นต้องเป็นลูกศิษย์ของเขา เมื่อสักครู่เขาก็ไม่ได้แนะนำไปว่าตนเองเป็นลูกศิษย์ เขาคงจะคิดพิจารณาแล้วว่าตนเองนั้นยังไม่ตกลง

นอกจากนี้ ยังมีบวรวิทย์อยู่ที่นี่ บวรวิทย์เป็นศิษย์คนเดียวของเขา

บวรวิทย์มองเหตุการณ์อยู่ที่มุมหนึ่ง กำหมัดทั้งสองไว้แน่น ไอ้เด็กเปรตนี้ ทำไมเขาถึงได้รับการดูแลคุ้มครองจากนราธิปได้?

เมื่อนึกถึงเรื่องรพีพงษ์ เขาก็รู้สึกโมโหทันที หันหลังแล้วกล่าวกับพ่อบ้านเตชิตว่า “หลังจากที่มันออกไปจากบ้านของพวกเรา อย่าให้โอกาสเขาไปไกล รีบไปเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้คุณอาธรฟัง เขารักและเอ็นดูผมมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เชื่อหรอกว่าคราวนี้ไอ้รพีพงษ์จะสามารถหนีไปได้อีก”

“แต่ว่า กลัวว่ารพีพงษ์จะไม่ไป ผมได้ยินเจ้าบ้านบอกว่าจะให้เขาพักอาศัยอยู่ในตระกูลภูสรีดาว และฝึกพร้อมกับคุณชาย”

“อะไรนะ พ่อแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือ ไม่ได้! ผมจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท