พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1597 เดิมพัน

บทที่ 1597 เดิมพัน

รพีพงษ์มองไปยังสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างใหญ่โต จริงๆแล้วเพียงแค่ภายนอกที่มองดูแล้วน่ากลัว แต่เจ้าตัวนี้กลับว่าไม่ได้มีความฉลาดมากมาย ตัวเองสามารถฆ่าเขาได้ เพียงแค่จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

เพียงแต่ว่ากำลังกายของตัวเองสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดหิมะตัวนี้ได้จริงๆเหรอ?

เหมือนว่าจะยากลำบากนิดหน่อย แต่ว่า เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ เพื่อลูกสาวของตัวเอง

ทุกครั้งที่ในใจรู้สึกว่าการมาสวรรค์เป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง รพีพงษ์ก็จะคิดถึงหนูลิน คิดถึงเสียงหัวเราะของเด็กน้อยและความไว้ใจที่มีต่อพ่ออย่างตัวเอง ตัวเองก็ไม่สามารถทำให้ลูกสาวผิดหวังได้

ไม่เพียงแค่ลูกสาวเท่านั้น ยังมีภรรยา พวกเขาต่างก็กำลังรอตัวเองกลับไป ถ้าหากตัวเองกลับไปไม่ได้ กลัวว่าพวกเขาก็คงชีวิตอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนนั่นไม่ดีแน่

ที่ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อพวกเขาล้วนมาจากรพีพงษ์ทั้งนั้น เพราะว่ามีพละกำลัง ในโลกไม่มีใครสามารถทัดเทียมกับรพีพงษ์ได้ ไปไหนมาไหน คนที่ได้พบเห็นต่างก็แสดงความเคารพกับพวกเขาทั้งหมด

“ฉันแค่ต้องการของชิ้นนั้น ไม่ได้มีความตั้งใจอย่างอื่น ถ้าหากคุณขัดขวางฉัน ฉันก็ทำได้เพียงแค่ฆ่าคุณแล้วแหละ”

รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ฆ่าอย่างกระหายเลือด แต่หากสุดวิสัยจำใจอย่างยิ่ง เขาก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าสักคนสองคน

รพีพงษ์มีจิตใจที่ดีมาโดยตลอด คนที่เป็นศัตรูกับเขาจะต้องไม่ใช่คนดีอะไร ฆ่าเขาก็ไม่ใช่ปัญหา สัตว์ประหลาดหิมะคุ้มครองอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าฆ่ามากี่คนแล้ว ต้นคงจิตเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนั้น มีกี่คนแล้วที่มาเยือนที่นี่ สัตว์ประหลาดหิมะฆ่าไปกี่คน

แต่วันนี้จะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน ถ้าหากคว้าต้นคงจิตมาไม่ได้ เขาเต็มใจที่จะให้สัตว์ประหลาดหิมะฆ่าตายอยู่ที่นี่ และก็ไม่มีหน้ากลับไปเจอภรรยาและลูก

“ไอ้คนสารเลวอย่างแกพูดอย่างกับว่าจะต้องเอาต้นคงจิตให้แกยังไงอย่างนั้น หลายปีมานี้คนที่ต้องการของสิ่งนี้นั้นมีไม่น้อยเลย แต่ว่าพวกเขาตายหมดแล้ว แกเอาอะไรมาวัดว่าแกคือผู้โชคดีคนนั้น? ”

สัตว์ประหลาดหิมะนอกจากลักษณะที่ไม่เหมือนคนแล้ว เสียงที่เปล่งออกมาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนมากมาย

สิ่งที่เขาพูดกลับว่าเป็นความจริง อย่างน้อยสำหรับสัตว์ประหลาดหิมะแล้ว เขาก็แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ คุ้มครองที่นี่

ไม่ว่าจะมีตัวตนอะไรก็ตามแต่ ขอเพียงแค่มาที่นี่ ไม่มีคำสั่งของนรเทพ เขาไม่มีทางที่จะเอาต้นคงจิตนั่นให้ใครใดๆทั้งสิ้น

รพีพงษ์ไม่อยากที่จะพูดไร้สาระกับเขามากมาย คว้ากระบี่สยบเซียนออกมาพุ่งเข้าไปฆ่าเลย รพีพงษ์ไม่เชื่อว่าพลังของกระบี่สยบเซียนที่สุดยอดขนาดนี้ จะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยไม่ได้

กระบี่สยบเซียนฆ่าสัตว์ประหลาดไม่ได้ งั้นยังมีอะไรที่สามารถจัดการเขาได้อีก หรือว่าจะต้องอยู่ที่นี่แล้วจริงๆงั้นเหรอ?

ในสายตาของสัตว์ประหลาดหิมะ รพีพงษ์และคนที่จะมาเอาต้นคงจิตก่อนหน้านี้ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย โชคชะตาของเขาจะต้องจบลงที่นี่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของความสมัครใจ หากรพีพงษ์ยอมที่จะออกไปจากที่นี่ เขาก็จะไม่ฆ่ารพีพงษ์

“ฉันเดินทางมาตลอดเส้นทาง ขอเพียงแค่ใจคิด ฉันก็จะทำได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ทำสำเร็จ วันนี้ก็จะต้องทำสำเร็จ ไม่งั้นเรามาเดิมพันกันไหม ถ้าหากฉันชนะคุณได้ คุณก็ให้ฉันเอาต้นคงจิตไป เป็นยังไง?”

ไม่เคยเจอคนที่น่าสนใจอย่างรพีพงษ์มาก่อนเลย แต่ว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็เกิดความสนใจมาก สัตว์ประหลาดหิมะอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้ว

“ฉันยอมที่จะฟังคำพูดของคุณ ถ้าหากคุณสามารถพูดโน้มน้าวฉันได้ ฉันก็จะฟังคุณ คุณอยากที่จะวางเดิมพันยังไง?”

รพีพงษ์เงยหน้าไปมองยอดเขาหิมะ เขารู้ว่าตัวเองจะต้องปีนขึ้นไปได้แน่นอน และรูปร่างของสัตว์ประหลาดหิมะหนักมาก จะต้องตามหลังตัวเองแน่นอน ขอเพียงแค่ทำให้สัตว์ประหลาดหิมะยอมเดิมพันกับตัวเองได้ งั้นตัวเองก็สามารถเอาต้นคงจิตมาได้อย่างน่าเชื่อถือ

“ฉันเห็นความสามารถของคุณแข็งแกร่งดี แต่ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันแน่นอน หากเราสองคนสู้กันซึ่งๆหน้า ก็คงตีเสมอกัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้เรามาเดิมพันกัน เราสองคนออกเดินทางเวลาเดียวกัน ถ้าหากว่าใครสามารถถึงยอดเขาหิมะเอาต้นคงจิตได้ก่อน งั้นต้นคงจิตก็เป็นของคนนั้น ห้ามใครต่อว่าอะไรทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำผิดสัญญา โอเคไหม?”

คำพูดของรพีพงษ์ เมื่อสัตว์ประหลาดหิมะได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ตัวเอาฝึกฝนมาเป็นแวลาหลายปีอย่างนี้ จู่ๆไอ้เด็กหนุ่มนี่ก็บอกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

สัตว์ประหลาดหิมะใช้ชีวิตมากว่าหลายปีแล้วยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ แม้แต่ปีศาจหิมะยังยอมรับความพ่ายแพ้ต่อตัวเองอย่างจริงใจ ไอ้สารเลวแบบเขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกตัวเองขนาดนี้ ตัวเองจะต้องเอาชนะเขาให้ได้ ก็แค่เอาต้นคงจิตนั่นไม่ใช่เหรอ?

สัตว์ประหลาดหิมะคุ้นเคยกับภูเขาหิมะเป็นอย่างดี อยากจะได้ต้นคงจิตมานั้นง่ายดายอย่างมาก เดิมพันในครั้งนี้รพีพงษ์จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ตอนนี้ ในเมื่อรพีพงษ์พูดออกมาแล้ว สัตว์ประหลาดหิมะก็เต็มใจที่จะเล่นเป็นเพื่อนเขา

สัตว์ประหลาดหิมะคุ้มครองอยู่ที่นี่มาตลอดปี ยากที่จะเจอคนที่น่าสนใจเช่นนี้ เขาไม่อยากที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างง่ายๆ

“คำพูดนี้คุณพูดเองนะ คุณอย่าเสียใจเด็ดขาด คุณคิดว่าถนนหิมะที่ไปยอดภูเขาหิมะนี้เป็นทางราบอันกว้างขวางงั้นเหรอ?นี่เป็นภูเขาน้ำแข็ง คูณอย่าเสียใจนะ ตอนนี้เสียใจภายหลังยังมีโอกาส รอจนเริ่มการประลองจริงๆ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ คุณต้องยอมรับชะตากรรม อีกอย่างฉันยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่ง ถ้าหากคุณแพ้แล้ว ก็ต้องทิ้งชีวิตของคุณไว้ที่นี่ ฉันว่าผลการฝึกตนของคุณก็ไม่ธรรมดาเลย จะได้ช่วยบำรุงพละกำลังให้ฉันพอดี”

รพีพงษ์ตอบรับปากเขาแน่นอน เพราะว่าเป็นการแข่งขันที่จะต้องชนะ อีกอย่างเขาก็ไม่มีเงื่อนไขอย่างอื่นแล้ว เขาต้องการเพียงแค่ต้นคงจิตนั่น

เมื่อได้ยินรพีพงษ์ตอบรับอย่างสบายๆ สัตว์ประหลาดหิมะตอนนี้ก็หัวเราะออกมา สัตว์ประหลาดก็เป็นคนที่สบายๆ รพีพงษ์วางเดิมพันกับเขา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ถือว่ามีความกล้าหาญ

หลังจากที่ทุกคนตัดสินใจแล้ว ก็วิ่งไปยังยอดเขาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์ประเมินค่าความสามารถของสัตว์ประหลาดหิมะต่ำเกินไปแล้ว ในเมื่อสัตว์ประหลาดหิมะพูดแบบนี้ งั้นก็มีโอกาสสูงพอที่จะชนะเขาได้

ทั้งภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ สัตว์ประหลาดหิมะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ถึงอย่างไรก็เฝ้าดูแลเป็นเวลานานแล้ว ภูเขาน้ำแข็งนี้ต้องขึ้นไปมาแล้วไม่น้อยแน่ อุ้งเท้าหน้าที่แหลมคมสามารถฝังแน่นเข้าไปในภูเขาน้ำแข็งได้มากพอ ร่างกายปีนป่ายขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้รพีพงษ์กลับว่าไม่สามารถเดินได้เลย ภูเขาน้ำแข็งช่างลื่นมากเลยจริงๆ ฝ่าเท้าของเขาไม่สามารถกันลื่นได้เลย มันยากที่จะใช้วรยุทธในที่แห่งนี้เลย

คิดอยากจะชนะสัตว์ประหลาดหิมะยากกว่าปีนขึ้นไปบนสวรรค์อีก เขาเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว แต่ว่าแม้จะเสียใจภายหลังแล้วก็ไม่มีวิธีอื่น เพราะว่าเรื่องนี้จริงๆแล้วสำหรับเขานั้นเป็นเงื่อนไขที่ง่ายดายที่สุด

ส่วนทางฝั่งปัณฑาและผลินถูกปีศาจหิมะจัดเตรียมให้ดีมาก พวกเขาสามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์ในกระจกได้

ปัณฑาค่อนข้างร้อนใจ ผลินพูดถามเธอ : “ ฉันว่าสัตว์ประหลาดหิมะตัวนี้สุดยอดมาก รพีพงษ์มีโอกาสที่จะชนะเท่าไหร่?”

“การปีนป่ายภูเขาหิมะเป็นการเดินบนน้ำแข็ง จะต้องมีวิธี หากเขาทำแบบนี้ไม่มีทางชนะสัตว์ประหลาดหิมะได้ โง่ชะมัด ปกติก็ดูฉลาดดีนะ ไม่คิดจะหาทางทำอะไรกับพื้นรองเท้าหน่อยเหรอ? ”

ปีศาจหิมะยิ้ม พูดกล่าว : “พวกคุณวางใจเถอะ แม้ว่าเขาจะสู้ไม่ชนะ ฉันก็ไม่มีทางที่จะให้ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นฆ่าเขาหรอก ฉันต้องให้เขาอยู่ที่นี่ ฉันช่วยเขา เขาก็ต้องตอบแทนบุญคุณฉัน มาเป็นทาสของฉัน พวกคุณคิดว่าวิธีนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ผลินมองบนให้กับปีศาจหิมะอย่างไม่มีเหตุผล ในใจคิดว่าเธอช่างเป็นปีศาจเสียจริงๆ เธอคิดอะไร ตัวเองเป็นผู้หญิงมองออกได้อย่างชัดเจน

ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากจะครอบครองรพีพงษ์ไว้เพียงผู้เดียว ตัวเองอยู่กับรพีพงษ์มานานขนาดนี้ยังไม่สามารถทำให้รพีพงษ์ยอมรับตัวเองได้ เธอช่วยเหลือรพีพงษ์ แม้ว่ารพีพงษ์จะรับปาก ก็ไม่มีทางรับปากด้วยใจจริง

ผลินพูดกับปีศาจหิมะว่า : “รพีพงษ์ยอมตายดีกว่า ไม่มีทางรับปากคุณแน่”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท