พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1568 กลยุทธุ์วิทยาหาร

บทที่ 1568 กลยุทธุ์วิทยาหาร

สายตาจับจ้องไปที่บนแหวนในมือของนฤเบศร์ มันกำลังมีควันสีม่วงพวยพุ่งออกมา บวรวิทย์ก็พูดว่า “ระวังแหวนในมือมัน”

ตอนที่บวรวิทย์พูดนั้น สายตาของรพีพงษ์ก็มองไปยังแหวนในมือของนฤเบศร์ พวกเขาจะมัวชักช้าอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คนของนฤเบศร์กำลังมาที่นี่

บางครั้ง ต่อสู้ยืดก็ไม่ใช่เรื่องดี ถ้าวันนี้ฆ่านฤเบศร์ไม่ได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย

รพีพงษ์มองออกว่า ในแหวนวงนั้นจะต้องพลังที่พวกเขาไม่อาจจะรับรู้ได้ ถ้ายังจะเสียพลังไปแบบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสีย

รพีพงษ์เดินเข้ามาใกล้บวรวิทย์ อาศัยจังหวะที่นฤเบศร์ยังไม่ลงมือ ก็เลยบอกแผนกับบวรวิทย์ พอหลังจากทั้งสองคนประมือกับเขาไปสองกระบวนท่าแล้วนั้น ก็ทำตามที่คุยกันไว้แต่แรก ว่าให้แยกกันหนีออกไป แล้วไปเจอกันที่โรงเตี๊ยม

เดิมทีนฤเบศร์อยากจะจับสองคนนี้ไปให้นรเทพ แต่จับไม่ได้สักคน หัวเสียไม่น้อย

ในใจเขาไม่สงบสุขอย่างมาก การโจมตีของทั้งสองคนวันนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองโดนดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก เขาไม่เคยพบกับเรื่องแบบนี้มาก่อน

คนที่เคยมาท้าทายเขาได้ตายไปหมดแล้ว จากนั้นก็โมโหซัดฝ่ามือไปยังก้อนหินใหญ่ข้างๆ ก้อนหินนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วคนของตระกูลพิมพ์สารก็มาถึง

“นายใหญ่ครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”

“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง กูเลี้ยงมึงไว้ก็เสียข้าวสุก ทำไมเพิ่งมาวะ?”

หัวหน้าลูกน้องก็ก้มหน้ารับผิด ตอนนี้นฤเบศร์ตกอยู่ในอันตรายมาก นอกจากพวกเขาจะยอมรับผิด ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว

นฤเบศร์ไม่อาจทนเห็นศัตรูหลุดรอดออกไปจากมือแบบนี้ได้ ก็เลยสั่งลูกน้องว่าต้องตามจับตัวบวรวิทย์และรพีพงษ์มาให้ได้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินเมืองแฟรี่ก็ตาม

บวรวิทย์และรพีพงษ์อยู่ที่โรงเตี๊ยม คนที่ผ่านไปมาล้วนเป็นคนของตระกูลพิมพ์สาร รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “คงจะยังตามหาที่นี่ไม่พบหรอก ที่นี่เป็นสถานที่ที่นรเทพเอาไว้ขังคน ที่ที่อันตรายที่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่จะอยู่นานไม่ได้ ต้องเร่งหาเวลาหลบหนีออกไป”

พวกปัณฑาไม่เห็นรพีพงษ์ ก็เลยกลับไปยังโรงเตี๊ยม พอได้ยินรพีพงษ์บอกแบบนี้ ก็ขมวดคิ้ว “แต่พวกเราจะไปที่ไหนได้ล่ะ คุณบอกว่าตาแก่ธิปให้รอพระอาทิตย์ตกวันพรุ่งนี้ค่อยกลับไปไม่ใช่หรือ?”

จะไปทางฝั่งเส้นทางภูเขาสองกระบี่ไม่ได้ จะถูกนรเทพพบเข้า ก่อนหน้านี้ที่เคยได้ฝึกวิชาอยู่ที่ภูเขาสองกระบี่นั้น พลังเทพไกลออกไปเป็นพันลี้ นรเทพก็สามารถสัมผัสได้ ยิ่งพอถึงกลางคืน เขาก็ยิ่งมีประสาทสัมผัสดีขึ้น สามารถรับรู้ได้โดยง่ายว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

จะหนีจากรังหมาป่าไปเจอรังเสือไม่ได้ รพีพงษ์ก็นึกถึงบ้านของผลิน ไปที่นั่นคงจะไม่มีใครนึกถึง

ที่นั่นอยู่ห่างไกล อยู่ห่างจากใจกลางเมืองของเมืองแฟรี่ ตอนนี้คงจะมีแต่ที่นั่นที่ปลอดภัย

คนของนฤเบศร์หาอยู่นานมาก ซ่อนตัวอยู่ในเมืองทั้งคืนก็ไม่พบอะไร นฤเบศร์เองก็ไม่กล้าไปยังภูเขาสองกระบี่ ด้วยเพราะว่าที่นั่นเป็นเขตของนราธิป เขาจะไปหาเรื่องไม่ได้ อีกอย่างนรเทพและนราธิปอาจจะมีสงครามใหญ่ เขาไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย

ก็เลยรออยู่ที่บ้านอย่างทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ค่อยๆ คิดหาทางอื่นไป

ทางฝั่งภูเขาสองกระบี่ ปริตรได้สร้างกลไกขึ้นมา แล้วเขาก็นั่งอยู่ในส่วนลึกสุดของถ้ำนิ่งๆ

ในตำหนัก มองภูเขาสองกระบี่ไปรอบๆ นรเทพอยู่ที่นั่น แต่ลูกน้องของเขาชเนศ ก็ไปสำรวจรอบๆ หุบเขา

นราธิปยิ้ม แล้วก็ไปยังตำแหน่งที่ชเนศอยู่ พอชเนศเห็นว่านราธิปเข้ามา ก็รีบตั้งท่าป้องกันโดยไม่ได้พูดอะไร แต่นราธิปถามว่า “เจ้านายของเอ็งล่ะ?”

สายตาของนราธิปมองไปยังตำแหน่งที่ปริตรอยู่ ที่นั่นมีแสงอ่อนๆ ส่องออกมา นราธิปก็รับออกมา แล้วมุ่งไปยังถ้ำนั้น

จริงๆ แล้วนี่เป็นแผนที่วางไว้กับปริตรแต่แรกแล้ว พอเห็นการตอบสนองนราธิป ชเนศก็รีบไปหานรเทพทันที

นรเทพเดินออกมา ดวงตาก็จ้องมองแสงที่ส่องออกมา แล้วก็หลับตาใช้พลังสัมผัสกับคนแถวนั้น

ไม่ใช่พลังที่คุ้นเคยมาก่อน แล้วก็สั่งชเนศว่า “ไปดูหน่อย แล้วกลับมารายงาน”

ภูเขาสองกระบี่ไม่ได้กว้างมาก เขาไม่คิดว่าพวกของรพีพงษ์จะอยู่ที่นี่ ถ้าอยู่ที่นี่จริงๆ เขก็คงจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยแม้แต่น้อยแบบนี้

เงยหน้าดูสีท้องฟ้า ไม่ทันไรก็พลบค่ำเสียแล้ว ชเนศเข้าไปดูที่ถ้ำนั้น นราธิปก็มองชเนศ แล้วขมวดคิ้วแกล้งถามออกมาว่า “เห็นอะไรแล้วบ้างล่ะ ผมอยู่ที่ภูเขาสองกระบี่มานานแล้ว ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

คำพูดของเขายิ่งทำให้ชเนศรู้สึกสงสัยในใจ เขามองนราธิปอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็เอาสิ่งที่เห็นและได้ยินทั้งหมดไปบอกกับนรเทพ

นรเทพไม่ได้สนใจ แล้วก็กลับออกไปพักผ่อน ในหัวมีแต่รูปร่างของรพีพงษ์

ไอ้หมอนี่เป็นคนบนโลก ถ้ามันมาถึงที่เทวโลกจริงๆล่ะก็ จะต้องกำจัดให้ได้

พอนราธิปเห็นว่าแผนของตนเองไม่ได้ผล ก็เสียดาย เขาเพิ่งเคยเห็นนรเทพอดกลั้นแบบนี้เป็นครั้งแรก

เดินผ่านช่องทางลับเข้าไปยังจุดลึกสุดของถ้ำ ปริตรดูระบบกลไกอยู่ที่นั่น พอกำลังจะเปิดระบบ ก็ได้ยินว่ามีคนเข้ามา แล้วก็ยิ้มถามว่า “ไม่ได้เข้ามาก็ถือว่าไม่ผิดคาด เวลามันยังไม่เหมาะสม พอดีเลยผมยังต้องมีอะไรเตรียมตัวอีกเยอะ”

กลยุทธุ์วิทยาหารไม่มีใครทำลายได้ พอเจอศัตรูก็จะควบคุมไว้ทันที แต่เขาไม่เคยเจอศัตรูที่ร้ายกาจแบบนรเทพมาก่อน เรื่องนี้มันเป็นความท้าทายสำหรับเขามาก

ในใจไม่กังวลสิแปลก แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทางออกมา คนอื่นก็ไม่มีทางรู้ได้

นราธิปได้รู้จักกับเขา ก็รู้ว่าไม่ธรรมดา และเชื่อมั่นในตัวเขามาก แล้วก็มองเขาจัดการกับกลไกพวกนั้น โดยตนเองไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย

ตอนที่ได้ฝึกวิชาแรกก็พอได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็น วันนี้ได้เห็นก็ถือว่าเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน

“คุณจัดเตรียมนานขนาดนี้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เรื่องที่จะทำให้นรเทพเข้าก็ไว้เป็นหน้าที่ผมแล้วกัน เพียงแต่ พลังของเขาแข็งแกร่งมาก กลไกของคุณถ้าจัดการอะไรไม่ได้เลย เขาก็อาจจะทำลายทั้งถ้ำเลยนะ พอถึงตอนนั้นจะเสียแผนกันหมดไหม?”

“จัดการได้ แต่ไม่ถึงตาย สามารถยื้อเวลาไว้ได้พักหนึ่ง มีเวลาพอให้คุณจัดการฆ่ามันเสีย ผมแค่ควบคุมตัวมันไว้เฉยๆ”

ส่วนคนอื่น จะฆ่าเลยก็ไม่อะไรมาก แต่นรเทพจะถูกฆ่าง่ายๆ เลยได้อย่างไรกัน?

พอได้ยินดังนั้น นราธิปก็มีแผนในใจแล้ว ฟ้าเริ่มจะสางแล้ว น่าจะรอพวกของรพีพงษ์กลับมาถึงพอดี

นี่เป็นความแค้นของนรเทพกับพวกเขา คนผูกก็ต้องเป็นคนแก้เอง ทางฝั่งเขาได้แต่ชี้นำเท่านั้น จะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้

นรเทพอดใจรอต่อไปไม่ได้ อยู่ที่นี่ไม่ได้ข่าวคราวอะไรที่เป็นประโยชน์เลย เมืองแฟรี่ก็กว้างใหญ่เท่านี้เอง

นราธิปก็จะเข้าไปใส่ไฟเพิ่มเสียหน่อย เขาเข้าไปหานรเทพ แล้วบอกให้นรเทพออกไปจากภูเขาสองกระบี่ เขาคุ้นชินกับความเงียบสงบในภูเขาสองกระบี่เสียแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน

นรเทพอยากจะครอบครองพื้นที่ที่ไหน ก็ต้องเป็นของเขา ตอนนี้เพิ่งถูกไล่ออกไปเป็นครั้งแรก เขาก็เลยบอกว่า “หมายความว่าอย่างไร? รีบร้อนจะให้ผมกลับออกไป หรือว่ามีอะไรกันแน่ห้ะ?”

นราธิปต้องการผลลัพธ์แบบนี้แหละ แล้วก็ประชดเขาไปว่า “นี่มันที่ของผม ทำไมผมจะพูดไม่ได้ คุณบอกว่าเก่งนัก สุดท้ายก็ยังแพ้ให้กับเด็กสองคนนั้นไม่ใช่หรือไงล่ะ แล้วยังจะมาอวดดีอยู่ที่นี่อีกทำไม อย่าคิดตัวเองจะเรียกลมเรียกฝนในเทวโลกนี้ได้คนเดียว?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท