Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 182

ตอนที่ 182

บทที่ 182 สงสัยในความสามารถของผม

หลังจากนั้นสองวัน ทางสำนักงานตรวจสอบอาหารและยาก็แถลงประกาศอย่างเป็นทางการออกมา ว่าเหม่ยทงได้ผ่านการตรวจสอบมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว ผลิตภัณฑ์ยาได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

อีกทั้งบริษัทการผลิตยาเทียนอีก็ได้เปิดงานแถลงข่าวที่เมืองหนานเฉิง ประกาศตลอดทั้งกระบวนการผลิตของยาตัวนี้ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาจนถึงออกวางจำหน่าย ได้มาตรฐานที่ครอบคลุมเข้มงวดอย่างแน่นอน ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ยาปลอมที่ถ่ายเทหมุนเวียนอยู่ในท้องตลาด

ตอนนี้ทางตำรวจได้กำลังทำการตรวจสอบแหล่งที่มาของการแพร่กระจายข่าวในทางไม่ดีของยาตัวนี้บนเว็บไซต์ บวกกับหลักฐานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอีจัดหาให้อีก สุดท้ายหาพบสำหนักงานหนังสือพิมพ์แห่งนึง

เพียงแต่ผู้รับผิดชอบกลับแสดงท่าทีไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยแพร่กระจายข่าวยาปลอมใดๆเลยแม้แต่น้อย

บริษัทโป๋ทงกรุ๊ป

ฉีเซินมองดูรายงานข่าวที่อยู่บนเว็บไซต์ ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมา

“祁总 คุณคิดว่าต้องการร่วมมือกับบริษัทการผลิตยาเทียนอีต่อไปหรือไม่ครับ?” ฉืออี้เหิงเดาความคิดของฉีเซินไม่ออก

“สัญญาได้เซ็นไปแล้ว คุณฉือหวังจะให้พวกเราบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปยกเลิกสัญญา?” ฉีเซินหรี่ตาลง

“แน่นอนว่าไม่ใช่ครับ ผมแค่กลัวว่าชื่อเสียงของยาตัวนี้ไม่ค่อยดีแล้ว จะส่งผลกระทบต่อยอดขาย” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้วขึ้น

อยู่ในตำแหน่งที่สูง รายละเอียดที่เขาต้องคิดพิจารณาก็จะต้องมากเป็นธรรมดา

“นั่นก็เป็นปัญหาที่คุณจะต้องจัดการ ทำไมครับ ยังจะต้องให้ผมสอนคุณ?” สายตาของฉีเซินเปลี่ยนเฉียบคม

ฉืออี้เหิงพยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ในทันที

ออกมาจากห้องทำงาน ฉินเฟยรออยู่ที่ด้านนอก เจอกับฉืออี้เหิง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

“วันนี้ลมอะไรหอบคุณนายฉีในอนาคตมาได้ครับ” ฉีเซินดูดบุหรี่เข้าไปคำนึง ในสายตาเผยรอยยิ้มที่รู้สึกหนักอึ้งภายในจิตใจออกมา

”บริษัทการผลิตยาเทียนอีตรวจสอบพบสำนักพิมพ์ข่าวอีหยินแล้ว คุณไม่กังวลว่าจะตรวจสอบมาถึงตัวฉันเลยหรือยังไงกันคะ?” ฉินเฟยเป็นกังวลเล็กน้อย

เป็นเธอที่ยืมสำนักพิมพ์ข่าวอีหยินแพร่กระจายข่าวยาปลอมออกไป แต่ก่อนหน้านี้นั้น เป็นเพราะได้รับคำสัญญาจากฉีเซินว่าจะปกป้องคุ้มครองเธอเอาไว้

เพียงแต่ เรื่องนี้เป็นความลับตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่ตอนนี้ฉีเซินกลับดูเหมือนไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“สงสัยในความสามารถของผม?” ฉีเซินประชิดเข้ามาใกล้ นิ้วมือที่เรียวงามเชยคางของฉินเฟยขึ้นอย่างกะทันหัน

เพียงครู่เดียว ระยะห่างของทั้งสองคนก็ใกล้กันเป็นอย่างมาก

ฉินเฟยขมวดคิ้วขึ้น เดิมทีเธอก็ไม่ได้เชื่อใจฉีเซินไปซะหมด เพียงแต่ตอนนี้ ไม่พึ่งเขาไม่ได้

“ไม่กล้าค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ คิ้วกลับขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา

ฉีเซินยกมุมริมฝีปากบางขึ้น ปลายนิ้วมือไล่ลงมาด้านล่าง สุดท้ายหยุดอยู่ที่บริเวณลำคอของฉินเฟย

สายตาหยุดชะงักลง เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ถึงอย่างไรคุณก็ยังเป็นว่าที่ภรรยาของผมอยู่ ทำชีวิตส่วนตัวให้สะอาดหน่อย หืม?”

ฉินเฟยสั่นไปทั่วทั้งตัว ประสารเข้ากับสายตาที่น่าหวาดกลัวของเขา คิดว่าบนลำคอของตนเองมีรอยจูบอ่อนๆอยู่ ความลนลานที่อยู่ภายในสายตาก็ปรากฏขึ้น

“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่” เธอผลักเขาออก

ฉีเซินมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้ง “คุณน่ะยังไม่ใช่คุณนายฉี สิทธิ์ในการคืนสินค้าอยู่ที่ผม”

สีหน้าของฉินเฟยซีดเผือดขึ้นมาในทันที เธอรู้ ว่าฉีเซินนั้นพูดได้ทำได้

เดินเข้าไปในห้องน้ำ ฉินเฟยยืนอยู่ที่หน้ากระจก กลับไม่เห็นรอยจูบแม้แต่นิดเดียว นี่ฉีเซินเขา…หลอกเธอ?

คิดถึงสายตาที่เย็นเฉียบของเขา หรือว่าเขาค้นพบอะไรแล้ว?

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเขาจากฉืออี้เหิง

ฉินเฟยขมวดคิ้ว ตัดสายทิ้งไปในทันที

เพิ่งจะออกมาจากบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป คิดไม่ถึงว่าที่หน้าประตูเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังรอเธออยู่

“ฉินเฟยึ พวกเรามาคุยกันหน่อย?” เวินจิ้งสวมชุดกระโปรงสีพื้นดำสนิท บนใบหน้าตกแต่งด้วยสีอ่อนๆ เพิ่มความสง่างามและมีเสน่ห์ขึ้นมาเล็กน้อยโดยธรรมชาติ

ฉินเฟยหยุดชะงักลงไปเล็กน้อย ไม่ได้สนใจเวินจิ้ง “พวกเราไม่มีอะไรน่าคุยกัน”

“นี่คุณฉินร้อนตัวแล้วหรอคะ?” เวินจิ้งหรี่ตาลง ลักษณะท่าทางน่ากลัวยิ่งนัก

ฉินเฟยสูดหายใจเข้าเต็มปอด สองมือกอดอก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ฉันจะต้องร้อนตัวอะไร? งั้นก็ไปร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็แล้วกัน”

ทั้งสองคนนั่งลงบนที่นั่ง ฉินเฟยยกกาแฟขึ้น อารมณ์ขุ่นเคืองเป็นอย่างมากอยู่ตลอดเวลา

เวินจิ้งเหลือบตามองเธอ เสียงในลำคอเยือกเย็นเล็กน้อย “คุณทำอย่างนี้ทำไมคะ?”

“ฉันทำอะไรกัน?” ฉินเฟยอุทานออกมาอย่างประชดประชัน

เวินจิ้งยื่นเอกสารการตรวจสอบฉบับนึงไปให้กับเธอ ตามเบาะแสที่ทางฝ่ายตำรวจตรวจสอบพบสำนักพิมพ์ข่าวอีหยินนี้ มู่วี่สิงก็ถือโอกาสตามตรวจสอบพบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือฉินเฟยมาตั้งนานแล้ว

หากหลักฐานฉบับนี้ถูกส่งมอบให้กับทางตำรวจ ฉินเฟยมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะถูกดำเนินคดีตัดสินลงโทษ

เธอแทบจะนำเอกสารฉบับนี้ฉีกทิ้งไปในทันที เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดว่า “เวินจิ้ง เธออย่าใส่ร้ายฉัน นึกว่าหาเอกสารการตรวจสอบปลอมฉบับนึงได้ก็จะสามารถตัดสินลงโทษฉันได้อย่างนั้นหรอ? เธออย่าไร้เดียงสาเกินไปนักเลย”

“ในเมื่อฉันใส่ร้ายคุณ คุณฉินคุณกำลังร้อนรนอะไรอยู่อีกคะ?” เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา

“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีก็เท่านั้นเอง” ในขณะที่ฉินเฟยพูด ก็วางแก้วกาแฟลงแล้วเดินจากไป

เวินจิ้งมองดูแผ่นหลังของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “งั้นเอกสารฉบับนี้ ฉันส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกันนะคะ ลองดูว่าเป็นของจริงหรือว่าของปลอมกันแน่”

ฉินเฟยหยุดฝีเท้าลง กำหมัดแน่นจากนั้นก็คลายออก ผ่านไปเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ย้อนกลับมา

“เธอคิดจะเอายังไงกันแน่?” ฉินเฟยจ้องมองเธออย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เวินจิ้งส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา กลับคิดไม่ถึงว่า เธอก็สามารถมีวันที่ข่มขู่ฉินเฟยได้เช่นเดียวกัน”

“ห้าปีก่อนวิทยานิพนธ์ของฉันถูกรายงานว่าคัดลอก มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า?” เวินจิ้งจ้องดวงตาของฉินเฟยอย่างตาไม่กระพริบ

เธอเม้มริมฝีปาก ในเวลานี้ได้นิ่งสงบลงมา

เห็นได้ชัดว่า เวินจิ้งมีการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมา

“ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” ฉินเฟยตอบกลับ

“มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉืออี้เหิงหรือเปล่า?” เวินจิ้งเอ่ยถาม

ฉินเฟยมองดูเธอ ผ่านไปเป็นเวลานาน จากนั้นก็ส่ายศีรษะ เอ่ยขึ้นอย่างน้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ ตอนนั้นฉืออี้เหิงยังคบกับเธออยู่ เธอไม่ใช่ว่าควรจะชัดเจนมากยิ่งกว่าหรอ?”

“หากเธอไม่ได้มีการคัดลอกจริงๆ มหาวิทยาลัยจะตัดสินความผิดของเธอได้ยังไงกัน เวินจิ้ง เธออย่าหลอกตัวเองเลย” ฉินเฟยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

เวินจิ้งโน้มสายตาลงต่ำ กัดริมฝีปากของตนเองแน่น

วิทยานิพนธ์ของเธอเป็นสิ่งที่เธอพิมพ์ทีละตัว ทีละตัวลงบนคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง นอกเสียจากว่าถูกสับเปลี่ยน ไม่อย่างงั้นไม่มีทางมีความน่าสงสัยในการคัดลอกได้

“ในเมื่อคุณไม่ยอมพูดความจริง งั้นเอกสารฉบับนี้ฉันก็ทำได้เพียงส่งมอบให้กับทางสถานีตำรวจแล้ว” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

ได้ยินดังนั้น ความเยือกเย็นภายในดวงตาของฉินเฟยก็ค่อยๆปรากฏขึ้น ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดว่า “เวินจิ้ง ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!”

เพียงแต่ ความรู้สึกบนใบหน้าของเวินจิ้งปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ

“ฉันเตือนเธอนะ ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว ไม่อย่างงั้น มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัว!” ฉินเฟยทิ้งประโยคนี้เอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า “ต่อให้เธอนำเอกสารส่งมอบให้กับทางสถานีตำรวจ ฉันก็ยังคงเป็นคำตอบนี้ ฉันไม่รู้อะไรเลย!”

หลังจากที่ฉินเฟยจากไป เวินจิ้งนั่งอยู่ในร้านกาแฟเพียงคนเดียว กาแฟที่อยู่ในแก้วเย็นชืดไปตั้งนานแล้ว เธอถึงได้มีการตอบสนองกลับคืนมา

กำลังจะออกไปจากที่นี่ ฝั่งตรงข้ามกลับมีเงาร่างที่สูงโปร่งนั่งลงมา

ฉีเซินสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็ค ดูสุภาพสง่างามไปทั้งตัว

เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา ไปชำระเงินในทันที

ฉีเซินกลับเรียกเธอเอาไว้ “เจอเพื่อน ไม่คิดจะรำลึกความหลังกันหน่อยหรอครับ?”

“พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

“เป็นเพราะมู่วี่สิงไม่อนุญาตให้คุณคบเป็นเพื่อนกับผมใช่หรือเปล่า?”

เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น “คุณอยากจะเป็นเพื่อนกับฉัน ว่าที่ภรรยาของคุณไม่โกรธเอาหรอคะ?”

“ในเมื่อเป็นการคบเพื่อนแบบธรรมดา เธอมีอะไรที่น่าโกรธกัน” ฉีเซินยกมุมริมฝีปากบางขึ้น

“คุณค่อยๆนั่งไปนะคะ ฉันต้องไปแล้ว” เวินจิ้งไม่ได้อยู่ต่อ

สีหน้าของฉีเซินบึ้งตึงลงอย่างช้าๆ สายตาตกอยู่บนแผ่นหลังที่ผอมบางและงดงามของเวินจิ้ง ความร้อนแรงภายในสายตาค่อยๆปรากฏขึ้น แต่กลับถูกเขาระงับลงไปอีกครั้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท