พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1614 ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด

บทที่ 1614 ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด

รพีพงษ์ก็มองผลิน แล้วก็รู้สึกว่าไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเธอกลัว แต่ก็ยังจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ ตนเองก็ไม่ใช่แฟนที่คอยดูแลเธอเสียหน่อย เรื่องอื่นสามารถช่วยเธอได้ แต่เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ

แล้วก็มองผลิน พร้อมพูดว่า “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับไป ผมเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่ก็ทรมานเปล่าๆ”

“ไม่ ฉันไม่อยากกลับไป ฉันกลับไป แล้วคุณอยู่ที่นี่ก็กลัวเหมือนกัน ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่ จะแยกกับคุณไม่ได้”

รพีพงษ์ก็หลุดยิ้มออกมา ถ้าตนเองจะกลัวกับสิ่งพวกนี้ล่ะก็ จะยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้งั้นหรือ?

เขารู้ว่าผลินไม่อยากกลับไป แต่ตอนกลางคืนอากาศมันเย็น เขาเองก็ไม่อยากให้ผลินมาอยู่เป็นเพื่อนตนเองแบบนี้ทั้งคืน

เดิมที่เมื่อครู่นี้ก็แค่ลองใจผลินดู ดูสิว่าผลินจะกลับไปหรือเปล่า ตอนนี้เธอไม่อยากกลับไป ตนเองก็ทำอะไรไม่ได้

สายตาของรพีพงษ์ก็มองผลินที่กอดแขนตนเองอยู่ แล้วพูดว่า “ปกติคุณก็เป็นคนที่แรงไม่เยอะนี่ แต่มากอดผมจนผมหายจะไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย ปล่อยผมออกก่อนได้ไหม?”

ผลินได้ยินดังนั้น ก็ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็รีบปล่อยมือออก พร้อมพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยแล้วกัน”

“ไม่เป็นไร ผมเป็นพี่ชายของคุณ ก็สมควรอยู่ อีกอย่างแรงของคุณเท่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไรหรอก” รพีพงษ์แค่นึกถึงอารียาขึ้นมา แล้วเขาก็ไม่คุ้นชินที่จะให้ผู้หญิงมากอดตนเองแบบนี้

จริงๆ แล้วต่อให้รอบกายมีผู้หญิงมากมาย เขาก็รู้สึกว่าตนเองผิดต่ออารียา ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอารียาเป็นอย่างไรบ้าง

สองสามีภรรยาตกลงกันไว้แล้วว่าจะฝึกวิชาด้วยกัน ตอนนี้อยู่กันคนละที่ จะเจอหน้ากันสักทีก็ยาราวกับขึ้นสวรรค์ แล้วจะฝึกวิชาด้วยกันได้อย่างไร?

ตนเองคิดถึงอารียา อารียาเองก็คงคิดถึงตนเองเหมือนกัน สองคนเราเมื่อไรจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขกันสักที นี่คือความหวังของรพีพงษ์ แต่ก็ไม่อาจจะเป็นจริงได้

ผลินได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ในใจก็เจ็บปวด รพีพงษ์ตั้งใจพูดว่าเป็นพี่ชายกับน้องสาว จริงๆ แล้วก็แค่อยากสร้างระยะห่างกับตนเองก็เท่านั้นเอง

ผลินก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ได้เป็นคนโง่

แต่ว่าในเมื่อรพีพงษ์ไม่ชอบแบบนี้ ตนเองก็ไม่ควรทำแบบนี้ ถ้านานไปเข้า ก็จะมีใจมากขึ้นไปอีก ตอนนี้รพีพงษ์มีท่าทางกับตนเองไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ผลินรู้ดีว่า ตอนนี้รพีพงษ์มองเธอว่าเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง

เพียงแต่ว่าในใจของรพีพงษ์นั้น ผลินเป็นแค่น้องสวเท่านั้น ถ้าอยากจะมีตำแหน่งในหัวใจของรพีพงษ์ ก็ยากกว่าได้ขึ้นสวรรค์เสียอีก

เธอก็มองรพีพงษ์ แล้วตั้งใจถามรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ หรือว่าชีวิตนี้ฉันเป็นได้เพียงน้องสาวของคุณเท่านั้นหรือ?”

“ผมเห็นคุณเป็นน้องสาวมาโดยตลอดนะ ลิน คุณก็รู้ว่าผมมีภรรยามีลูกแล้ว ที่ผมไม่พูด ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้นะ ถ้าผมแต่งงานกับคุณ แล้วจะมีหน้าไปสู้กับลูกและภรรยาผมได้อย่างไร อีกอย่าง ต่อให้ผมแต่งงานกับคุณไป ในใจผมก็ไม่มีคุณอยู่ดี สุดท้ายมันก็ไม่ยุติธรรมกับคุณ”

“ฉันไม่สนอะ รพีพงษ์ ฉันไม่สนเรื่องพวกนี้จริงๆนะ ฉันรู้สึกว่า ฉันจะต้องได้เป็นภรรยาของคุณเท่านั้น ถึงจะได้อยู่ข้างๆ คุณไปตลอด”

ผลินพูดไปพูดมาก็อารมณ์ขึ้น ไม่รักแล้วไง ขอเพียงในใจตนเองมีเขา ก็เพียงพอแล้วนี่ เรื่องนี้จะให้รพีพงษ์ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้

แม่ของตนเองก็เสียไปแล้ว ผลินรู้สึกว่า ความหวังของตนเองก็คือ ต้องแต่งงานกับรพีพงษ์ ไม่ว่ารพีพงษ์จะยินยอมหรือไม่ ตนเองก็จะต้องพยายามทำให้รพีพงษ์รักตนเองให้ได้

รพีพงษ์ได้ยินผลินพูด ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาก็ดุไปเบาๆ ว่า “ถ้าคุณจะเอาแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ข้างๆ ผมแล้ว ผมให้ในสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้ คุณมาอยู่ข้างกายผม มันก็เป็นเหมือนกับการทรมานอย่างหนึ่ง คุณรู้ไหม?”

“ฉันไม่รู้ รพีพงษ์ ฉันรู้แค่ว่า ในใจฉันมีคุณอยู่ นอกจากคุณแล้ว ฉันก็ไม่ต้องใครทั้งนั้น ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีใครเทียบคุณได้เลย คุณเป็นสุดยอดในหัวใจของฉันเลย”

คำพูดของผลินนั้นมีเหตุผลมาก สำหรับเธอแล้วรักใครสักคนมันไม่ผิดหรอก รพีพงษ์เป็นวีรบุรุษแบบนี้ ข้างกายจะมีใครเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เป็นอะไร รพีพงษ์ไม่ต้องรู้สึกว่าแบกรับภาระอะไรหรอก

อนาคตต่อให้ต้องกลับไปพร้อมกับรพีพงษ์ ตนเองก็จะเคารพต่อภรรยาของรพีพงษ์ให้มากพอ จะไม่เสียมารยาทต่อภรรยาเขาเด็ดขาด

รพีพงษ์ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน ตนเองก็จะเลี้ยงเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง รพีพงษ์เข้ามาในโลกของผลิน จะปลีกตัวออกไปก็ยาก ผลินก็ตามติดตัวของรพีพงษ์อย่างกับเงาตามตัว

บางครั้งรพีพงษ์ก็รู้สึกว่าเอมือระอา ตนเองก็แค่ผดุงคุณธรรม ทำเรื่องดีไปเท่านั้นเอง แต่กลับทำให้ผลินหลงรักตนเองจนลืมไม่ลงแบบนี้

ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่ว่าไม่บ้าเหมือนกับผลินแบบนี้

เขาหายใจเข้าอย่างลึก แล้วก็มองผลินที่มีท่าทางชมดชม้อยอยู่ตรงหน้า แล้วก็พูดกับผลินจากใจว่า “คุณรู้ไหมว่าอยู่กันกินสองคนตลอดชีวิต มันหมายความว่าอย่างไรไหม?”

“อยู่กินกันจนแก่เฒ่า คุณจะหมายถึงอันนี้ใช่ไหม?” ผลินจริงจังขึ้นมา “ฉันก็คิดกับคุณแบบนี้แหละ อยู่กับคุณไปจนแก่”

รพีพงษ์ก็ยิ้มแบบเอือมระอา “คุณพูดแบบนี้ คุณก็ไม่ถูกแล้วล่ะ ผมมีภรรยาแล้ว ผมจะอยู่กับภรรยาของผมจนแก่เฒ่า ถ้าระหว่างนั้นมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาอีกคน แล้วผมจะทนอยู่กับคำสัตย์ที่ผมเอ่ยออกไปแล้วได้อย่างไร?”

รพีพงษ์พูดตั้งใจมาก ผลินก็มองบนใส่รพีพงษ์ เธอรู้ว่าเขาจะให้ตนเองออกมาจากตรงนั้น เธอรู้ว่ารพีพงษ์หมายความว่าแบบนี้

และรู้ว่าตนเองไปรักคนที่มีภรรยาแล้ว มันไม่ถูก แต่ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้นี่

ตนเองไปหลงรักรพีพงษ์มันผิด แต่แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น จะให้ลืมไปเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ตั้งแต่อดีต ด่านความรักมันผ่านยาก ขอเพียงอดทนก็จะผ่านไปได้ แต่ว่า ต่อให้รพีพงษ์พูดและแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมาแล้ว ผลินก็ยังไม่มีทางที่จะยอมแพ้

เธอรู้ว่ารพีพงษ์มั่นคงในคุณธรรม และรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ถูก แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

รพีพงษ์มองผลินไม่ยอม ก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอา ในโลกนี้มีผู้ชายมากมาย ผลินก็เป็นผู้หญิงที่โดดเด่น จะมาเสียเวลาอยู่กับตนเองทำไมกัน?

เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ตนเองมีลูกมีภรรยาแล้ว จุดนี้ไม่เข้าใจจริงๆ

เสียงร้องของอีกาก็ดังไม่หยุด รพีพงษ์เริ่มรู้สึกว่ารำคาญ ก็เลยเหาะขึ้นไปบนต้นไม้สูงต้นหนึ่ง พอเห็นว่าผลินยังร้องไห้อยู่หัลงก้อนหินอยู่ ก็ไม่คิดจะสนใจผลินอีก

ถ้าเป็นอารียาร้องไห้อยู่ที่นั่นล่ะก็ เขายังยอมเข้าไปดู แต่ผลินไม่ได้

ผู้หญิงแบบนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจริงๆ รพีพงษ์ก็นึกถึงว่าถ้าตนเองเข้าไปปลอบผลิน ผลินก็จะยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม เสียใจหนักกว่าเดิม

ต่อไปเจอเรื่องอะไรก็ต้องมาร้องไห้กับตนเอง แล้ววันๆ หนึ่งจะต้องทำงานทำการกันไหมล่ะ?

รพีพงษ์ก็สร้างข่ายอาคมออกมา เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากด้านนอก ทางฝั่งของนันท์ธรที่ไกลออกไป ก็คงไม่มีอันตรายอะไร

พอนึกขึ้นได้ ก็พักผ่อนอยู่บนต้นไม้ แล้วก็คอยดูคนในโลกห้วงเวลาไปด้วย ด้านในยังคงเงียบสงบดี

ผลินร้องไปร้องมา ก็เห็นว่ารพีพงษ์เงียบไป พอหันไปดูก็เห็นว่ามีอสูรตัวสีดำๆ กำลังเดินเข้ามา……..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท