พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1611 ใช้ความตายชดใช้ความผิด

บทที่ 1611 ใช้ความตายชดใช้ความผิด

เดชารีบวิ่งกลับมาที่เดิม แล้วก็ไม่เห็นเงาของนฤเบศร์แล้ว แล้วก็ต่อยไปยังเสาแกะสลักกลางห้องโถงนั้นอย่างไร ด้วยความโมโห

“คนพวกนี้ทุเรศมาก ในเมื่อใช้วิธีที่ต่ำช้าแบบนี้ แน่จริงก็ออกมาสู้กันเลย กูจะให้5ม้าแยกร่างมึงเลยคอยดู”

ลูกน้องข้างๆ เขาก็มีสีหน้าไม่ยอมเหมือนกัน กว่าจะถามอะไรออกมาได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูกคนอื่นพาตัวไป แผนการของเขาก็เสียเรื่องอีกจนได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? ผมว่า ไอ้คนนั้นน่าจะอยู่ที่ตำหนักอ๋อง ตอนนี้พวกเราไปดูที่ตำหนักอ๋องดีไหม?”

เดชารู้ดีว่าตอนนี้มีเพียงแผนเดียว ถ้าหากว่าไม่ไป ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูหนีรอดไปได้ แบบนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย

เดิมทีเขาคิดว่าเดี๋ยวจะเป็นสงครามที่ดุเดือดครั้งใหญ่ แต่คิดไม่ถึงว่าฝั่งตรงข้ามจะหลบซ่อนตัว ไม่ให้เห็นแม้แต่ใบหน้า

เขาก็คาดเดาไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนั้นพวกเขาเอาชนะเจ้านายตนเองอย่างไร พวกเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก

เดโช ก็คือพี่ชายของเขา และเป็นคนที่เก่งมากเหมือนกัน แต่ก็ถูกทำลายในมือพวกเขาเหมือนกัน มันช่างคาดเดายากเสียจริงๆ

ถ้าหากว่าไม่ฆ่าศัตรูพวกนี้ เทวโลกก็จะมีเจ้านายคนใหม่ พวกเขาก็จะมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไรนัก

พวกเขาทั้งหลายก็รีบมาถึงยังตำหนักอ๋อง ข่ายอาคมของตำหนักอ๋องถูกทำลายไปแล้ว และบวรวิทย์ก็รู้ว่าพวกเขาจะต้องตามมาแน่ ก็เลยทำลายทางเข้าของทางลับทิ้งเสีย

ต่อให้พวกเขามาถึง ก็ไม่มีทางรู้ว่าจะไปตามหาพวกของรพีพงษ์ที่ไหน

อีกฝั่งหนึ่ง รพีพงษ์ก็กำลังมองดูรพีพงษ์ในกระจกสะท้อน ในใจก็เป็นกังวลมาก เขารู้ว่าบวรวิทย์เป็นคนยึดถือในคุณธรรม มองจิรันดน์เป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่เขาไม่คิดเลยว่าบวรวิทย์จะฝ่าอันตรายเพื่อไปช่วยคนแบบนี้

ในใจก็กลัดกลุ้มเล็กน้อย บวรวิทย์ช่วยพ่อของจิรันดน์ออกมา แต่พ่อของจิรันดน์หักหลังทุกคน จะต้องจัดการอย่างไรถึงจะให้ทุกคนยอมรับได้?

เจตรินก็ยิ้มเย็น “ช่างเป็นคนยึดถือในคุณธรรมเสียจริงๆ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นรู้ว่าเป็นแบบนี้เลย? แต่ว่าก็โง่อยู่เหมือนกัน!”

เจตรินได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เขาก็เลยบอกกับรพีพงษ์ไปเลย ถ้าหากว่ากลไกถูกเปิดขึ้น ในเมืองทั้งหมดจะกลายเป็นซาก แล้วทุกอย่างจะต้องเริ่มขึ้นมาใหม่ แก้ไขกันใหม่

รพีพงษ์ยิ้มแบบไม่สนใจไยดี ที่เขาพูดมาทั้งหมดล้วนถูกทำขึ้นด้วยฝีมือคน ขอเพียงมีคนอยู่ งั้นอะไรก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ทั้งนั้น

“รอชนะสงครามครั้งนี้แล้วล่ะก็ ในเมืองควรจะมีเจ้านายคนหนึ่ง มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ จะให้เมืองกลับมาเป็นแบบเดิม หรือแม้กระทั่งสวยงามกว่าเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เวลาใด รพีพงษ์ก็จะมีจิตใจที่มั่นคงตลอด ต่อให้จะเจอเรื่องเกี่ยวกับลูกสาวและภรรยาตนเอง ก็ยังคงสามารถรักษาความสงบนิ่งในใจได้เสมอ

แม้กระทั่งเสียใจก็ใช้เวลาไม่นานในการที่จะคืนกลับมาเป็นปกติได้ นี่คือสิ่งที่ฝึกได้จากตอนที่เป็นลูกเขยของบ้านอื่นเขา

บางครั้งก็หวนนึกถึงเรื่องราวที่ไม่อยากจะนึกถึงมันอีก ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยเรื่องพวกนั้นก็ทำให้เขาได้เติบโตมาไม่น้อย ได้รู้จักความโหดร้ายในโลกนี้

เจตรินได้ยินรพีพงษ์บอกว่าจะหาผู้นำให้กับเมืองนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในใจก็พอจะมีแผนแล้ว

ก่อนหน้านี้มีสามตระกูลคอยปกครองเมืองนี้ทุกอย่าง จริงๆ แล้วแบบนี้มันไม่เหมาะสม ควรจะยกย่องคนหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำ ที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่เทวโลกมีนรเทพเป็นผู้นำเพียงคนเดียว

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ หลักการนี้ใครๆ ก็รู้ เขาแค่คิดในใจเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรสงครามนี้มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น

และได้เริ่มเปิดกลไกแล้วนั้น วิธีเดียวกันสามารถเอามาใช้ได้ในเรื่องเดียวกัน ก่อนหน้านี้นรเทพก็เสียสติอยู่ภายใต้กลไกนี้ ตอนนี้มาใช้บนตัวทหารของเขา ก็จะได้ผลแบบเดียวกัน

แต่ที่น่าเสียดายก็ถือกำลังทหารของเขาไม่ได้อยู่ในเมืองทั้งหมด ต่อให้เจตรินเก่งแค่ไหนก็โจมตีในครั้งแรกได้เท่านั้น ต่อจากนั้นก็จะขึ้นอยู่กับพวกของรพีพงษ์

ในเมืองก็ฟ้าถล่มดินทลาย พวกของเดชารู้เหมือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ร่างกายของตนเองเอียงไปด้านหน้าอย่างเสียการควบคุม

ภูเขาถล่ม ดินแยก หินบนภูเขากลิ้งตกลงมา ไม่เพียงเท่านั้น น้ำในแม่น้ำก็ไหลพัดขึ้นมาด้านบน โดยที่พวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

เทวเทพมองทุกสิ่งอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง แล้วก็รู้สึกเสียดายบ้านตนเอง

ก่อนหน้านี้รู้มาตลอดว่าได้ความช่วยเหลือจากเจตริน ถึงสามารถจับนรเทพได้ แต่เข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจตรินจับได้อย่างไร พอดูสภาพทุกอย่างในเมืองผ่านกระจกสะท้อน ในใจเขาก็เข้าใจขึ้นมาได้

เจตรินเรียกรพีพงษ์มา “ที่ผมทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ ตอนนี้คุณต้องคิดหาวิธี จัดการกับนฤเบศร์ให้เรียบร้อย เดี๋ยวอีกไม่นานทุกคนไปออกรบ จะได้ไม่มีผลกระทบอะไร”

รพีพงษ์ก็ต้องขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องยาก แต่บวรวิทย์เพิ่งช่วยคนออกมา จะให้เข้าไปฆ่าเลยก็ไม่ได้

ถ้าเกิดว่าฆ่าไปจริงๆ ตนเองก็จะกลายเป็นศัตรูของบวรวิทย์ บวรวิทย์ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของตนเองกับจิรันดน์ถูกทำลาย รพีพงษ์เองก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของตนเองกับบวรวิทย์ถูกทำลายลงเพราะเรื่องนี้

พอได้ยินคำพูดของเจตริน เทวเทพก็รู้สึกว่าบวรวิทย์บ้าจริงๆ ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทำไมถึงทำเสียเรื่องได้ ช่างทำให้ตนเองผิดหวังมาก

เทวเทพพูดออกมาทันทีว่า “เรื่องนี้เป็นเพราะลูกชายไม่รักดีของผมก่อขึ้นมาเอง เดี๋ยวผมจะให้คำตอบที่ทุกคนพอใจเอง นี่มันเวลาไหนแล้ว มันยังหน้ามืดตามัวไปทำเรื่องแบบนั้นได้อีก มันจะทำให้ทุกคนวิตกสิไม่ว่า”

ขณะพูด ยังไม่ทันรอให้รพีพงษ์ลงมือเอง เขาก็เดินไปยังฝั่งที่บวรวิทย์อยู่ รพีพงษ์ก็โล่งอก เทวเทพไปจัดการ บวรวิทย์คงไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นมองพ่อตนเองเป็นศัตรูหรอก

พอบวรวิทย์ช่วยคนรอดกลับมาได้ ก็พาไปยังฝั่งของจิรันดน์ เดิมทีจิรันดน์ก็จิตใจเหม่อลอย พอเห็นว่าพ่อตนเองปลอดภัยกลับมา ก็มีสติขึ้นมาได้ทันที

ยังไม่ทันได้ดีใจพูดอะไรเลย ก็เห็นเทวเทพพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ บวรวิทย์ลุกขึ้น แล้วก็ถูกเทวเทพตบเข้าไปที่ใบหน้าเต็มๆ

“ไอ้ลูกไม่รักดี เอ็งกำลังล้อเล่นกับชีวิตของทุกคน รู้ไหม?”

จริงๆ แล้วเทวเทพก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน เขาและนฤเบศร์ไม่ถูกกันมาตลอด ตอนนี้ก็ได้โอกาสพอดี จะต้องฆ่านฤเบศร์ให้ได้

ไม่มีใครรู้จักลูกตนเองดีเท่าพ่อแท้ๆ แต่คนเป็นลูกก็เข้าใจพ่อเหมือนกัน บวรวิทย์รู้ดีว่าพ่อตนเองไม่ได้เป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมขนาดนั้น ตอนนี้ที่เข้ามา ก็มาพร้อมกับเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น

“คุณลุงเบศร์สูญเสียพลังไปหมดแล้ว ต่อให้มีชีวิตรอด ก็เป็นภัยกับพวกเราไม่มากนัก พ่อจะบีบให้เขาตายให้ได้เลยหรือไง?”

“เมื่อครู่นี้มันนั่นแหละที่ปล่อยทหารฝั่งศัตรูเข้ามา เอ็งอยู่ที่นี่สามารถรับรองได้ไหมล่ะว่า มันจะไม่ส่งข่าวอะไรออกไป เพื่อนทำลายชีวิตของทุกคน?”

ทุกคำพูดของเทวเทพล้วนมีเหตุผล จิรันดน์ก็คุกเข่าลงพื้นทันที โขกหัวลงไปจนได้ยินเป็นเสียงชัดเจน พร้อมพูดว่า “ถ้าพ่อผมทำเรื่องแบบนั้น ผมก็ขอตายเพื่อชดใช้ความผิด”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท