พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1567 วรยุทธของนฤเบศร์

บทที่ 1567 วรยุทธของนฤเบศร์

ในเขตของนฤเบศร์ จะทำอะไรก็ไม่เกินไป

ตั้งแต่เริ่ม พวกเขามันจะถูกตามตัว ถ้าไม่ใช่เพราะคนของนฤเบศร์ต้องการหาเรื่องพวกของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็คงจะไม่ลงมือกับนฤเบศร์

“คุณลุงเบศร์ ผมสนิทกับจิรันดน์เด็กแต่เด็ก เรื่องของลุงกับพ่อผม มันไม่เกี่ยวอะไรกับคนรุ่นผมเลย ผมนับถือลุงเป็นอาวุโส ลุงก็ควรจช่วยผมหน่อย”

“ระหว่างลุงกับพ่อเอ็ง มีแต่ความแค้น ไม่มีมิตรภาพ” นฤเบศร์พูดเสียงเย็น

นฤเบศร์ไม่ชอบที่ตระกูลภูสรีดาวมีตำแหน่งในเมืองแฟรี่ ชื่อเสียงอะไรดีๆ ก็เป็นของตระกูลภูสรีดาว ไอ้ตระกูลภูสรีดาวมันมีดีอะไรกัน

ตำแหน่งในเมืองแฟรี่ ก็อาศัยแค่นราธิปคนเดียวที่คอยค้ำชูอยู่ ถ้าไม่มีนราธิปก็คงไม่มีบวรวิทย์ในวันนี้

ตระกูลภูสรีดาวก็มีแค่พรสวรรค์ของบวรวิทย์ที่พอจะอวดได้ ถ้าพูดถึงเงินทอง ตระกูลภูสรีดาวไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตระกูลพวกเขาได้หรอก

พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ก็นึกถึงโอกาสทางเศรฐษกิจทั้งหลายที่ถูกตระกูลภูสรีดาวแย่งชิงไป ทำให้ตระกูลพิมพ์สารขาดรายได้อย่างมาก

ว่ากันว่าตลาดก็เหมือนกับสนามรบ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ ก็ควรจะตาสว่างได้แล้ว

ต่อให้ตอนแรกตระกูลภูสรีดาวกับตนเองจะไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แต่มีที่พึ่งดีๆ อย่างนรเทพอยู่ ก็ต้องประจบเข้าหาดีๆ หน่อย ส่วนตระกูลภูสรีดาวมันเป็นแค่พวกไหนกันเชียว

พอได้หนังสือกลยุทธ์มาอยู่ในมือ แล้วตั้งใจฝึกวรยุทธถึงจะถูก

บวรวิทย์ยิ้มเย็น พูดดีๆไม่ชอบ ถ้าเขาพูดดีๆหน่อยสักสองสามคำ จะปล่อยเขาไปก็ไม่ใช่จะไม่ได้

ตอนนี้จุดยืนชัดเจน ดูท่าทางคงจะเอาตัวตนเองไปให้กับนรเทพ ถ้าไม่กำจัดเขา จะเป็นภัยภายหลังแน่นอน

“ในเมื่อคุณลุงเบศร์พูดแบบนี้แล้ว ผมก็คิดว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องคุยกันให้เปลืองน้ำลายอีกแล้ว คุณลุงเบศร์เป็นคนฉลาด ผมรู้ว่าวันนี้ลุงคงไม่ปล่อยผมไปแน่ แต่ลุงเองก็ควรจะรู้ไว้ว่า วันนี้ไม่ลุงก็ผมต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

นฤเบศร์ก็มองไอ้เด็กน้อยบวรวิทย์ แล้วก็หัวเราะลั่นออกมา “ไอ้หนู เอ็งคิดว่ามีพลังระดับแดนบุณระดับต้นก็จะสามารถทำร้ายลุงได้งั้นหรือ ไร้เดียงสาไปหน่อยรึเปล่า?”

ยังไม่ทันพูดจบ บวรวิทย์ก็ไม่มีเวลาเปลืองน้ำลายกับเขา แล้วหยิบกระบี่หมายมุ่งเอาชีวิต

“คุณลุงเบศร์ จะมาดูถูกผมไม่ได้นะ ต่อให้ผมแย่แค่ไหนก็เป็นคนดังในเมืองแฟรี่เหมือนกัน ผมฆ่าลุงไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ลงมือคนเดียวหรอก”

ขณะพูดก็หันไปมองที่ซ่อนตัว แล้วพูดว่า “รพีพงษ์ พวกเรารีบจัดการมันก่อนเลย เดียวคนของมันเข้ามา พวกเราจะรับศึกสองด้านเอาเปล่าๆ”

รพีพงษ์ก็เอากระบี่ออกมา แล้วสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับบวรวิทย์ พอนฤเบศร์เห็นรพีพงษ์ ก็ตกใจมาก

ตอนนี้รพีพงษ์ก็มีชื่อเสียงในเมืองแฟรี่ไม่น้อย เนื่องจากมีพรสวรรค์ แถมยังถูกนราธิปให้ความสำคัญ ไม่ถูกกับบวรวิทย์ ทำให้ชื่อเสียงของรพีพงษ์ดังกระฉ่อน

ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นตัวจริง ตอนนี้ได้เห็น ก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อมาก

มีแค่บวรวิทย์ก็พอแล้ว ตอนนี้ยังจะมีคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าบวรวิทย์อยู่อีกด้วย ตนเองจะสู้ได้อย่างไรกัน?

เขาไม่พอใจที่ถูกเด็กสองคนล้อมไว้ เขาเอามือมาวางไว้ที่ปาก แล้วส่งเสียงสัญญาณออกไป

“มันส่งสัญญาณออกไป ไม่นานคนของตระกูลพิมพ์สารก็จะมาที่นี่”

บวรวิทย์พูดไป มือก็ออกกระบวนท่าเร็วขึ้น มือกำกระบี่บุกฆ่าไปยังนฤเบศร์ นฤเบศร์ยิ้มเย็น “ต่อให้มึงสองคนเก่งแค่ไหน ในเวลาอันสั้นนี้ก็ฆ่ากูไม่ได้หรอก”

บวรวิทย์ไม่รู้ว่า วรยุทธของนฤเบศร์จะล้ำลึกขนาดนี้ เพราะไม่เคยประมือกันมาก่อน ตอนนี้โอกาสชนะมีไม่เยอะ

รพีพงษ์แอบสัมผัสได้ว่า ในตัวของนฤเบศร์ไม่ใช่วรยุทธธรรมดา จะต้องรับมืออย่างระวัง เดี๋ยวจะถูกลอบโจมตีเอาได้ มันได้ไม่คุ้มเสีย

“บวรวิทย์ ระวังด้วย มันฝึกวรยทุธอื่น”

“วรยุทธอื่นงั้นหรือ?” บวรวิทย์ขมวดคิ้ว พอนึกดูก็ไม่แปลก คนแบบเขา ขอเพียงมีหนังสือกลยุทธ์ให้ฝึก ก็จะฝึกโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่ได้

นฤเบศร์มองรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ว่ารพีพงษ์รู้ได้อย่างไร

เขาอิจฉาคนที่มีความสามารถ ก็เลยมองแรงไปยังรพีพงษ์ “คิดไม่ถึงว่า มึงจะเก่งกว่าที่กูคิดไว้เสียอีก”

รพีพงษ์ก็หน้านิ่ง “ที่ผ่านมา ถ้าไม่เด็กของผมเปิดเผยให้กับศัตรูได้รับรู้ งั้นตอนนี้ผมก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”

นฤเบศร์ยิ้มเย็น “ความสามารถมึงก็ไม่เบา ถ้าฝึกเพิ่มอีก คงจะเป็นใหญ่ได้แน่ รพีพงษ์มึงมาอยู่กับกูมา วันนี้ก็ฆ่าไอ้บวรวิทย์ทิ้งเสีย เดี๋ยวกูจะช่วยขอชีวิตมึงต่อหน้านรเทพเอง แล้วมาอยู่ข้างกายกู มึงก็ไม่ได้ผลเสียอะไรไม่ใช่หรือไง?”

“ความคิดของคุณก็ไม่เลว แต่ผมไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับนรเทพได้ คงทำตามที่เสนอมาไม่ได้หรอก”

“เหอะ ไอ้นี่ไม่รู้อะไรเสียเลย กูจะไม่ให้มึงได้มีโอกาสฝึกวิชาเพิ่มหรอก วันนี้กูจะจับตัวมึง แล้วส่งให้กับนรเทพ กูก็จะได้อะไรดีตอบแทนมามากมาย”

เขาสู้พูดไป รพีพงษ์ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มีอย่างเดียวที่คาใจก็คือเขาฝึกวิชาอะไรกันแน่ ถ้าไม่ระวังก็จะถูกโจมตีได้

วิชากระบี่ของนฤเบศร์ว่องไว จากคำพูดก็ฟังออกได้ว่า ไม่ค่อยได้ต่อสู้เองจริงๆ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ให้ลูกน้องไปจัดการ

วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะรอบกายไม่มีลูกน้องอยู่ ก็คงไม่ลงมือกับพวกของรพีพงษ์เองหรอก

ในใจของรพีพงษ์ก็เริ่มมีโอกาสว่าจะชนะมากขึ้น กระบี่ของนฤเบศร์มุ่งมาทางรพีพงษ์ รพีพงษ์กระโดดออกไป แล้วใช้ต้นไม้ข้างๆ เป็นจุดศูนย์ถ่วงเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของตนเอง กระบี่แทงเข้าที่ต้นไม้จนขาดเป็นสองท่อน

รพีพงษ์แกล้งทำแบบนี้ สายตาของเขามองไปที่บวรวิทย์ กระบวนท่ากระบี่ของบวรวิทย์ไม่ได้เร็วเท่ารพีพงษ์ ถ้าใช้ตัวของบวรวิทย์เป็นจุดอ่อน ก็จะสามารถเอาตัวของบวรวิทย์มาข่มขู่รพีพงษ์ได้

วัยรุ่นแบบนี้เน้นเรื่องคุณธรรม คงไม่ทอดทิ้งโดยไม่สนใจแน่นอน

บวรวิทย์ก็รับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ของนฤเบศร์ชัดเจน รพีพงษ์ก็พูดว่า “บวรวิทย์ พวกเราใช้กระบี่พร้อมกัน ไอ้แก่นี่มันคิดจะหาช่องโหว่”

ทำตามที่รพีพงษ์พูด ทั้งสองคนก็เข้าสู้พร้อมเพรียงกัน

ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องมา นฤเบศร์และพวกเขาก็สู้กันไปมา สองมือยากจะสู้กับสี่มือได้ จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ เขารอคนของตระกูลพิมพ์สารมาถึง แต่ก็ยังไม่เห็นเงาสักคน

ถึงแม้ในใจจะโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็รีบสร้างข่ายอาคมขึ้นมาเพื่อแยกตนเองอยู่ด้านนอก แล้วสองแขนก็ยกขึ้นสูง เงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นควันสีดำก็เกิดเป็นสายยาวราวกับมังกร แล้วก็เพิ่มพลังเทพเข้ามาในตัวของนฤเบศร์

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เหมือนจะมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี แล้วก็พูดว่า “บวรวิทย์ เราต้องทำลายข่ายอาคมนี้ก่อนที่มันจะออกมาจากข่ายอาคมนี้ได้”

“มันกำลังทำอะไร?” บวรวิทย์ตกใจอย่างมาก

รพีพงษ์เห็นว่าในหมอกดำกลายเป็นรูปร่างคน ในใจก็คิดไว้แล้ว พร้อมพูดว่า “มันฆ่าคนไปไม่น้อย พวกนี้ก็คือดวงวิญญาณที่มันฆ่าไป”

บวรวิทย์ได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้ามองหมอกดำนั้น ก็มีรูปร่างของคนอยู่จริงๆ แล้วยังมีวิญญาณอื่นๆ ด้วย หลายปีมานี้รู้ว่านฤเบศร์ทำชั่วไว้มาก แต่ไม่รู้เลยว่าเขาจะฆ่าสิ่งมีชีวิตไปมากมายขนาดนี้

สองคนร่วมือกัน ใช้วิชาสลายข่ายอาคมออกไป ทันใดนั้น นฤเบศร์ก็ซัดฝ่ามือออกทำร้ายรพีพงษ์และบวรวิทย์

รพีพงษ์เดิมที่มีวิชาป้องกันตัวอยู่แล้ว เลยไม่ได้รับบาดเจ็บ แค่กระทบกระเทือนเท่านั้น ส่วนบวรวิทย์ก็เอามือจับหน้าอก เจ็บปวดอย่างมาก……..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท