พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1553 ข้อมูลรั่วไหล

บทที่ 1553 ข้อมูลรั่วไหล

เมื่อถึงเมืองแฟรี่แล้ว สถานที่แรกที่ไปตระกูลภูสรีดาว

เทวเทพเห็นนราธิปมา ก็เอ่ยพูดออกมาด้วยความเป็นกังวล

สองวันมานี้เขากินอะไรไม่ลงเลย พูดกล่าว : “คุณธิป ฉันคิดๆดูแล้ว เราจะนั่งรอความตายไม่ได้นะ จะต้องรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว คนของนรเทพจ้องมองอยู่พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ ฉันได้ให้คนไปสืบดูแล้ว หากจะจัดการพวกเหล่านั้นที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ไม่ยากเลย ”

“มั่วซั่ว ถ้าหากคนของนรเทพเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองแฟรี่ นรเทพจะยอมวางมือยุติเรื่องราวงั้นเหรอ?เขาชอบฆ่าแกงจะเป็นนิสัย ถ้าหากระบายความโกรธทั่วทั้งเมืองแฟรี่ งั้นเราก็กลายเป็นผู้ร้ายน่ะสิ”

นราธิปลูบคลำที่คาง ก็คิดไอเดียดีๆอย่างอื่นไม่ออก เทวเทพที่อยู่อีกฝั่งจนใจ ในที่สุดก็ระเบิดความโกรธออกมา หลังจากที่อดกลั้นมานานแล้ว : “งั้นคุณธิปคิดว่าจะทำยังไง?ก็แค่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ ต้องทำถึงขนาดนี้เลย?”

เรื่องของนรเทพ ต่อให้เล็กแค่ไหนก็เป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่างนี้ก็ใช่แค่เรื่องของมังกรตัวเดียว เขาจะรู้สึกว่าอำนาจของเขาได้รับการท้าทายแล้ว

นราธิปพูดถาม : “พ่อบ้านคนนั้นของคุณ ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นเขา?สำหรับเรื่องนี้เขาก็มีคุณงามความดีไม่น้อยเลยนะ”

“ฉันหักขาทั้งสองข้างของเขาแล้ว ปล่อยเขาปล่อยไปตามยถากรรม เจอหน้าก็มีแต่ความซวย หลายปีมานี้อาศัยชื่อเสียงของตระกูลภูสรีดาวของเรา ไปทำเลวไว้ทั่ว ฉันเกลียดเขาตั้งนานแล้ว”

นราธิปพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง พวกคนใหญ่คนโตไม่ค่อยเข้ามาพัวพันแต่พวกที่ต่ำช้าไม่มีการศึกษาชอบเข้ามาทำร้ายหาผลประโยชน์

“คนๆนี้เก็บมันไว้ไม่ได้ ว่าแต่รู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

เทวเทพไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น ในตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อบ้านเตชิตอยู่ที่ไหน อ้อมแอ้มๆ ได้ยินคำพูดของนราธิปถึงจะรู้สึกว่าทำเรื่องนี้เหมือนเด็กไปได้

นราธิปเห็นสีหน้าของเทวเทพ ก็รู้ไปโดยปริยายว่าตอนนี้การหาตัวพ่อบ้านเตชิตให้เจอ ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ถึงอย่างไร แม้ว่าพ่อบ้านเตชิตคนนี้จะไม่มีความสามารถอะไร แต่กลับว่ารู้ความลับของตระกูลภูสรีดาวไว้มากมาย!

ไม่ชักช้ารีรอ นราธิปรีบออกไปเลย

เขาวนรอบเมืองอยู่หนึ่งรอบก่อน ไม่เห็นพ่อบ้านเตชิต เจอกับผลินและปัณฑาเข้าแล้ว

ปัณฑารู้สึกเบื่อก็เลยมาเมืองแฟรี่ ไม่คุ้นชินกับเมืองแฟรี่ ทำได้เพียงไปหาผลิน

เวลานี้ในมือกำลังถือปิงถังหูหลุอยู่หนึ่งไม้ ปัณฑาพูดถาม : “ตาแก่ธิป คุณมาหาใคร รพีพงษ์ให้คุณมาพาตัวฉันกลับไปเหรอ?”

“ฉันมาหาพ่อบ้านนั่น ตอนนี้รพีพงษ์วุ่นวายอยู่กับการฝึกตน ไม่มีเวลามาสนใจคุณหรอกนะ คุณวางใจได้”

“งั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องกลับไป ตอนนี้ไม่มีศัตรูกับตระกูลภูสรีดาว ฉันก็ไม่มีทางเป็นอันตราย”

เมื่อปัณฑาพูดจบ ก็มัวแต่กินปิงถังหูหลุ

นราธิปขี้เกียจจะไปสนใจพวกเขา หากจะตามหาคนก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างอ่อนไหว จะตามหาแบบไม่เกรงกลัวใครเลยขนาดนั้นก็คงไม่ได้

ผลินพาปัณฑาไปบ้านของเธอ ดึงปัณฑาไปถามเรื่องเกี่ยวกับรพีพงษ์มากมาย ปัณฑาเว้นแต่เรื่องที่รพีพงษ์มาจากโลกเท่านั้น เรื่องอื่นๆพูดเล่าไปจนหมด

ก่อนที่ผลินจะพาปัณฑาออกไปเที่ยวเล่นได้พูดข้อเสนอกับปัณฑาไว้ดิบดีแล้ว ตอนที่ปัณฑากลับไปยังเขาห่านตนุ จะต้องพาเธอไปด้วย

ขอเพียงแค่เป็นสถานที่ที่รพีพงษ์อยู่ เธอถึงจะสัมผัสได้ถึงความสงบ ผ่านเรื่องราวเหล่านี้มา มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่สามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่เธอได้

เห็นเธอครุ่นคิดอย่างเป็นกังวลพร้อมขมวดคิ้ว ปัณฑายักๆไหล่ : “คุณก็ไม่ต้องคิดแล้ว รพีพงษ์เป็นผู้ที่หลงใหลในเรื่องความรักคนหนึ่ง ภรรยาของคนเขาก็ยังรอคอยอยู่ที่บ้าน เขาไม่มีทางมาคบกับคุณหรอกนะ ฉันขอแนะนำให้คุณล้มเลิกความคิดในใจซะเถอะนะ”

“ฉันไม่ได้คิดถึงรพีพงษ์ คุณออกมานานแล้ว รพีพงษ์จะเป็นกังวลเอานะ พรุ่งนี้เรากลับไปยังภูเขาสองกระบี่กันเถอะ”

“ฉันยังเที่ยวไม่พอเลยนะ คุณไปแล้ว ใช่ว่าตาแก่ธิปจะยอมรับไว้ดูแลนะ ฉันขอแนะนะคุณให้อยู่ในเมืองนี้ให้ดีๆดีกว่านะ ไม่ต้องไปคิดเพ้อเจ้อทำเรื่องที่ควรทำดีกว่า”

ผลินไม่อยากพูดอะไรกับเขามากมาย เขาจะไปรู้อะไรล่ะ ความรักระหว่างชายหญิงเด็กอย่างเขาจะไปเข้าใจอะไรกันล่ะ

แม้ว่าจะมีชีวิตพันปี ก็ไม่เคยได้สัมผัสเรื่องรักๆใคร่ๆในโลกมนุษย์

เธอจัดเตรียมห้องให้ปัณฑาแล้ว ให้ปัณฑารีบพักผ่อน ตัวเองกลับมาพักผ่อน เมื่อกี้ปิดไฟแล้ว เห็นแสงไฟน้อยๆลอดผ่านหน้าตา

ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที ในเวลานี้ ใครจะมาได้อีก

เมื่อเห็นว่าคนที่มาเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว ใครกัน?

เธอรีบลุกขึ้นไปเรียกแม่ของเธอ ให้หญิงชราตื่น แล้วก็ปัณฑา

ปัณฑามองไปยังข้างนอก ขมวดคิ้ว พูดกล่าว : “เพียงแค่กลัวว่าคนที่มาไม่ได้มาดี”

เธอเป็นภูต ขอเพียงแค่มองอย่างละเอียด ก็รู้ว่าคนๆนั้นก็คือพ่อบ้านเตชิต เบื้องหลังของเขาก็ยังมีคนมาด้วยไม่น้อยเลย

“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี คนที่มาเป็นใครกัน ปัณฑา คุณเห็นหรือเปล่า?”

“พ่อบ้านเตชิตนะ มาที่นี่ จะต้องมาหาเรื่องวุ่นวายให้คุณแน่”

ผลินค่อนข้างร้อนใจ เตรียมจะให้แม่ของเธอรีบออกไป ตอนนี้ขาของชายชราเดินเหินไม่ค่อยสะดวก รู้ว่าต้องมาไม่ดีอย่างแน่นอน พูดกล่าว : “พวกคุณออกไป ปัณฑา พาลินไป ไอ้หมอนี่ทำชั่วไว้มากมาย เพียงแค่กลัวว่าครั้งนี้จะไม่เหมือนเมื่อก่อน ”

เบื้องหลังของเขาพาคนมาไม่น้อยเลย ผลินร้องไห้พร้อมพูดกล่าว : “แม่ เขามาหาหนูแน่ๆ ขอแค่หนูไปกับเขา เขาไม่มีทางทำร้ายแม่ หนูจะให้แม่ต้องมารับกรรมแทนหนูที่นี่ไม่ได้หรอกนะ”

ระหว่างที่ผลินพูดกล่าวนั้น ก็จับมือของปัณฑาไว้แน่น : “ปัณฑา คุณพาแม่ของฉันไปนะ คุณไปหารพีพงษ์ ขอเพียงแค่รพีพงษรู้ว่าพ่อบ้านเตชิตจับตัวฉันไว้ รพีพงษ์จะต้องมีวิธีแน่”

ปัณฑาพยักหน้า เธอพูดถูกมาก

ตระกูลภูสรีดาวไม่มีทางที่จะรู้เห็นเป็นใจให้พ่อบ้านเตชิต สร้างเรื่องเดือดร้อนไปทั่วพ่อบ้านเตชิตก็เป็นแค่คนต่ำทรามที่ชอบประจบสอพลอ วันนี้คนที่สามารถขับไล่เขาออกไปได้ นอกจากคนของนรเทพแล้วก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

พ่อบ้านเตชิตปรารถนาในตัวผลินไม่ใช่แค่วันสองวันเท่านั้น พวกเขาจากไปตอนนี้ ผลินไม่มีทางเป็นอันตรายแน่

อยู่ที่นี่ต่อ งั้นก็ยากที่จะพูดแล้ว

แม่ของผลินไม่ยอมไป ปัณฑาจนใจไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงตบให้สลบแล้วพาตัวออกไป

พาแม่ของลินไปอยู่ในที่หลบซ่อนตัว อยู่ที่ตรงนั้นคอยแอบมองดูลินอย่างเงียบๆ

พ่อบ้านเตชิตยิ้มอย่างชั่วร้าย ในมือถือคบเพลิง แสดงให้เห็นถึงลมหายใจแห่งการฆ่าไปทั้งตัว

เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว บนตัวมีพลังด้านร้ายเพิ่มขึ้นมา คนที่อยู่ข้างหลังล้วนแต่เชื่อฟังคำสั่งของเขา

“เด็กน้อย ทำไมเหรอ แม่ของหนูไปไหนแล้วล่ะ?”

“แม่ของฉันจะไปไหน แกไม่ต้องมาสนใจ แกคิดจะทำอะไร”

“ฉันชอบหนูมานานมากแล้ว แน่นอนว่าต้องมาหาหนูเพื่อให้มาเป็นเมียของฉันไงล่ะ ลิน หนูมาอยู่กับฉัน ฉันรับรองว่าจะดูแลทะนุถนอมหนูอย่างดี”

“แกมันคนสารเลว อายุมากขนาดนี้เป็นพ่อฉันยังรังเกียจเลย คำพูดนี้ยังกล้าที่จะพูดออกมาอีก”

ผลินจ้องมองพ่อบ้านเตชิตด้วยสายตาที่เย็นชา พ่อบ้านเตชิตพูดฮึออกมาอย่างเยือกเย็น : “แกคิดว่า แกจะได้แต่งานกับรพีพงษ์ไอ้เด็กนั่นเหรอ แกไม่มีทางได้เจอเขาอีกแล้วล่ะ เจ้านายของฉันจะฆ่าเขา ตอนนี้คนของเขาไปยังภูเขาสองกระบี่แล้ว แกยอมอยู่กับฉัน ฉันก็สามารถไว้ชีวิตอันไร้ค่าของคุณได้”

ปัณฑาได้ยินข่าวนี้ถึงกับตกใจอย่างมาก ไอ้หมอนี่เข้าไปพัวพันกับคนของนรเทพแล้วงั้นเหรอ?

ทำแบบนี้พวกรพีพงษ์ก็มีอันตรายแล้วนะสิ เขาไม่ทันได้ทำอะไร รีบไปภูเขาสองกระบี่โดยเร็วที่สุด แม้แต่แม่ของผลินก็ไม่ได้พาไปด้วย หญิงชราจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พรุ่งนี้เช้านั่นแหละ

พ่อบ้านเตชิตจับตัวผลินได้ก็ออกไป ไม่มีทางพบแม่ของผลิน

ถึงภูเขาสองกระบี่แล้ว ไม่เห็นเงาร่างของพวกรพีพงษ์เลย นราธิปเรียกเขาจากด้านหลัง : “ที่นี่อันตราย กลับมาทำอะไร?”

“ตาแก่ธิป คุณรู้เรื่องแล้วหรือยัง?”

“ศัตรูมาแล้วนะ งั้นก็ต้องออกมาสู้ มัวแต่หลบซ่อนไม่ใช่การแก้ปัญหาใดๆ”

“รพีพงษ์พวกเขาล่ะ ฉันอยากจะเจอรพีพงษ์ ลินถูกจับตัวแล้ว”

ระหว่างที่พูดก็รีบร้อนใจอย่างมาก นราธิปพูดอย่างจนใจ : “แม้แต่ตัวของเขาเองยังยากจะปกป้องได้ คุณก็ไม่ต้องไปสร้างความลำบากให้เขาแล้วโอเคไหม”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท