บทที่ 199 ไม่ค่อยยินดี
แต่เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นก็เห็นเวินจิ้งแล้ว ฉืออี้เหิงแทบจะปล่อยมือทันที
ฉีเฟยไม่พอใจพักหนึ่ง “ตามหลอกหลอนกันจริงๆ”
ฉืออี้เฟยขมวดคิ้ว เดินไปหาเวินจิ้ง
ข้างหน้ามีเงาปกคลุมลงมา เวินจิ้งรู้ทันทีเลยว่าเป็นใคร
“มีธุระอะไร?” น้ำเสียงเธอนิ่งๆ
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ฉืออี้เหิงทำหน้าเย็นชา
เมื่อกี้ภาพที่เวินจิ้งเห็นนั้น ถ้าเธอพูดออกไปส่งเดช ผลที่จะตามมาต้องไม่ดีแน่ๆ
สำหรับเขา และฉินเฟย ต้องมีผลกระทบแน่!
“ฉันมากินข้าวที่นี่ยังขวางคุณอีกหรอ?” เวินจิ้งก้มหน้าลงอย่างไม่พอใจ
สองคนนี้ถึงไม่มีเรื่องก็จะหาเรื่องมาให้ได้
แต่ฉินเฟยเป็นคู่หมั้นของฉีเซินไม่ใช่หรอ กลับคิดไม่ถึงจริงๆ แต่สองคนนี้อยู่ด้วยกันมันก็มีแต่
เรื่องไม่ดีอยู่แล้ว
“เพียงแต่รู้สึกบังเอิญเฉยๆ” ฉืออี้เหิงก้มหน้าลง
“คุณจะมาตักเตือนฉัน ไม่ให้เอาเรื่องที่คุณกับฉินเฟยอยู่ด้วยกันไปพูดสินะ” เวินจิ้งตอบแบบไม่
แยแส
ฉืออี้เหิงตัวสั่น พร้อมกับกำหมัดไว้แน่น
ฉินเฟยที่อยู่ข้างๆ กอดอกอย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอรู้ก็ดีแล้ว เวินจิ้ง ปิดปากของเธอให้ดี”
เวินจิ้งยิ้มเยาะเย้ย เธอกลับไม่ได้สนใจที่จะพูดเรื่องซุบซิบคนอื่น
แต่สองคนนี้ มีผลต่อจิตใจเธอที่สุด
เวินจิ้งหยุดกินของที่อยู่ตรงหน้า แล้วไปเดินเล่นอยู่บริเวณนั้น ค่ำแล้ว ในห้างสรรพสินค้ายังคงคึกคัก
ระหว่างเวินจิ้งเดินเล่นอยู่ ก็หยุดเดินอัตโนมัติที่หน้าร้านเสื้อผ้าของผู้ชาย
ในตู้โชว์นั้น สะดุดตาเข้ากับเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ที่ฝังด้วยทอง
ปกติเสื้อเชิ้ตสีขาวของมู่วี่สิงก็มีเยอะพอแล้ว แต่ตัวนี้ เหมือนว่าเธอไม่เคยเห็นเหมือนแบบที่เขา
เคยมีมาก่อน
พนักงานร้านเห็นว่าเวินจิ้งยืนอยู่ข้างนอก รีบไปต้อนรับทันที “นางสาว คุณตาถึงจริงๆ” นี่คือสินค้า
จำนวนจำกัดออกเป็นซีซั่นแรกของทางร้านเราเลยนะคะ เหลือแค่ตัวเดียวแล้วค่ะ ถ้าสนใจต้อง
รีบซื้อเลยนะคะ”
เวินจิ้งชะงัก ลังเลนิดหน่อย
“ซื้อให้แฟนหรอคะ? เขาสูงเท่าไร หนักเท่าไรคะ?” พนักงานถามอย่างกระตือรือร้น
“190 เซนติเมตร เรื่องน้ำหนักฉันไม่แน่ใจ แต่รูปร่างเขาดีมาก” เวินจิ้งคิดแล้วตอบ
เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้ำหนักของผู้ชาย แต่เธอเคยเห็นกล้ามของมู่วี่สิง สมบูรณ์แบบราวกับหุ่นที่
แกะสลักออกมา ทำให้คนหลง
“นี่คือไซส์ใหญ่ค่ะ น่าจะโอเคนะ” พนักงานยื่นเสื้อให้เวินจิ้ง
เพียงแค่วินาทีเดียว ผู้จัดการร้านรีบวิ่งเข้ามา ลากพนักงานไป “เสื้อเชิ้ตตัวนี้โดนจองไว้แล้ว”
“เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อตัวสุดท้ายไม่ใช่หรอ?” สองคนนี้คุยกันเสียงกดดัน
“เมื่อเที่ยงมีลูกค้าท่านหนึ่งได้ชำระเงินไว้แล้ว” ผู้จัดการก้มหน้า
ตอนนี้เสื้อเชิ้ตอยู่ในมือเวินจิ้ง พวกเขาก็รู้สึกเกรงใจที่จะหยิบมา
เพียงแต่เวินจิ้งได้ยินบทสนทนาที่สองคนคุยกันอย่างเบาๆ ลักษณะที่มู่วี่สิงใส่เสื้อเชิ้ตตัวนี้ …..
โผล่ขึ้นมาในหัวอัตโนมัติ
ดูดีมาก…..
เธอรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“คุณฉี คุณมาแล้ว! ” ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงฝีเท้าจากไกลๆ ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ
จากด้านหลัง ผู้จัดการร้านรีบโค้งต้อนรับทันที
เวินจิ้งเงยหน้ามอง ที่แท้ได้เจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด
เห็นได้ชัดว่าฉีเซินเองก็เห็นเวินจิ้ง ยกริมฝีปากที่บอบบางขึ้น เดินเข้าไปหาเธอ
เห็นในมือเธอนั้นถือเสื้อเชิ้ตอยู่ ถามแบบหยอกๆ “ซื้อให้มู่วี่สิงหรอ?”
เวินจิ้งก้าวถอยหลังครึ่งก้าวอย่างระวังตัว “ไม่ใช่ธุระของคุณ”
ฉีเซินยิ้มอย่างไม่แยแส แต่ไม่ได้โกรธ
ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆกระวนกระวายมาสักพักแล้ว ตอนนี้ยังเอาเสื้อเชิ้ตให้ฉีเซินไม่ได้ ไม่กล้าเปิดปากพูด
“จิจิ ฉันให้คุณลองเสื้อได้นะ เวินจิ้ง เป็นมิตรกับผมหน่อยสิ ผมไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีนะ” น้ำเสียง
ฉีเซินเบาอย่างอ่อนโยน
เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า จริงๆแล้ว รูปร่างของมู่วี่สิงไม่ต่างกันมาก
“ไม่จำเป็นค่ะ” ผ่านไปสักพัก เวินจิ้งยังคงปฏิเสธ
ฉีเซินขมวดคิ้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่หล่อคนหนึ่ง เวินจิ้งทำหน้าเย็นชาใส่ตลอด ก็ไม่สบาย
ใจ
เวินจิ้งเอาเสื้อส่งให้พนักงาน “ช่วยห่อให้ฉันหน่อย”
พนักงานมองเวินจิ้ง แล้วก็มองฉีเซินที่พึ่งเข้ามา แต่ไม่ค่อยที่จะกล้ารับมา
เสื้อตัวนี้ถูกฉีเซินจองไว้แล้ว
เพียงแต่ ที่อยู่ตรงหน้าสองคนนี้ในเมื่อรู้จักกัน…..ผู้จัดการนั้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที
“นางสาวท่านนี้ เสื้อเชิ้ตตัวสุดท้ายนี้ได้ถูกคุณผู้ชายข้างๆนี้จองไปตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ ไม่งั้น พวก
คุณลองปรึกษากันดูนะคะ”
เดิมทีควรจะเป็นปัญหายากของผู้จัดการ แต่โยนไปให้เวินจิ้งกับฉีเซินจัดการกันเอง
ฉีเซินเลิกคิ้ว มองไปที่เวินจิ้ง
ตอนนี้เสื้อเชิ้ตอยู่บนมือเธอ เห็นชัดเลยว่าเธอก็ชอบมากเหมือนกัน
แต่ว่า ถ้าหากเธอซื้อไปให้มู่วี่สิง เขาจะไม่ค่อยยินดีเท่าไร
“ในเมื่อฉันจองไว้ตั้งแต่เที่ยงก่อนแล้วเวินจิ้ง เอามาให้ฉัน” ฉีเซินยื่นมือออกมา
เวินจิ้งชะงัก มองที่เสื้อเชิ้ต ซึ่งไม่เคยลังเลขนาดนี้มาก่อน
เธอจะไม่แย่งของรักของคนอื่นมาหรอก
เพียงแต่ รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
ผู้จัดการคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้ง่ายขนาดนี้ โล่งใจ รีบเอาเสื้อเชิ้ตห่อให้ฉีเซิน เขาได้ชำระ
เงินทางเว็บไซต์แล้ว ผู้จัดการเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู
เวินจิ้งออกไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่นานฉีเซินก็ตามมาหลอกหลอนเธอ
เดิมทีเขาก็หล่อเหลาสะดุดตา สายตาเจ้าชู้คู่นั้นตอนหรี่ตาลง ยิ่งทำให้คนหลงใหล
หญิงสาวบริเวณนั้นต่างก็พากันมองมา
ฉีเซินนั้นไม่รู้ตัว เพียงครู่เดียวก็ไล่ตามเวินจิ้งทัน
“กินข้าวยังครับ?” เขาถาม
“ฉีเซิน คุณว่างมากหรอคะ?” น้ำเสียงของเวินจิ้งเย็นชาลง
เธอเร่งฝีเท้ารีบเดินออกไปจากหน้าประตู
“ถ้ายังไม่กิน ผมเลี้ยงคุณเอง ถือซะว่าชดเชยที่คุณซื้อเสื้อเชิ้ตไม่ได้แล้วกันนะ” ฉีเซินยกริมฝีปาก
ขึ้น
ตามติดเวินจิ้ง การกระทำนั้นล้วนทำตามสัญชาตญาณ เธอมักจะดึงดูดใจเขาอยู่เสมอ
“ไม่จำเป็นค่ะ”
ฉีเซินก้มหน้าไม่สบายใจ ครั้งนี้ ขวางทางเวินจิ้งไว้
“ไว้หน้าผมบ้าง?” ฉีเซินหรี่ตา สายตาแฝงไปด้วยความโมโห
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ในหัวปรากฏภาพเมื่อกี้ที่ฉืออี้เหิงกับฉินเฟยจับมือกันขึ้นมาทันที
เธอยิ้มเยาะ ตอบกลับไปว่า “ฉีเฟย ไม่ควรจะเป็นฉันนะที่ต้องไว้หน้าคุณ ถ้าคุณว่างขนาดนี้จริงๆ
ไป
ดูแลคู่หมั้นของคุณให้ดีๆเถอะ”
ฉีเซินหน้าชา ฉินเฟย?
เขาไม่เคยอยู่เป็นเพื่อนเธอเลยจริงๆ
สำหรับเธอ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไมเคยใส่ใจเลย
เพียงแต่ พอได้ยินชื่อนี้ออกมาจากปากเวินจิ้ง ทำให้เขาคาดไม่ถึงนิดหน่อย
“ผมไม่ได้ว่างนะ แค่บังเอิญเจอคุณ” ฉีเซินตอบอย่างหน้าด้าน
“ฉันไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคุณหรอกนะประธานฉี ฉันควรกลับแล้ว” เวินจิ้งเดินอ้อมตัวเขาไป
ฉีเซินหรี่ตามองเสื้อเชิ้ตที่ถืออยู่ในมือ แล้วโยนทิ้งถังขยะอย่างเยือกเย็น
พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาสองคนที่คุ้นเคยผ่านสายตาอยู่ร้านค้าฝั่งตรงข้าม
เขาไม่ได้เดินเข้าไป เพียงแต่มองอยู่ไกลๆ สายตายิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
กลับถึงโรงแรม ในลิฟต์ เวินจิ้งได้เจอลี่หนานเฉิง ข้างกายเขาควงหญิงสาวซึ่งมีรูปโฉมงดงาม
เด่นกว่าใคร รูปร่างนั้นอ่อนหวานแช่มช้อย ใบหน้าสวยงามไร้ที่ติ พูดเสียงเบาๆ อยู่ในอ้อมกอดลี่
หนานเฉิงตลอดเวลา ทำให้ผู้ชายปลื้มปิตินัก
ลี่หนานเฉิงเชยคางเธอเชิดขึ้น ตอนเงยหน้าขึ้นถึงเห็นเวินจิ้งเดินเข้ามา
“พี่สะใภ้ ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ มู่วี่สิงหมอนั่นไปไหนแล้ว?