พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1613 ป้องกันเข้มงวด

บทที่ 1613 ป้องกันเข้มงวด

ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ นราธิปก็ยิ้มอย่างทำอะไรไม่ได้ กลัวว่าเรื่องมันจะไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่รพีพงษ์บอก ถ้าทุกเรื่องอยู่ในความควบคุมได้หมด ก็ควบคุมโลกได้หมดแล้วสิ?

รพีพงษ์มองนราธิป แล้วก็ซาบซึ้งต่อนราธิป แต่ก็ไม่มีอะไรต้องตอบแทนได้

เขายอมให้หนูลินเป็นลูกศิษย์ของนราธิป แต่นราธิปบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่รีบร้อน

“อาจารย์ธิป พวกเราอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คุณคอยดูแล เส้นทางชีวิตของผมก็คงยากลำบาก ขอบคุณคุณมากที่คอยช่วยเหลือผม ถ้าวันไหนมีเรื่องอะไรที่จะให้ผมช่วย ผมก็จะไม่ปฏิเสธเลย”

นราธิปหายใจเข้าลึก ที่เขาช่วยรพีพงษ์ไป ไม่ใช่เพราะอยากให้รพีพงษ์มาตอบแทนอะไร ตอนนี้รพีพงษ์กำลังรับมือกับทหารของนรเทพ ปกป้องชาวบ้านของเมืองแฟรี่ นี่ก็ถือเป็นการตอบแทนที่ใหญ่หลวงแล้ว

เพียงแต่เรื่องที่รพีพงษ์คาดการณ์ไว้ มันคงไม่ได้ง่ายย่างนั้น เขาไม่ได้บอกอะไรกับรพีพงษ์ พอถึงตอนนั้นรพีพงษ์ก็จะรู้เอง

ตอนนี้นราธิปอยากให้เมืองแฟรี่มั่นคงก่อน ไม่อยากให้คนคนนั้นออกมาก่อความวุ่นวาย ไม่อย่างนั้นละก็เทวโลกต้องปั่นป่วนแน่

ถ้ารู้ก่อนว่าคนคนนั้นจะออกมาก่อความวุ่นวาย ก็คงจะเสียใจกับการตัดสินใจในแรกนั้น

พอเห็นว่านราธิปมีอะไรในใจแล้ว รพีพงษ์ก็มองกระจกสะท้อนต่อไป บอกว่าจะไปร่วมสงคราม แต่เทวเทพกับรพีพงษ์ก็ไม่ได้ที่สนามรบเอง

นันท์ธรเป็นคนที่รักการทำสงคราม ก็คงจะไม่นั่งดูอยู่อย่างเดียวแน่ ก็เลยบอกว่าตนเองจะไปดูเสียหน่อย

จากนั้นก็พาทหารกองใหญ่ไปที่นั่น แล้วเขาก็ไปเผาค่ายทหารพวกนั้น ที่ตั้งค่ายอยู่นอกเมืองเมืองแฟรี่ พอไม่มีที่ซุกหัวนอน ก็เงยหน้ามองฟ้า อากาศวันนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก ดูซิว่าคืนนี้พวกมันจะทรมานกันไปอย่างไร

เมืองแฟรี่ไม่ใช่เมืองเล็ก คนด้านในเดิมทีก็มีเยอะอยู่แล้ว ทหารของตระกูลภูสรีดาว ตระกูลเยอซอ ตระกูลพิมพ์สาร รวมกันก็มีไม่น้อย

ถึงแม้คนของเดชาจะมีมาก แต่ก็ไม่มีผลอะไรที่นันท์ธรจะรบชนะ

เดชานำทัพ ก็เหมือนกับลูกบอลมีรูรั่ว เจอใครก็ฆ่าหมด โดยไม่ไว้หน้าใครเลย

พวกเขานำทัพมาสามพันคน ไม่นานก็ฆ่าคนของเดชาไปได้แสนกว่าคน คนของเดชาก็กลัวกันไปหมด เดชาเห็นดังนั้นก็ต้องน้ำตาตกใน

เดิมทีเขาคิดว่าการตายของนรเทพ ก็เป็นแค่การพลาดท่าของคนเก่งเท่านั้น แต่มาถูกคนพวกนั้นใช้อุบายเสียได้

แต่ทว่า หลังจากที่ตนเองเจอกับคนพวกนั้นแล้วนั้น เขาก็รู้ว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ก่อนหน้านี้ คนพวกนี้ได้เตรียมตัวที่รับมือกับเขาไว้แล้ว แถมยังมีแผนที่ลงมือไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจเรื่องสภาพแวดล้อม หรือกำลังของศัตรู ก็ล้วนมีความสามารถมากกว่าตนเองมากเลย

เขานำกองทัพเข้าไปยังในป่าแห่งหนึ่ง คนของนันท์ธรก็ตามเข้าไป พอถึงทางเข้าป่าก็ไม่ได้ตามเข้าไปต่อ

อย่าตามหมาจนตรอก หลักการนี้ใครๆ ก็รู้ แถมป่านั้นไม่มีใครเข้าไปเป็นหมื่นปีแล้ว ในนั้นมีสัตว์ป่ามากมาย พวกสัตว์ร้ายจำพวกปีศาจมากมาย พวกเขาเข้าไปคงได้เจอดีแน่

แน่นอนว่า ถ้าเข้าไปแล้วหลงทางอยู่ข้างในจนออกมาไม่ได้ยิ่งดี ลำบากทีเดียวจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ทุกอย่างจะได้เรียบร้อย

เมืองแฟรี่กลับมาเงียบสงบ แต่ทุกอย่างถูกทำลายหมดแล้ว ถ้าอยากจะสร้างบ้านช่องห้องหับให้กลับมาสวยดังเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ก็มีความยากในระดับหนึ่ง

พวกของรพีพงษ์ก็มาถึงป่านั้น พอมองออกไป ก็เห็นเป็แผ่นผืนสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่าสั่งสมอะไรมากี่ปีแล้ว เหมือนกับป่าหมอกที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักเทพยาเซียน แถมยังดูใหญ่กว่าป่าหมอกด้วย

เทวเทพเห็นสภาพสงครามดังนั้น ก็หัวเราะลั่น “คิดไม่ถึงเลยว่า ทหารของนรเทพจะไม่เอาไหนแบบนี้ หลายแสนคนแล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ถือทหารของเราขู่จนกลัวหัวหดไป ออกรบยังไม่เป็นเลย ถ้านรเทพรับรู้เรื่องนี้ มันจะโกรธจนฟื้นคืนชีพมาไหมนั่น?”

เทวเทพพูดอย่างดีใจ เขาไม่เคยออกรบแล้วสะใจแบบนี้มาก่อน ขณะพูดก็มองปริตร แล้วพูดว่า “คุณชายปริตร ถ้าไม่มีคุณ แผนของพวกเราก็คงไม่ราบรื่นแบบนี้ คุณคือคนที่สร้างคุณงามความดีที่สุดในสงครามครั้งนี้มาก”

ปริตรก็ยิ้มเบาๆ ภายนอกอาจจะดูไม่ชอบ แต่มารยาทก็ต้องมีบ้าง ถึงอย่างไรก็เป็นคนรุ่นพ่อตนเอง

“ผมหวังว่าทุกคนจะอยู่กันอย่างปลอดภัย ตอนนี้ความหวังของผมก็เป็นจริงแล้วไม่น้อย”

สายตาของปริตรมองไปยังด้านในป่า แล้วก็ขมวดคิ้ว จะให้ศัตรูมีโอกาสพลิกตัวกลับมาสู้ไม่ได้ นอกจากจะมั่นใจว่า พวกนั้นต้องตายอยู่ข้างใน โดยออกมาไม่ได้เท่านั้น

รพีพงษ์ก็คิดเหมือนกัน เขาจ้องมองในป่า แล้วพูดว่า “พวกเราจะไม่สนใจอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าพวกนั้นเข้าไป แล้วมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาได้ พวกเราก็จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ ตอนนี้ยังไม่ถือว่าชนะ”

เทวเทพยิ้มอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “มันเป็นไปไม่ได้หรอก ด้านในมีสัตว์ป่ามากมาย พวกนั้นคงออกมาไม่ได้อย่างปลอดภัยหรอก”

รพีพงษ์ก็มองไปในป่า คนหลายแสนอยู่ด้านใน กิ่งไม้สั่นไหวไปมา ฝูงนกบินขึ้นด้วยความตกใจ

“พวกนั้นมีคนเยอะ ถ้าเกิดว่าเจอสัตว์ร้ายขึ้นมา เกรงว่าสัตว์ร้ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้หรอก” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วก็หันมาพูดกับนันท์ธรว่า “จะต้องล้อมที่นี่เอาไว้ แล้วสอดส่องสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้พวกนั้นลอบบุกโจมตี”

นันท์ธรยิ้มอย่างมั่นใจ “พี่ใหญ่ผมพูดถูก พวกนั้นออกมาไม่ได้แน่ แต่ในเมื่อคุณชายรพีพงษ์บอกแบบนี้ งั้นก็ฟังคุณชายรพีพงษ์แล้วกัน”

รพีพงษ์ยิ้ม ได้อยู่กับทุกคนมาพักหนึ่ง นันท์ธรก็ได้มองเขาเป็นญาติพี่น้องแล้ว ถึงปากจะไม่พูด แต่ก็สามารถรับรู้ได้ ว่ามีความเคารพให้กันลึกๆ ด้านใน

ฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ รพีพงษ์ก็มองคนที่อยู่ในโลกห้วงเวลา เขาเสียพลังไปมากเพื่อรักษาโลกห้วงเวลานี้ไว้ เขากำลังปวดหัวว่าจะจัดการกับพวกคนข้างในอย่างไรดี

เขาอยากจัดการกับทุกอย่างโดยเร็วที่สุด แล้วรีบกลับไป แต่จากสถานการณ์แล้ว มันต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ปัณฑาก็ยังไม่กลับมา

ปัณฑานี้ เดิมทีทำงานอะไรก็ไม่เคยชักช้า รพีพงษ์สังหรณ์ใจว่าจะต้องเกิดปัญหาอะไรขึ้นแน่ แต่ตอนนี้ก็ปลีกตัวออกไปไม่ได้

ถ้ายังจัดการกับเรื่องของเดชาที่นี่ไม่สำเร็จ เขาจะไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้ได้เป็นคนหนึ่งของเทวโลกไปแล้ว ความรุ่งเรืองและอัปยศของเมืองแฟรี่ แยกกับรพีพงษ์ไม่ออกแล้ว

ดวงจันทร์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าออกมา เสียงอีกาดังเข้ามาในหูไม่หยุด ผลินก็อยู่ข้างๆ รพีพงษ์ เธอบอกว่า “รพีพงษ์ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม คนโบราณบอกไว้ว่าถ้าได้ยินเสียงอีกา แสดงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี”

“ในสงครามมีคนตายมากมาย จะมีเรื่องดีได้อย่างไรล่ะ ทำไมล่ะ ลิน คุณกลัวงั้นหรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิ มีอีการ้องดังมากมาย ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย” ผลินมองรอบๆ อย่างระมัดระสัง พอมีเสียงอะไรดังขึ้นมา เธอก็รีบเข้าไปกอดรพีพงษ์ไว้

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ พวกของเทวเทพกลับไป ตอนนี้คนที่อยู่ที่นี่ก็มีเพียง รพีพงษ์กับนันท์ธร และกำลังทหารที่นันท์ธรนำมาด้วย

รพีพงษ์อยู่ต่อ ผลินก็ไม่ยอมกลับออกไป แล้วนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่เป็นเพื่อนรพีพงษ์ ตอนนี้ผลินถูกเสียงร้องในป่าทำให้ตกใจจนตัวสั่น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน