พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1549 ฆ่ามังกรดำ

บทที่ 1549 ฆ่ามังกรดำ

สามารถมองออกว่า หนังมังกรดำตัวนี้แข็งจริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถแทงทะลุหนังมังกร

บางทีก่อนที่หนังมังกรจะถูกแทงทะลุ พวกเขาสองคนก็อาจตายไปแล้ว

“มันจะต้องมีวิธี ขอแค่พวกเราสามารถอดทนรอจนพวกพ่อของคุณมา เราก็จะมีโอกาสรอด”

“พูดไปพูดมายังไงก็ต้องรออยู่ที่นี่ ช่างเป็นความหวังที่ริบหรี่”

เป็นเพราะบวรวิทย์คิดจะฆ่าตนเอง ถ้าเขาไม่เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากมาย ตอนนี้ทั้งสองคนคงจะไม่มาอยู่ที่นี่

มีความหวังยังดีกว่าไม่มีความหวัง อย่างน้อยปัณฑาก็ไปแจ้งข่าวแล้ว คนอื่นอาจพึ่งพาไม่ได้ แต่เจ้าเด็กคนนี้เป็นคนที่พึ่งพาได้

“อดทนไว้ คุณเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในท้องมังกร ถ้าอยู่ข้างนอกผมอาจจะฆ่าคุณจริง ๆ!”

“คนอย่างคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม ดูเหมือนว่าคุณจะลืมไปแล้วว่าผมเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว”

มีความหมายแฝงอยู่ในคำพูด อันที่จริงแล้วมันแฝงท่าทีอ่อนโยนไว้ อย่างไรก็ตามวันนี้ถ้ามีรพีพงษ์ เกรงว่าตนเองจะตายไปแล้ว ตอนนี้พูดประโยคนี้ออกมาโดยไม่เสียหน้า และยังคงสามารถใช่คำพูดที่หนักขึ้นได้อีก

ถ้าเขารู้ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ เขาก็จะไม่จัดการรพีพงษ์ แต่ตอนนี้รพีพงษ์กลับช่วยชีวิตตนเองไว้

ไม่ว่าคนจะโกรธแค้นแค่ไหน ก็คงไม่สามารถลงมือฆ่าคนที่มีบุญคุณเคยช่วยชีวิตตนเองได้ มิเช่นนั้นเขาก็จะเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน

รพีพงษ์ไม่ได้อยู่นิ่ง นั่งขัดสมาธิแล้วสังเกตอย่างละเอียด ตรงที่พวกเขานั่งอยู่เป็นกระเพาะของมังกร และสิ่งที่หมุนไปรอบ ๆ ก็คือกรดในกระเพาะของมังกร

ไม่รู้ว่าความสามารถในการย่อยอาหารของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังของมังกรได้ ถ้าทำลายกระเพาะของมังกร ก็จะทำให้มังกรเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น

ขอแค่มังกรตาย แล้วกรดในกระเพาะหยุดทำงาน โอกาสรอดของพวกเขาก็จะมากขึ้น

“คุณชายบวรวิทย์ ลุกขึ้นเร็ว อย่าเอาแต่นั่ง พวกเราจะนั่งรอความตายไม่ได้”

รพีพงษ์พูดในสิ่งที่ตนเองคิด บวรวิทย์มองเขาด้วยความประหลาดใจ “มันทำได้จริงหรือ?”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง หรือว่าคุณอยากตายอยู่ในนี้?”

รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน เพราะตอนนี้คนที่มีไอเดียคือรพีพงษ์ บวรวิทย์จึงไม่สามารถพูดอะไรได้ รพีพงษ์พูดอะไรเขาก็จะปฏิบัติตาม นี่เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด

หลังจากนั้นเขาก็สกินกระบี่ออกมา แล้วหันหลังชนกับบวรวิทย์ “ระวังอย่าให้ตกลงไปในหินหนืดนี้ ขอแค่ทำลายกระเพาะอาหารของมันได้ พวกเราก็จะไม่ถูกกรดในกระเพาะกัดกร่อน”

“กรดในกระเพาะอาหารคืออะไร?”

เมื่อบวรวิทย์ถามคำถามที่ไร้ความคิดนี้ รพีพงษ์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ดังนั้นจึงให้เขาปฏิบัติตามที่ตนเองบอกก็พอแล้ว

แม้ว่าบวรวิทย์จะไม่เต็มใจ แต่เมื่อคิดว่าสามารถทำให้มีชีวิตรอดได้ และออกไปพร้อมกันได้ ความแค้นก่อนหน้านั้นทั้งหมดพักไว้ก่อน

รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ใจคับแคบ เขารู้สึกว่าถ้าเหตุการณ์นี้ทำให้ตนเองกับบวรวิทย์เปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร ก็ถือว่าคุ้มค่า

เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน มังกรดำรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงบินวนอยู่บนท้องฟ้า สองคนที่อยู่ในท้องของมังกรรู้สึกสั่นไหวอย่างรุนแรง และไม่มีจุดรองรับ

“ทำไมสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ถึงได้บ้าคลั่งเช่นนี้?”

บวรวิทย์บ่นอย่างไม่พอใจ รพีพงษ์รู้ว่าการทำวิธีนี้ได้ผล มังกรตัวนี้ไม่ควรกลืนพวกเขาสองคนลงในไปท้อง

ปัณฑามาถึงตระกูลภูสรีดาว และได้พบกับพ่อบ้านเตชิตที่เดินชักช้าอยู่ข้างทาง แต่ปัณฑาก็ไม่สนใจเขา

รีบไปพบเจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวทันที และเล่าสถานการณ์ของรพีพงษ์กับบวรวิทย์ เทวเทพได้ยินว่าลูกชายของตนเองตกอยู่ในอันตราย รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

แต่เขาคนเดียวไม่มีความสามารถที่จะช่วยพวกเขาได้ ประจวบเหมาะที่นราธิปก็อยู่ในบ้านเช่นกัน เมื่อนันท์ธรและคนอื่นได้ข่าว ทุกคนจึงมารวมตัวกันและเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องลับพร้อมกัน

ระหว่างทางได้พบกับพ่อบ้าน เมื่อเทวเทพเห็นพ่อบ้าน ก็เหมือนกับเห็นตัวซวย เขาจึงเตะพ่อบ้านอย่างแรง และบอกพ่อบ้านว่าต่อไปอย่ามาให้ตนเองเห็นหน้าอีก

พ่อบ้านเตชิตไม่มีเวลาแม้แต่จะขอความเมตตา รีบเดินกะเผลกไปอย่างรวดเร็ว ยังรู้สึกว่าโชคดีที่ตนเองวิ่งเร็ว เมื่อเห็นคนมากันมากมาย คนที่โง่แค่ไหนก็สามารถรู้ว่าสถานการณ์ของบวรวิทย์นั้นเลวร้ายแน่นอน

รพีพงษ์และบวรวิทย์กลิ้งไปมาอยู่ในท้องของมังกร แล้วบวรวิทย์ก็อาเจียนออกมาทันที

“ผมอยู่กับอาจารย์และพ่อมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยมีศัตรู ประสบการณ์ต่อสู้นั้นน้อยมาก ผมทนไม่ไหวแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก บวรวิทย์บอกว่า เขามีประสบการณ์ต่อสู้น้อยมาก และตอนที่เขาต่อสู้กับตนเองนั้น ความสามารถของเขาก็ไม่ด้อย แล้วถ้าเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมายเหมือนตนเอง ผลการฝึกตนของเขาคงจะน่ากลัวมาก

ในช่วงเวลาที่รู้จักกัน หลังจากผ่านเรื่องราวเหล่านี้ รพีพงษ์รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เป็นแค่เด็กที่ถูกตามใจจนเสียนิสัยเท่านั้น ถ้าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก็สามารถปลูกฝังให้เป็นคนที่มีคุณภาพได้

นี่เป็นเพียงความปรารถนาฝ่ายเดียวของรพีพงษ์ แค่หวังว่าตนเองจะสามารถมีเพื่อนร่วมทางที่จะไปต่อสู้กับนรเทพ มันเป็นหนทางที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก ถ้าอาศัยแค่ตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเอาชนะได้ เพราะความสามารถของนรเทพไปถึงจุดสูงสุดแล้ว

“พวกเราต้องเพิ่มความแรง ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยตายอยู่ในท้อง ก็จะไม่ยอมถูกกรดในกระเพาะย่อย”

รพีพงษ์รู้ดีว่าถ้าตนเองยอมแพ้ ความคิดความปรารถนานั้นก็จะสลายไปอย่างรวดเร็ว มันก็จะสมดังใจมังกรดำตัวนี้ ทันใดนั้นก็ปรากฏกระแสน้ำวนขึ้นในท้องของมังกร รพีพงษ์มองไปที่นั่นด้วยดวงตาที่เปล่งเป็นประกาย และเขาก็จับกระบี่ไว้แน่น และพุ่งไปพร้อมกับบวรวิทย์

ความเร็วของพวกเขาทั้งสองคนนั้นเร็วมาก พวกเขาผ่านกระแสน้ำวนโดยตรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำราม ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาสองคนมีผลการฝึกตน หูของพวกเขาจะต้องหนวกเพราะมังกรดำตัวนี้แน่นอน

หลังจากนั้น ทั้งสองคนได้รวมกำลังทั้งหมดไปไว้บนกระบี่ของรพีพงษ์ แล้วก็แทงทะลุผ่านท้องของมังกรทันที มีแสงระยิบระยับส่องเข้ามา แล้วทั้งสองคนเห็นดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าอีกครั้ง

รพีพงษ์และบวรวิทย์นั่งอยู่บนพื้นอย่างเหนื่อยล้า และยิ้มให้แก่กัน หลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ ทั้งสองเป็นเหมือนพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตาย ไม่ว่าก่อนหน้านั้นบวรวิทย์จะยโสโอหังขนาดไหน แต่ตอนนี้ใจเขาก็เป็นหนึ่งเดียวกับรพีพงษ์

“อย่าคิดว่าคุณช่วยชีวิตผมแล้ว ผมจะดีกับคุณน่ะ”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ เมื่อได้ยินประโยคที่แสดงถึงใจคอคับแคบของเขา “ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้ ผมไม่เคยกลัวคุณเลย”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยหัวเราะ และดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย มีเงาปกคลุมทั่ว พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พร้อมเพรียงมุ่งหน้ามาที่นี่

หมอกดำปกคลุมร่างของมังกร ศพของมังกรค่อย ๆ กลายเป็นฝุ่นละออง จากนั้นก็มีลูกแก้วมังกรสองลูกปรากฏอยู่บนพื้น

บวรวิทย์รีบหยิบลูกแก้วมังกรขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นให้รพีพงษ์หนึ่งลูก “นี่เป็นของดี เป็นรางวัลแห่งชัยชนะ ควรจะแบ่งเท่ากัน”

เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย แค่พึมพำเบา ๆ ทำไมวันนี้เมฆดำปกคลุมหนาแน่น?

“นรเทพ คือนรเทพ ที่นี่อันตราย พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

รพีพงษ์รู้ความสามารถของตนเองดี ตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนรเทพ ถ้าไม่อวดเก่งน่าจะสามารถปกป้องตนเองได้

“คุณล้อเล่นอะไร นรเทพจะมาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่มาเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้หรอก!”

ทันทีที่กล่าวจบ ก้อนหินที่อยู่ด้านหลังภูเขาก็กลิ้งลงมา และมุ่งหน้ามาตามทิศทางที่พวกเขานั่งอยู่…….

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท