พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1561 ช่วยผลินออกมา

บทที่ 1561 ช่วยผลินออกมา

พอได้ยินดังนั้น พ่อบ้านเตชิตก็หัวเราะลั่น จะว่าไปเขาก็ฆ่าคนในเมืองแฟรี่มาไม่น้อย ตอนที่ทุกคนจะตายต่างก็พูดกันแบบนี้ ตนเองก็อยู่สุขสบายจนถึงตอนนี้

พอมองใบหน้ารูปไข่ของผลิน เขาก็มีใจคิดลามก แล้วถามอีกว่า “มึงก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่กูรู้มาว่า มึงเคยมีใจให้กับไอ้รพีพงษ์นั่น ยังไม่เคยได้เป็นผู้หญิงเต็มที่สักทีสินะ วางใจเถอะ ก่อนมึงตาย เดี๋ยวกูจะทำให้มึงพอใจเอง”

ในสายตาของผลินก็เผยความหวาดกลัวออกมา แล้วถามว่า “นี่แกคิดจะทำอะไร?”

มือของพ่อบ้านเตชิตก็ไปลูบคลำที่ใบหน้าของผลิน แล้วยิ้ม “มึงว่ากูจะทำอะไรล่ะ มึงก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ไม่รู้หรือไงว่ากูคิดจะทำอะไร?”

ให้ผู้คุมที่เฝ้าคุกนำตัวผลินออกไป ประจวบเหมาะกับความคิดของรพีพงษ์พอดี ขอเพียงออกไปจากที่นี่ ไม่ได้อยู่ในสายตาของชเนศ เขาก็สามารถช่วยเหลือผลินได้

ที่ผลินเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาเอง เขาจะปล่อยให้ผลินเกิดอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

สถานการณ์แบบนี้ พวกของปัณฑาคงจะยังตามหาที่นี่ไม่พบ

บางครั้งปัณฑาก็ฉลาดมาก แต่พอรีบร้อนก็จะร้อนรนไม่มีสติ ส่วนนันท์ธรก็เป็นคนหัวร้อนอารมณ์เสียง่าย ที่พวกเขาหาที่นี่ไม่พบก็ไม่แปลก

ผลินถูกพ่อบ้านเตชิตนำตัวออกมา พ่อบ้านเตชิตได้พลังวิชามาจากคนข้างกายของนรเทพมานิดหน่อย แล้วก็ใช้วิชาทำให้ผลินพูดไม่ได้

แล้วก็ให้คนพาผลินไปยังห้องนอนรับแขกห้องหนึ่ง ห้องนี้มันอยู่ในมุมลับตาคน ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา

รพีพงษ์ก็ตามอยู่ด้านหลัง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้เดรัจฉานคนนี้จะมีปัญญาทำอะไรกับเสื่อมเสียต่อผลินได้ไหม

จะได้อาศัยโอกาสนี้กำจัดพ่อบ้านเตชิตเสียเลย คนแบบนี้เอาไว้ก็มีแต่สร้างปัญหาไม่จบสิ้น

พอมาถึงที่ห้อง ผลินก็พูดออกมาได้แล้ว เธอพูดขอร้อง “แกฆ่าฉันได้ แต่อย่ามาทำให้ฉันต้องเสื่อมเสียแบบนี้”

“กูคอยคิดถึงมึงไม่ใช่วันสองวันแล้ว มาอยู่กับกู กูรับปากว่าจะไม่ให้มึงตาย จะให้มึงอยู่อย่างสุขสบาย”

“ฝันไปเถอะ”

“นังนี่ หรือว่ามึงยังคิดถึงไอ้รพีพงษ์นั่นอีก?”

“ชีวิตนี้ฉันแต่งงานกับรพีพงษ์ไม่ได้ และฉันก็จะไม่แต่งกับแก ในใจฉันมีรพีพงษ์แค่คนเดียว ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่มีทางให้แกได้สมดั่งใจหรอก”

เธอพูดจบก็จะวิ่งไปชนผนัง รพีพงษ์ยังไม่ทันลงมือ ก็ถูกพ่อบ้านเตชิตดึงตัวไว้ แล้วตะหวาดว่า “อีโง่ ดีๆ ไม่ชอบ ชอบเจ็บตัวสินะ”

อยากจะตบไปที่บ้องหูของผลิน พอเงื้อมือไปในอากาศแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วก็ตบลงที่ใบหน้าตนเอง

ผลินก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็มองไปรอบๆ ถามอย่างดีใจว่า “รพีพงษ์ คือคุณใช่ไหม?”

รพีพงษ์ปรากฏตัวออกมา แล้วช่วยผลินแก้มัด พร้อมพูดว่า “เบาหน่อย อยากให้พวกเราตายอยู่ที่นี่หรือไง?”

ผลินยังขวัญหาย น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลร่วงลงมา แล้วพูดว่า “ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องมาช่วยฉันแน่นอน ไอ้เดรัจฉานนี่มันบอกว่าคุณตายแล้ว ฉันไม่เชื่อ คุณไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก ใช่ไหมล่ะ?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็คิดว่าสิ่งที่ผลินพูดเมื่อครู่นี้ ค่อนข้างซาบซึ้ง

แต่เสียดายที่ข้างกายเขามีภรรยาและลูกสาวแล้ว ไม่มีใจให้กับหญิงอื่นแล้ว

บางทีเขาก็พบว่า คนเราบางทีโดดเด่นเกินไปก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง ไม่สมควรมาให้ผู้หญิงมาชอบตนเอง

พ่อบ้านเตชิตปากปิดสนิท อยากจะพูดออกมา แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้ เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง

นรเทพเป็นบุคคลระดับไหนแล้ว ทำไมรพีพงษ์ถึงได้กล้าขนาดนี้ ถ้านรเทพพบว่ารพีพงษ์อยู่ที่ไหน เขาคงไม่มีชีวิตเดินออกไปอย่างแน่นอน

รพีพงษ์หันไปมองพ่อบ้านเตชิตแล้วพูดว่า “กูปล่อยมึงไปหลายครั้งแล้ว แต่มึงก็ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มาทำร้ายคนรอบข้างกูหลายครั้ง ถ้ามึงคิดร้ายกับกู วันนี้กูก็เอามึงไว้ไม่ได้แล้วล่ะ”

เขาเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ แล้วให้พ่อบ้านเตชิตกินลงไป พ่อบ้านเตชิตก็มองอย่างหวาดกลัว แล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “พอกินมันลงไป ราวกับยังมีชีวิตอีกหลายชั่วโมง แต่ว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ มึงก็จะรู้เองว่า อะไรที่มันเรียกว่าความเจ็บปวดดั่งธนูนับหมื่นมาเสียบแทงเข้าที่หัวใจ มึงทำเรื่องชั่วไว้มาก วันนี้มึงสมควรได้รับกรรม”

จากนั้น พ่อบ้านเตชิตก็รีบเอามือจับลำคอตนเอง สองขาก็คุกเข่าลงพื้นคำนับไป

รพีพงษ์ก็หมั่นไส้ถีบไปทีหนึ่ง เขาทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว กับคนแบบนี้รำคาญเสียจริงๆ

เขาพาผลินออกไป ผลินก็พูดว่า “รพีพงษ์ ฉันจะออกไปกับคุณแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้คุณลำบากไปด้วย ถ้าพวกมันเห็นพวกเราเข้า พวกเราจะหนีกันไปไม่พ้น”

รพีพงษ์กวาดมือไปที่กลางอากาศ อีกโลกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น แล้วพูดกับผลินว่า “คุณพูดถูกต้อง แม่ของคุณอยู่ข้างใน ฟังผม แล้วพวกคุณจะไม่เป็นอะไร คุณเข้าไป พอถึงสถานที่ปลอดภัยแล้ว ผมจะปล่อยพวกคุณออกมา”

ในขณะที่กำลังซาบซึ้งกัน ผลินก็พูดขอบคุณออกมาอย่างเดียว

รพีพงษ์ยังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ ก่อนที่จะออกมาจากห้องของพ่อบ้านเตชิต ก็เอาเชือกที่พ่อบ้านเตชิตใช้มัดผลินไว้ มามัดตัวพ่อบ้านเตชิตเอง

เพราะถึงอย่างไรมันก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ ให้มันได้ทรมาน แล้วค่อยๆ ตายไปก็แล้วกัน คนที่ถูกมันฆ่าตายจะได้รับการปลอบโยนบ้าง

เขาเข้าไปที่คุกอีกครั้ง ปริตรมองเขา แล้วยิ้มเบาๆ รพีพงษ์ในตอนนี้สวมชุดของผู้คุกในคุกอยู่ ไม่มีใครจับผิดได้

เขาพูดกับผู้คุมที่เฝ้าประตูว่า “พี่ใหญ่ต้องการสอบสวน ปล่อยมันออกมา”

“พี่ใหญ่เพิ่งมาที่นี่ ก็ไม่เห็นบอกอะไรนะ?”

“ความคิดของพี่ใหญ่ เราๆ จะเดาได้งั้นหรือ เร็วเข้า เดี๋ยวชักช้า แล้วจะได้เห็นดี”

ผู้คุมก็รีบปล่อยคนออกมา ในมือของปริตรมีโซ่คล้องอยู่ พอลากออกมา ผู้คุมก็ขมวดคิ้วถามว่า “เอ็งมาใหม่ใช่ไหม ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา”

รพีพงษ์ก็ไม่อยากจะพูดมาก ก็เลยสับคอให้สลบไป

“มือไวเหมือนกันนะเนี่ย เพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกัน พวกเรารีบไปกันก่อน”

“คุณรีบถอดโซ่อันนี้ให้ผมก่อน ไอ้เจ็บมันไม่เท่าไร แต่พอคุณกับผมเดินออกไป มันจะเป็นเสียงดังจนเป็นจุดสนใจ เดี๋ยวผมจะต้องเปลี่ยนเป็นชุดผู้คุมด้วย”

ปริตรรีบใส่เสื้อผ้าของผู้คุม แล้วเอาชุดตนเองให้ผู้คุมใส่แทน จากนั้นก็เอาตัวผู้คุมไปใส่ในห้องขังแล้วล็อกห้อง

เมื่อเทียบกันแล้ว รพีพงษ์คิดแค่อยากจะไปจากที่นี่โดยเร็ว ไม่ได้คิดละเอียดเท่าเขา

พอเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงดังเข้ามา เสียงนี้รพีพงษ์คุ้นหูมาก

“ได้หนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นมาหรือยัง?”

“เจ้านายครับ ไอ้หมอนั่นมันไม่ยอมพูดเลย กำลังสอบสวนกันอยู่ครับ”

“มันไม่ยอมพูดงั้นหรือ?”

“กูไม่เชื่อหรอก ว่าแค่หนังสือกลยุทธ์เล่มเดียว มันจะสำคัญกว่าชีวิตมันได้ เดี๋ยวกูจะไปดูเอง”

รพีพงษ์ก็เหงื่อออกที่ฝ่ามือ ในใจก็กังวลมาก ว่าจะให้นรเทพเห็นตนเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจบเห่แน่ๆ

จะต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นรเทพจะพบผู้คุมที่สลบไป ไม่อย่างนั้นลำบากกันแน่ๆ

นรเทพเพิ่งเดินเข้าไป ฝีเท้าของพวกเขาก็เร่งเร็วขึ้น

“เห้ย ไม่อยู่เฝ้าตัวประกัน พวกเอ็งสองคนจะไปไหนกัน?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน