พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1544 คุ้มครองด้วยความตึงเครียด

บทที่ 1544 คุ้มครองด้วยความตึงเครียด

รพีพงษ์รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร และทุกคนต่างก็รู้ดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังกันอีก

นันท์ธรอยู่เคียงข้างเทวเทพมานาน และสนิทสนมกับนราธิป พวกเขาไม่มีทางยอมรับคนที่ปรากฏตัวกะทันหันอย่างตนเองได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองและบวรวิทย์เป็นศัตรูกัน

“ปัญหา มันเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่มีอะไรมาก ปัญหาที่หลานชายของผมประสบถึงจะเรียกว่าปัญหาใหญ่”

“ประโยคนี้ผู้น้อยไม่เข้าใจ ผู้อาวุโสหมายถึงอะไร?”

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์แกล้งโง่ นันท์ธรจึงพูดจุดประสงค์ของตนเองอย่างตรงไปตรงมา “คุณได้ล่วงเกินหลานชายของผม ถ้าอยากออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย เกรงว่ามันจะเป็นไปไม่ได้”

“ในเมื่อผู้อาวุโสพูดออกมาแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ผมกับบวรวิทย์มีความแค้นต่อกันจริง แต่ก่อนหน้านั้นได้รับการสะสางปัญหาแล้ว ตอนนี้คุณทำเช่นนี้ จะขัดต่อศีลธรรมไหม?”

“ศีลธรรม? ถ้าได้รับการสะสางจริง หลานชายของผมคงไม่ขอให้ผมระบายความแค้นแน่นอน เขาบอกอย่างชัดเจนว่า ถ้าคุณเต็มใจที่จะคุกเข่าก้มกราบขอโทษ ก็สามารถปล่อยคุณไปได้ เพราะยังไงคุณก็ได้มอบสมบัติล้ำค่าให้พี่ใหญ่”

“ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ไร้เหตุผลสิ้นดี ผมไม่สามารถยอมรับคำขอนี้ได้”

ดวงตาที่ดื้อรั้นของรพีพงษ์และน้ำเสียงที่แน่วแน่ ทำให้นันท์ธรรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย

แต่ไม่ว่ารพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนแบบไหน เมื่อเขาได้ล่วงเกินบวรวิทย์ ต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น

เพราะบวรวิทย์เป็นหลานชายของตนเอง เขาเติบโตขึ้นมาภายใต้ความรักมากมาย เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง ถ้าหากไม่จัดการรพีพงษ์ เกรงว่าเขาจะไม่สามารถฟื้นฟูสภาพเดิมและตั้งใจฝึกต่อไปได้

จะไปที่เมืองมหาเทพ ยังมีหนทางต้องเดินอีกไกล นั่นคือเป้าหมายของนักฝึก และผู้แข็งแกร่งทั้งหมดก็รวมตัวกันที่นั่น

คนรุ่นเก่าอย่างพวกเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เพราะมีพรสวรรค์ไม่เพียงพอ ตอนนี้บวรวิทย์เป็นความหวังเดียวของพวกเขา

“งั้นก็ต้องขออภัยแล้ว”

นันท์ธรเป็นคนที่อ้วนมาก แต่การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว เขาใช้กระบี่ฟันไปที่รพีพงษ์ทันที รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้อยู่ในระดับแดนบุณระดับสูง และตนเองสามารถรับมือได้ไม่ถึงสองกระบวนท่า

ปัณฑาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก นราธิปเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ อยู่ที่มุมห้องของชั้นสอง

ถ้ารพีพงษ์ไม่ตกอยู่ในช่วงวิกฤตและเป็นอันตรายถึงชีวิต เขาจะไม่ลงมือเด็ดขาด

ถ้าเขาต้องการให้รพีพงษ์ฝากตัวเป็นศิษย์ ต้องสร้างบุญคุณที่เขาไม่สามารถทดแทนได้ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง และถ้ามีบุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธตนเองได้

เขาชื่นชมความหนักแน่นยุติธรรมของรพีพงษ์ รพีพงษ์ในตอนนี้ นอกจากความสามารถที่ด้อยไปหน่อยแล้ว ที่เหลืออย่างอื่นดีนั้นหมด

เป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว ที่ตนเองไม่เคยเจอคนที่ถูกใจเช่นนี้ ส่วนบวรวิทย์เป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรพีพงษ์ มันแตกต่างราวฟ้ากับดิน

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้บวรวิทย์เกิดความริษยา

“รพีพงษ์ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หนีกันเถอะ”

ปัณฑากระซิบที่หูของรพีพงษ์ ตอนนี้รพีพงษ์ถูกซัดไปหนึ่งฝ่ามือ

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย “พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะปลิดชีวิตผม สามารถหลบหนีได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่สามารถหลบหนีไปได้ตลอดชีวิต ตอนนี้ทำได้เพียงแค่เผชิญหน้าเท่านั้น”

รพีพงษ์รู้ดีว่า ถ้าเขาต้องการที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างสมบูรณ์ จะต้องฆ่าบวรวิทย์เท่านั้น

ความแข็งแกร่งของตนเองในตอนนี้ ถ้าเขาฆ่าบวรวิทย์จริง ๆ ก็จะเป็นศัตรูกับคนทั้งตระกูลภูสรีดาว มันก็จะทำให้แม้จะเดินก้าวเดียวก็ยากลำบาก

มีเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือได้ในตอนนี้คือนราธิป

ตอนนี้คนเดียวที่เขานึกขึ้นได้คือนราธิป นราธิปต้องการให้ตนเองศิษย์ของเขา?

ตอนนี้ตนเองได้ล่วงเกินบวรวิทย์แล้ว ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่เป็นลูกศิษย์นราธิป แต่ก็สามารถถ่วงเวลา ให้ความหวังกับนราธิป และค่อย ๆ ปฏิเสธภายหลัง คิดว่านราธิปน่าจะสามารถเข้าใจได้เช่นกัน

“ไอ้หนู ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ ผมคิดว่าคุณเป็นคนเป็นคนที่มีความสามารถคู่ควรแก่การสนับสนุน ดังนั้นยอมอ่อนข้อไปยอมรับผิดกับหลานชายผม ผมก็จะไว้ชีวิตของคุณ คุณก็ไม่เสียเปรียบ”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว มีกระบวนท่าอะไรก็แสดงออกมา”

รพีพงษ์ใช้พลังวิเศษเสนสกินกระบี่ยาวออกมาแล้วชี้ไปที่นันท์ธร ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ

”ไอ้เด็กเปรต มองข้ามความหวังดีของผู้อื่น ในเมื่อพูดด้วยดี ๆไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ แล้วอย่ามาโทษว่าผมไม่เกรงใจล่ะ”

เขาคำราม ทำให้โรงแรมสั่นสะท้าน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควัน และเกิดเสียงกรีดร้อง

เสียงกรีดร้องเช่นนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงกรีดร้องของคนธรรมดาเหมือนผลินและคนอื่น ๆ แม้แต่ในเทวโลกผู้คนก็ถูกแบ่งออกเป็นระดับชั้นต่าง ๆ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

รพีพงษ์เหลือบมองปัณฑาที่อยู่ด้านข้าง “คุณอยู่ด้านนี้ อย่าเข้าไปยุ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ”

“คุณวางใจเถอะ ในเมื่อฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ ฉันก็จะไม่สร้างปัญหาให้คุณ”

ปัณฑายืนอยู่ฝั่งโน้นอย่างเชื่อฟัง และรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอไม่สามารถช่วยรพีพงษ์ได้ ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ประโยชน์จริง ๆ

ในโรงแรมนี้ คนส่วนใหญ่ออกไปแล้ว ตอนนี้พบว่ายังมีคนนั่งอยู่บนชั้นสอง ปัณฑาไม่ลังเลที่จะขึ้นไปที่นั่น ตอนนี้คนที่สามารถดื่มชาได้อย่างสงบ น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา บางทีเขาอาจช่วยรพีพงษ์ได้

ปัณฑาเดินไปแล้วเห็นว่าเป็นนราธิป ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจพร้อมดีใจ

รพีพงษ์ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของนันท์ธรได้ แม้ว่าเขาจะสร้างเกราะการป้องกันร่างกายไว้ทั้งหมด แต่เกราะป้องกันนั้นก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว และเมื่อรพีพงษ์ถูกนันท์ธรซัดไปอีกหนึ่งฝ่ามือ ทำให้เขาล้มลงอยู่บนพื้น เลือดไหลออกจากมุมปาก

“คุณฆ่าผมเถอะ” เขากล่าวเบาๆ พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย

คิดว่าถ้าหนูลินต้องตายด้วยน้ำมือของนรเทพ งั้นพวกเขาก็คงต้องเป็นพ่อลูกในชาติหน้าเท่านั้น หลังจากที่ตนเองตายแล้ว อารียาแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ดีกับเธอ ไม่ต้องมาติดตามตนเองอีกต่อไปแล้ว

ตามสายตาของคนภายนอกนั้นตนเองเป็นสามีของเธอ แต่ความจริงช่วงเวลาที่เธออยู่กับตนเองหลายปีที่ผ่านมา เธอก็ไม่ได้แตกต่างจากการเป็นม่ายมากนัก

นันท์ธรยิ้มเยาะเย้ย “คนที่คุณได้ล่วงเกินคือคุณชายของผม จะจัดการกับคุณยังไง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณชายผมเท่านั้น”

แสงสีขาวประกายแวบ และเชือกก็ปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่จะกระทบกับร่างของรพีพงษ์ เขาก็ถูกเด้งออกไปด้วยแรงอันทรงพลัง นันท์ธรถูกแว้งกัด ถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะล้ม

พลังอันทรงพลังนี้มาจากไหน?

เขามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความเหลือเชื่อ คนที่รู้สึกประหลาดใจไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวรพีพงษ์เองด้วย

มีเสียงเกิดขึ้นในความเงียบสงบ ที่มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่ได้ยิน “ไอ้หนู คุณคิดว่าการสืบทอดของเทพเจ้าสร้างโลกนั้นจำกัดอยู่เพียงการสร้างโลกเท่านั้นหรือ?”

รพีพงษ์ส่ายศีรษะ หรือว่ายังมีประโยชน์อื่นอีก ทำไมถึงไม่เคยได้ยินปัณฑาเคยพูดถึง?

จากนั้นเสียงลึกลับก็บอกว่า เมื่อชีวิตถูกคุกคามอย่างหนัก กลไกการป้องกันจะเปิดใช้งานเอง แต่จะคงอยู่ได้ไม่นาน แล้วนายท่านจะเข้าสู่โลกใบใหม่ และจะไม่สามารถออกมาได้จนกว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพจะฟื้นกลับคืนมา

หากร่างกายตายก่อนเข้าสู่โลกใหม่ แม้จะเข้าสู่โลกใบใหม่ก็ไม่สามารถฟื้นคืนได้ ถ้าตายอยู่ในโลกลวงตานั้น ร่างกายของคุณก็จะกลับสู่โลกแห่งความจริง มันก็แล้วแต่ใครจะทำอะไรกับร่างกายคุณ

รพีพงษ์รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองหายใจลำบาก และร่างกายก็หนักเกินกว่าจะยืนขึ้นได้

นราธิปยังไม่ลงมือ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ และพึมพำกับตนเองว่า “ไม่คาดคิดว่า เป็นเวลานับพันปีแล้ว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้วิญญาณของเทพเจ้าสร้างโลกปรากฏขึ้นได้ ผมไม่ได้เห็นวิญญาณของเทพเจ้าสร้างโลกมาเป็นเวลานานแล้ว”

“อีหนู คุณอย่าปิดบังผม เขาได้รับสืบทอดเทพเจ้าสร้างโลกหรือ?”

“ฉัน ฉันไม่ใช่รพีพงษ์ ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? คุณจะช่วยเขาไหม? เขากำลังจะไม่ไหวแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท