Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 234

ตอนที่ 234

บทที่ 234 เป็นที่หนึ่งในใจของฉัน

สามวันต่อมา คดีติดสินบนของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงได้ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ

มู่วี่สิงมากับเวินจิ้งด้วย

คดีนี้ได้รับการสอบสวนอย่างชัดเจนก่อนหน้าแล้ว เวินจิ้งนั่งอยู่ในที่พยาน โดยไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมา

คดีนี้เพราะเธอเป็นคนเริ่ม แต่ก็เกี่ยวข้องกับการทุจริต และติดสินบนในมหาลัยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนไม่น้อยที่ที่เป็นศัตรํกับเวินจิ้ง

เธอลดสายตาลง และฟังการตัดสินครั้งสุดท้ายอย่างเงียบๆ

สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ คดีอาชญากรรมของฉินเฟยถูกตัดสินลงโทษเบาที่สุด จำคุกแค่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น

แต่ฉืออี้เหิงถูกยืนยันว่าลอบทำร้ายเวินจิ้งโดยตรง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ และข้อหาหมิ่นประมาท เจ้าหน้าที่และครูที่เกี่ยวข้อง ทุกคน—ถูกตัดสินจำคุก

เมื่อได้ยินว่าฉืออี้เหิงถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี

เวินจิ้งรู้สึกอย่างชัดเจนได้ถึงสายตาเย็นชานั้นมองมาที่เธอ

เธอหันหน้าอย่างเฉยเมย เกือบถึงเวลาออกจาก

สำหรับผลลัพธ์เธอเชื่อว่าคำตัดสินของศาล มีข้อคัดค้านไม่มากเกินไป

เมื่อพ้นจากตำแหน่งพยาน ร่างของฉีเซินก็มาขวางทางเธอไว้

“เป็นไม่แปลกใจเหรอ เหตุใดอาชญากรรมทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ฉืออี้เหิง?” ฉีเซินถาม

“ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว

“ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เป็นเขาที่ตั้งใจให้เจ้าหน้าที่มหาลัยใส่ร้ายฉัน เขามีความผิดมันก็สวมควรแล้ว?”

“ฉืออี้เหิงทำร้ายเธอแรงจูงใจคืออะไร?”

“ฉีเซิน คุณต้องการบอกอะไรกับฉัน?” เวินจิ้งมองเธออย่างระมัดระวัง

“ไม่มีคนอยู่เบื้องหลังของฉืออี้เหิง เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องรับผิดชอบ แต่ว่า แล้วฉินเฟยล่ะ?”

“ถ้าหากมีคนต้องการลดโทษให้ฉินเฟย คนนั้นควรเป็นเธอไม่ใช่เหรอ?” ท้ายที่สุด บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปรับช่วงต่อจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ตระกูลฉีกับตระกูลฉินก็สนิทกันมาก

ฉีเซินยิ้ม “เวินจิ้ง ในหนานเฉิงผู้ชายที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือเดียว เธอคิดดูว่าเป็นใคร”

มู่วี่สิง

มีชื่อนี้โผล่มาในหัวสมอง แววตาของเขาสับสน

เป็นไปไม่ได้

“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร”

รู้ว่าเวินจิ้งได้นึกถึงใครแล้ว ฉีเซินไม่ได้พูดต่อ มือทั้งสองใส่เข้าไปในกระเป๋าเขา เขาพูดอย่างเงียบๆ “ฉันก็แค่เตือนเธอ ฉันก็ไม่มีหลักฐาน เธอไม่เชื่อฉันก็ช่วยไม่ได้”

เวินจิ้งเดินอยู่บนทางเดิน มองดูร่างของฉีเซินเดินออกไปไกล

ความเย็นรอบๆปกคลุมเข้ามา เวินจิ้งส่ายหน้า ไม่ เธอไม่สามารถฟังคำพูดของฉีเซิน

แต่ว่า ความสงสัยในใจนั้นเพิ่มขึ้นเหมือนเถาองุ่น สำหรับฉินเฟย หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เธอ แต่ต่อมาฉืออี้เหิงก็ถูกจับกุม ตอนนั้น เธอด็ได้ยินคำตัดสินของผู้พิพากษา ซึ่งไม่สอดคล้องกับการสอบสวนของตำรวจ

“คุณหญิงมู่” เสียงลึกต่ำได้ดึงสติของเวินจิ้งกลับมา ใบหน้าซีดของเธอตราตรึงในสายตาของมู่วี่สิง

“เหนื่อยไหม?” เขากอดเธอ

เวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไร ทันใดนั้นก็ผลักมู่วี่สิงออกอย่างรุนแรง

ความเยือกเย็นในดวงตาของผู้ชายแผ่ออกมา

เวินจิ้งถึงจะตอบสนองกลับมา เหมือนว่าตนเองจะทำเกินไป

“ใช่” เธอพยักหน้า ปิดบังอารมณ์ของตัวเอง

มู่วี่สิงไม่ได้ถามมาก โอบเธอเดินจากไป

แต่คำพูดของฉีเซินยังคงก้องในหัวสมองอยู่นาน

การ์เด้นมู่เจียวาน

เวินจิ้งดูข่าวในอินเตอร์เน็ต วันนี้มีเพียงการตัดสินของบุคลากรเพียงบางคนที่ถูกจัดขึ้นในศาล ทั้งคดีเกี่ยวข้องกันอย่างกว้างขวาง และยังคงอยู่ในระหว่างการสอบสวน

เพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงร่วงลงมา

หนานต้าเป็นมหาลัยเก่าของเธอ แม้ว่าเวินจิ้งจะผิดหวังแต่ก็กังวล

ได้รับสายจากอาจารย์ใหญ่เรียกให้เธอไปรับใบปริญญา เวิรจิ้งก็รีบไปในวันถัดไป

หากไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ที่ช่วยเธอ เกรงว่าเธอคงไม่ได้รับการตอบกลับอย่างราบรื่น

แต่เบื้องหลังนี้ เธอรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าเพราะมู่วี่สิงด้วย

“เวินจิ้ง นั่งลงสิ ไม่ต้องเกรง” ในห้องสำนักงานอาจารย์ อาจารย์ใหญ่ใจดีและเป็นกันเอง

“ระยะนี้เรื่องของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงวุ่นวายเต็มเมือง อาจารย์ใหญ่อย่างฉันอีกไม่นานก็จะต้องลาออกจากตำแหน่งแล้ว”

อาจารย์ใหญ่ก็อายุใกล้หกสิบแล้ว ตอนที่เวินจิ้งกำลังเรียนอยู่เขาก็ดำรงในตำแหน่งแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนานต้ารุ่งเรืองที่สุด

แต่ว่าเมื่อมองดูตอนนี้แล้ว บางทีอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองเหมือนก่อนหน้านี้ได้ในระยะสั้น

“อาจารย์ใหญ่ ตอนนี้ทุกอย่างได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ดีต่อมหาลัยและดีต่อนักเรียนด้วย” เวินจิ้งพูดปลอบ

“ฉันก็คิดเช่นนี้ แต่ว่าเรื่องนี้มีส่วนร่วมมาก ฉันคิดว่าตรวจสอบถึงตอนนี้ ก็พอประมาณแล้ว”

เดิมทีเวินจอ้งก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้สิ่งต่างๆได้ออกมาจากความตั้งใจเดิมแต่แรกของเธอ

“สำหรับเด็กเช่นเธอ ฉันได้พิจารณาแล้ว ให้เธอได้เป็นบัณฑิตวิทยาลัยโดยไม่ต้องสอบเข้า เธอคิดว่าอย่างไร?”

เวินจิ้งรู้สึกประหลาดใจ ปีที่ผ่านมาเธอก็พิจารณาโดยการไม่สอบเข้า แต่การตอบกลับมาว่าไม่ผ่าน โควตานี้คงไม่ตกมาถึงเธอ

ตอนนี้ โอกาสนี้ก็กลับมาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ หนานต้ากลับไม่ได้อยู่ในวิทยาลัยที่เธอต้องการสอบ

“อาจารย์ใหญ่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พิจารณาสอบเข้าหนานต้า” เวินจิ้งสารภาพ

แต่สิ่งที่เธอตั้งใจคือ เป็นมหาลัยอีกแห่งหนึ่งที่ดีกว่าในหนานเฉิง

อาจารย์ใหญ่จับคาง สีหน้าบนใบหน้าปรากฏความผิดหวัง

“เมื่อเธอได้พิจารณาดีแล้ว ฉันก็จะไม่โน้มน้าวอีก เหตุการณ์ในครั้งนี้ฉันมีความกดดันต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เวินจิ้ง ฉันก็อยากเตือนเธอ ต่อไปต้องระวังให้มากขึ้น นี่เป็นใบปริญญาของเธอ”

เมื่อมองเวินจิ้งเดินจากไป อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้ว กดโทรเบอร์ของมู่วี่สิง

“มหาลัยที่เวินจิ้งต้องการสอบ ต้องไม่ใช่มหาวทิยาลัยหลินไห่”

เมื่อได้ใบปริญญามาแล้ว เวินจิ้งก็ออกไปจากมหาลัย แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของอาจารย์ใหญ่

เธอนึกถึงคำพูดของอาจารย์ใหญ่ เรื่องราวไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนทั้งหมด

ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นอีก

เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นมู่เจียวาน ไม่คิดว่ามู่วี่สิงจะกลับมาแล้ว และทำอาหารในห้องครัว

ระยะเนี้เป็นแม่บ้านที่ทำอาหาร เธอไม่ได้ทานอาหารที่มู่วี่สิงทำนานแล้ว

เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว เธอกอดเขาจากด้านหลัง บอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขา “ฉันไปพบอาจารย์ใหญ่ แต่คำพูดของเขาฉันไม่ค่อยเข้าใจ”

“หืม? พูดอะไร?” มู่วี่สิงจับหน้าเธอหันมา จูบริมฝีปากสีเชอรรี่

เวินจิ้งไม่สามารถหลบได้ สักพักทั้งสองก็แยกจากกัน

เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์ใหญ่บอกฉันว่าต่อไปต้องระวังตัว หรือว่า จะมีคนทำร้ายฉันอีก?”

เมื่อได้ยิน ความเย็นชาก็ออกมาจากสายตาของมู่วี่สิง

เขาพูดด้วยเสียงลึก “คนที่ทำร้ายเธอ ฉันจะไม่ปล่อยไว้”

“จริงเหรอ?” เวินจิ้งมองดวงตาสีดำออบซิเดียนของเขา

น้ำเสียงของเธอค่อยข้างไม่แน่ใจ

“ใช่ ความปลอดภัยของคุณหญิงมู่ เป็นที่หนึ่งในใจของฉัน”

เขาพูดอย่างนี้ เวินจิ้งไม่สามทรถสงบลงได้

เธอไม่เคยมองมู่วี่สิงออก

“ต้องการสอบเข้ามหาลัยไหนไหม?” มู่วี่สิงถาม

“มหาวิทยาลัยหลินไห่ คุณคิดว่ายังไง?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของมู่วี่สิงเปลี่ยนไป แต่ก็ถูกมู่วี่สิงปิดบังความรู้สึกไว้อย่างรวดเร็ว

“ฉันไม่เข้าไปยุ่งการตัดสินใจของเธอ แต่ ฉันไม่แนะนำให้เธอสมัครสอบ ฉันต้องการให้เธอสมัครสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิง”

มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิงและมหาวิทยาลัยหลินไห่ล้วนเป็นสถาบันการวิจัยที่มีชื่อเสียงมาก ไม่ใช่ว่าเวินจิ้งจะไม่เคยพิจารณา

แต่ถ้าเธอได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิง เธอก็ต้องไปเป่ยเฉิง เธอไม่อยากออกไปจากหนานเฉิง

“เพราะอะไร?” เวินจิ้งถาม

“ความแข็งแกร่งของมหาลัยนั้นแข็งแกร่งกว่า แต่ สุดท้ายเธอก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง”

เมื่อมู่วี่สิงพูดเช่นนี้ เวินจิ้งก็ลังเล

แต่สำหรับมหาวิทยาลัยหลินไห่ การยึดถือของเธอค่อนข้างแน่วแน่

สุดท้าย ก็ได้สมัครสอบเข้ามหาลัยนี้

ความไม่พอใจในสายตาของมู่วี่สิงมองไปที่เวินจิ้ง ช่วงนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท