พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1615 สู้กับอสูร

บทที่ 1615 สู้กับอสูร

ผลินเอามือปิดปากตัวเองแน่น เธอไม่กล้าส่งเสียงออกมา และรู้สึกว่าขาของตนเองอ่อนแรงจนขยับไม่ได้

พอเงยหน้าไปมองรพีพงษ์บนต้นไม้ ก็เห็นว่ารพีพงษ์กำลังพักผ่อนอยู่ อสูรตัวนั้นก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธออ้าปากออก แล้วส่งเสียงดังสุดเสียงออกมา “ช่วยด้วย ที่นี่มีอสูร รพีพงษ์ช่วยฉันด้วย ที่นี่มีอสูร”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ เดิมทีมาที่นี่ก็เพราะมาดูว่าทหารของนรเทพมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ข่ายอาคมก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก

พอได้ยินเสียงของผลิน ก็รีบลงไป พอเห็นอสูรตัวนั้น ในใจก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา

ไอ้สัตว์ตัวนี้มันหากินตอนกลางคืนงั้นหรือ ในป่าคงจะมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านี้

ตอนนี้พวกของรพีพงษ์อยู่บริเวณรอบนอกของป่า ถ้าเป็นด้านในกลางป่าล่ะก็ คงจะได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าที่เห็นตรงหน้าตอนนี้เสียอีก

สองตาของผลินก็มองไปยังรพีพงษ์ แล้วก็วิ่ง เธอวิ่งช้ามาก ต่อให้เธอวิ่งสุดแรงเกิด ก็ยังรู้ว่าอสูรจะจับได้แล้ว รพีพงษ์ก็เข้ามากอดผลินไว้ แล้วกระโดดขึ้นต้นไม้ไป

พวกของนันท์ธรอยู่อีกทางหนึ่ง ตอนนี้คงจะกำลังพักผ่อนกันอยู่ ถ้าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรก็ไม่ควรไปรบกวนให้พวกเขาตื่น

รพีพงษ์ใช้วิชาทำให้อสูรตัวนั้นขยับไม่ได้ แล้วก็พบว่าพลังของตนเองควบคุมไว้ได้ไม่ถึง5นาที อสูรตัวนี้ไม่ได้จะจัดการได้ง่ายๆ

แล้วก็พูดกับผลินว่า “คุณไปตามพวกของนันท์ธรมาที่นี่ ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว พวกเราอยู่ที่นี่ก็ยังเจออสูรตัวใหญ่ขนาดนี้ กำลังทหารของนรเทพอยู่ในป่าลึก ก็คงจะไม่ปลอดภัยนักหรอก พวกเราก็เลยวางใจได้ พวกนั้นคงยังไม่บุกมาโจมตีตอนนี้”

รพีพงษ์แค่คาดเดาเท่านั้น แต่ว่าคนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แม่ทัพที่นำทัพก็ดูไม่ค่อยจะเก่งเท่าไรนัก

ผลินรีบวิ่งออกไปทันที แต่ก็ยังไม่ลืมกันมาพูดกับรพีพงษ์ว่า “ฉันไปแล้วนะ ระวังตัวด้วย อย่าให้อสูรตัวนั้นมันทำร้ายร่างกายได้นะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก วางใจเถอะ” เสียงของรพีพงษ์นุ่มนวลมาก ไม่เหมือนกันน้ำเสียงที่ปฏิเสธผลินเมื่อครู่นี้

ผลินวิ่งไปยังฝั่งของนันท์ธร แล้วก็ไปเล่าสถานการณ์ให้ฟัง

พอนันท์ธรเห็นผลินเข้ามา ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “รพีพงษ์ให้คุณมาที่นี่หรือ?”

“ฝั่งนั้นมีอสูร มันตัวใหญ่มาก รพีพงษ์ให้ฉันมาบอกกับพวกคุณ จะต้องระวังตัวกันด้วย”

นันท์ธรพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วรพีพงษ์จะให้พวกเราไปช่วยไหม?”

“รพีพงษ์สามารถจัดการเองได้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกคุณเข้าไป พวกคุณก็อยู่เฝ้าที่นี่แหละ ถ้าคนของนรเทพออกมาก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นมา คืนวันนี้พวกเราก็มาเฝ้าโดยเสียเปล่า”

ผลินก็วิเคราะห์ไป เธอกลัวอสูรตัวนั้นมาก แต่พลังของรพีพงษ์ จัดการแค่นี้ง่ายๆ ไม่มีอะไรต้องกลัว

รพีพงษ์อยู่ต่อหน้าอสูรนั้น เขาขมวดคิ้ว แสงจันทร์ส่องลงมาใส่ตัวอสูรตัวนั้น เห็นว่าเป็นหัวหมา บนหัวก็มีเขาเหมือนเสาอากาศสองเส้น ตัวของมันเหมือนกับวัว ตัวใหญ่มาก

ไม่รู้ว่าตัวนี้มันคือตัวอะไร รพีพงษ์อยากจะลองคุยกับมันดู แล้วถามว่า “เห้ยนี่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ กลับไปเถอะ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”

“ข้ารู้ ว่าพวกเจ้าจำไม่ทำอะไรข้าหรอก แต่ว่าในป่าถูกคนอื่นมารุกรานกินพื้นที่ไป รังของข้าถูกทำลายหมดแล้ว ถ้าข้าไม่ออกมา แล้วจะให้ไปอยู่ไหนล่ะ?” อสูรตัวนั้นมองรพีพงษ์ แล้วก็พูดออกมา

รพีพงษ์ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ในเทวโลก ก็จะดูถูกไม่ได้ พลังของพวกเขาไม่ธรรมดา

“เจ้าหมายถึงทหารที่เข้าไปวันนี้ใช่ไหม?”

รพีพงษ์ถามมัน ในใจก็อยากรู้สถานการณ์ของทหารพวกนั้น ถ้าพวกนั้นมีชีวิตกลับออกมา ผลลัพธ์ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

อสูรตัวนั้นก็บอกว่า “ใช่แล้ว สงครามของพวกมนุษย์อย่างเจ้า ทำให้พวกเราต้องลำบากไปด้วย สมควรตายจริงๆ”

ตอนที่พูด สายตาของอสูรตัวนั้นก็จ้องเขม็งมาที่รพีพงษ์ ในป่ามีคนมากมาย ถึงแม้มันจะฆ่าไปไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์

ตอนนี้ที่นี่มีรพีพงษ์คนเดียว คนเองสู้คนอื่นหลายคนไม่ได้ แต่จะสู้รพีพงษ์คนเดียวไม่ได้งั้นหรือ?

อสูรยิ้มอย่างได้ใจ วันนี้รพีพงษ์จะเป็นมื้อดึกของมันล่ะ

รพีพงษ์ก็สัมผัสได้ถึงรังสีอาฆาตของอสูรที่ปล่อยออกมา เขาก็เลยตั้งท่าต่อสู้ ไอ้ตัวนี้มันจ้องจะฆ่ารพีพงษ์ให้ได้

ถึงแม้จะไม่ชัดแจ้ง แต่รพีพงษ์ก็ไม่โง่

“คนที่ทำลายรังของเจ้าไม่ใช่พวกเรา ถ้าจะมาเอาคืนที่ตัวผมจริงๆ มันก็จะดูไม่ค่อยยุติธรรมกับผมเสียเลยนะ?”

อสูรมองรพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดว่า “ต่อให้เจ้าพูดมาเป็นความจริง แต่ถ้าไม่เพราะพวกเจ้ามาขวางทางออกแบบนี้ ทำให้คนข้างในออกมาไม่ได้ ไอ้คนพวกนั้นก็คงไม่ไปปิดปากถ้ำของข้าหรอก ใช่ไหมล่ะ?”

พูดไปพูดมา กรงเล็บก็พุ่งมายังหน้าอกของรพีพงษ์ แล้วพูดว่า “ถ้าชายหนุ่มร่างกำยำถูกข้ากินตับไตไส้พุงไป พลังของข้าก็เพิ่มไปอีกขั้นหนึ่ง”

รพีพงษ์หลบออกได้ สัตว์ตัวนี้ตัวใหญ่มาก ขยับตัวก็ไม่ค่อยคล่องแคล่ว ทางที่มันเดินมา ก็มีรอยเท้าขนาดใหญ่เหยียบเดินมา

“เก่งกว่าเจ้าข้าก็เคยเห็นมาแล้ว ยิ่งกว่านั้น ถ้าเจ้าอยู่เฉยๆ ข้าก็จะไม่ทำร้ายชีวิตเจ้า แต่เจ้าทำแบบนี้ ข้าก็จำเป็นต้องฆ่าเจ้า ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าก็จะมาหาเรื่องกับข้า”

รพีพงษ์พูดจบ ก็หยิบกระบี่สยบเซียนออกมา แล้วบุกโจมตีเข้าไป

อสูรมีผิวหนังหนามาก ต่อให้เป็นกระบี่สยบเซียน แต่ก็ยังรู้สึกว่าใช้การไม่ค่อยได้ สมกับที่ตัวเป็นวัวจริงๆ หนังหนาเหมือนกับหนังวัวเลยจริงๆ

อสูรก็เห็นว่ารพีพงษ์ทำอะไรตนเองไม่ได้ ก็ยิ้มเย็นพูดว่า “ไอ้เจ้าเด็กน้อย ตัวยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเลย คิดจะฆ่าข้าแล้วงั้นหรือ? ถ้าเจ้าฟังข้า ข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างไม่เจ็บปวด เจ้าเลือกเองก็แล้วกัน”

อสูรพูดเอื่อยๆ มันรู้สึกได้ใจมาก คนที่มาที่นี่ ไม่มีใครเทียบกับรพีพงษ์ได้สักคน

ในตัวของรพีพงษ์ มันสัมผัสได้ถึงพลังเทพที่แข็งแกร่งมาก ถ้าสามารถฆ่ารพีพงษ์ได้ล่ะก็ ก็จะเอาพลังของรพีพงษ์มาให้ตนเอง ตนเองก็จะได้บำเพ็ญเป็นร่างคนในอีกไม่นาน

แบบนี้มันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วจะออกไปกินคนข้างนอกก็ไม่สะดวกเท่าไร

พอนึกถึงเรื่องนี้ มันก็ฮึกเหิมขึ้นมา ฝีเท้าที่วิ่งตามรพีพงษ์ก็เร็วขึ้น รพีพงษ์เห็นสัตว์ตัวนี้ก็เหมือนกับตอนที่ตนเองเข้ามาที่เทวโลกใหม่ๆ แล้วเจอกับบวรวิทย์ที่มีนิสัยหาเรื่อง

ท่าทางการพูดการจาของอสูรตัวนี้ เหมือนกับสีหน้าท่าทางของบวรวิทย์ในตอนนั้นเลย ใจคิดอยากจะฆ่าแต่ตนเองอย่างเดียว

เขาก็ยิ้มออกมา ที่เทวโลก ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็เหมือนกัน รพีพงษ์ก็มองกระบี่สยบเซียนในมือตนเอง แบบนี้จะแทงเข้าตัวของอสูรไม่ได้ แล้วถ้าเอาพลังเทพของตนเองใส่เข้าไปด้วยล่ะ จะไม่ได้เชียวหรือ?

ก็จะมีไม่มีสิ่งใดที่กระบี่สยบเซียนฆ่าไม่ได้ รพีพงษ์เอานิ้วตนเอง ให้เลือดไหลลงใส่ตัวกระบี่สยบเซียนไปหนึ่งหยด กระบี่สยบเซียนก็เผยแสงสีแดงออกมาทันที

อสูรตัวนั้นก็มอง แล้วก็ตกใจพูดว่า “นี่มันอะไรกัน?”

รพีพงษ์ยิ้มพูดอย่างลึกซึ้ง “เจ้าว่าหนังเจ้าหนามากใช่ไหม กระบี่นี้เป็นหนึ่งในอาวุธเทพโบราณ ชื่อว่า กระบี่สยบเซียน เจ้าว่ามันสามารถแทงทะลุหนังเจ้าได้ไหมล่ะ?”

อสูรพูดอย่างหัวเสียว่า “กระบี่สยบเซียนงั้นหรือ? กระบี่สยบเซียนจะไปอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไรกัน พูดจาขู่ข้า คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไรกัน มาสิ ข้าจะให้เจ้าแทง มาเลย!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท