Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 243

ตอนที่ 243

บทที่ 243 รอคุณกลับบ้าน

เมื่อเห็นมู่วี่สิงจะเปิดกระเป๋าหนังสือของเธอ เวินจิ้งก็จะดึงกระเป๋ากลับมา

“อย่าขยับ ผมกำลังช่วยคุณตรวจสอบของดูว่าคุณเตรียมครบแล้วหรือยัง” มู่วี่สิงพูดอย่างซีเรียส

ทำไมมู่วี่สิงดูเหมือนกลายเป็นผู้ปกครองของเธอไปเสียแล้ว……

“ดินสอเสียแล้ว”

ชายหนุ่มเปิดกล่องดินสอออก ดินสอถูกเขาถืออยู่ในมือ

เวินจิ้งหยิบมาดู เป็นจริง ไส้ดินสอหักแล้ว เธอไม่ทันระวังจุดนี้

และในกล่องดินของเธอก็มีแต่แท่งนี้แท่งเดียวด้วย……

“ไปซื้อใหม่ใกล้ๆกับสนามสอบแล้วกัน” เวินจิ้งตอบ

มู่วี่สิงได้หยิบดินสอทั้งแถวออกมาจากในชั้นวางของของเขา หยิบมาสองแท่งแล้วใส่ไว้ในกล่องดินสอของเวินจิ้ง

เวินจิ้งงุนงง มู่วี่สิงซื้อดินสอมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“คุณ……”

“กลัวว่าคุณจะลืมไง” มู่วี่สิงตอบ

มู่วี่สิงมองดูที่สายตาของเขาที่เปลี่ยนไปมา แต่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าคือมู่วี่สิง อารมณ์ของเธอจึงต้องรีบเก็บไว้

“ขอบคุณ”

“เรียบร้อย อุปกรณ์เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว” มู่วี่สิงก็ได้คืนกระเป๋าหนังสือให้กับเธอ

เวินจิ้งอยากจะร้องเรียกคำนึงออกมาว่า “แม่” เลย……

เธอลดสายตาลง มุมปากแอบยิ้มขึ้น

ความปิตินี้ ได้เข้าไปอยู่ในสนามสอบ ในขณะที่เวินจิ้งกำลังทำข้อสอบ ในสมองก็ผุดหน้าของมู่วี่สิงที่กำลังตรวจสอบเครื่องเขียนให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจ

ปัดโธ่เอ้ย……เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียง

อาจารย์คุมสอบขมวดคิ้ว เข้ามาว่ากล่าว “นักศึกษาคะ กรุณาตอบข้อสอบอย่างตั้งใจค่ะ”

เวินจิ้งรู้สึกตัว ไม่กล้าเผลอไปคิดเรื่องอื่นอีก

……

การสอบตลอดทั้งวันก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่วี่สิงรอเธออยู่ข้างนอกโดยตลอด

เขาพิงที่ประตูรถ ใบหน้าอันหล่อเหลาดึงดูดนักศึกษาให้มาสนใจไม่น้อย

ในที่สุดก็มีนักศึกษาใจกล้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “คุณหมอมู่ เป็นคุณจริงๆด้วย?”

มู่วี่สิงเคยชินไปเสียแล้ว แต่ว่าในใจก็เป็นห่วงเวินจิ้ง สีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม

ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงการสอบก็จะสิ้นสุดลง

“คุณหมอมู่ ฉันได้ยินมาว่าคุณลาออกแล้วหรือ? คุณไปอยู่ที่ไหนหรอคะตอนนี้?”

ตอนนี้บรรดาแฟนคลับเริ่มคลายตัวลง เพราะข่าวคราวของมู่วี่สิงน้อยลง

จะมีเพียงแต่บางส่วนที่ยังคงติดตามรายงานเกี่ยวกับการเงินเศรษฐกิจถึงจะทราบถึงเรื่องราวมู่วี่สิงในตอนนี้

“เรื่องชีวิตส่วนตัวของผม กรุณาให้ช่องว่างกับผมหน่อยนะครับ” มู่วี่สิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“ก็ได้ค่ะ คุณหมอมู่ คุณมีเวยป๋อไหมคะ ช่วยบอกแอคเคาท์พวกเราหน่อยได้ไหม ไม่งั้นตอนนี้พวกเราก็จะไม่รู้เลยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ค่ะ”

“เวยป๋อ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว การโพสอะไรเล่นแบบนั้นสมัยเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยเล่นไม่กี่วันก็ไม่ได้เล่นอีกเลย

แต่ว่าดูแล้วพวกเด็กนักศึกษาเหล่านี้ไม่ยอมออกไปง่ายๆแน่ เขาจึงยอมบอกแอคเคาท์ออกไป

“คุณหมอมู่ คุณต้องขยันอัพเดทเวยป๋อคุณหน่อยนะคะ พวกเราจะคอยติดตามคุณนะ!”

“ทุกคนอยากเห็นผมลงอะไรบ้างหล่ะ?” เขาถาม

ตามปกติแล้วเขาเองก็ไม่มีการอัพเดทข้อมูลอะไรลงในที่สาธารณะ แต่ถึงแม้ว่าแอคเคาท์เขาจะนิ่งงันไม่เคลื่อนไหวมานาน แต่บรรดาแฟนคลับก็ยังคงมีเป็นหมื่น

“แน่นอนว่าเป็นชีวิตส่วนตัวของคุณไง!”

“ชีวิตส่วนตัวของผม?” มู่วี่สิงงุ้มริมฝีปากเขาขึ้น จากนั้นก็รีบอัพเดทเวยป๋อ

——รอคุณกลับบ้าน

……

เมื่อเวินจิ้งเดินออกมา ก็มองเห็นมู่วี่สิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่รายล้อมเขาอยู่

ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่แฟนคลับของเขาจริงๆ……

เมื่อเห็นเวินจิ้ง มู่วี่สิงก็เดินตรงมายังเธอ เป็นฝ่ายรับกระเป๋าหนังสือของเธอมา

มือเขาก็จับมืออันเรียวเล็กของเธอไว้

“คุณทำไมยังอยู่หล่ะ……”

ตอนกลางวันมู่วี่สิงก็รอเธอ คิดไม่ถึงว่าถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ยังไม่กลับไป

“ผมบอกแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอด” เขาโอบเธอ และจูบลงที่คิ้วของเธอ

รอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย เวินจิ้งก้มหัวลงต่ำ ผลักเขาออกไปเล็กน้อย

“อย่าวุ่นวายสิ”

“ผมยังไม่วุ่นวายสะหน่อย” ริมฝีปากของมู่วี่สิงแฝงด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมวุ่นวายขึ้นมา ก็ไม่ใช่แค่แบบนี้แน่”

เวินจิ้งครุ่นคิดตั้งนานถึงจะเข้าใจความหมายที่มู่วี่สิงพูด

เธอค้อนเขา “เกินไปล่ะ!”

ทันใดนั้น เสียงเบรกรถที่ดังขึ้นด้านข้าง เวินจิ้งหันมอง ฉีเซินกำลังเปิดประตูลงจากรถ

มู่วี่สิงก็เห็นเขาแล้ว

“เวินจิ้ง คำอวยพรของผมมาช้าไปหน่อย แต่ว่ายังไงคุณก็จะต้องได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหลินไห่แน่นอน” ฉีเซินเดินเข้ามาหาเธอ

เวินจิ้งตอบอย่างเรียบๆ “ขอบคุณค่ะ”

“คุณแม่ให้ผมมารับคุณ กลับไปกับผม ได้ไหมครับ?” ฉีเซินมองดูที่เธออย่างเป็นประกาย

สอบเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่มีธุระอะไร

เวลาที่จะสอบซ่อมก็ไม่ได้เร็วอย่างนั้น

ผ่านไปสองเดือนแล้ว บางที เธอก็ควรไปเยี่ยมเย่เวยหน่อย

“มู่วี่สิง คุณกลับไปเถอะ ฉันขอไปที่ตระกูลฉีสักรอบ”

เขากลับไม่ปล่อยมือ แต่กลับโอบตัวเธอไว้

“ผมไปเป็นเพื่อนคุณน่ะ”

ได้ยินเช่นนั้น ฉีเซินตอบเสียงเข้ม “คุณแม่ผมไม่ได้เชิญคุณ”

เวินจิ้งรู้ว่าฉีเซินกับมู่วี่สิงไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร หากว่ามู่วี่สิงก็ไปด้วย เกรงว่าจะทำให้บรรยากาศไม่ดีเป็นแน่

อีกทั้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับมู่วี่สิง เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

หย่าขาด มู่วี่สิงไม่เห็นด้วย

แต่จะให้เธออยู่ข้างกายเขาเหมือนอย่างแต่ก่อน ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกต่อต้าน

“มู่วี่สิง คุณกลับไปก่อนเถอะน่ะ”

ชายหนุ่มเม้มที่ริมฝีปาก แววตาเริ่มแผ่ความน่ากลัวออกไป

“คืนนี้ผมจะรอคุณที่ห้องนะ” ชั่วเวลาหนึ่ง เขาถึงจะตอบเสียงเข้มออกมา

เวินจิ้งไม่ได้ตอบเขา ผลักตัวมู่วี่สิงออก เกือบจะเป็นการแสดงออกว่าเธอเลือกขึ้นรถฉีเซินไป

สำหรับเธอแล้ว มู่วี่สิงเปรียบเสมือนยาเสพติด

เลิกไม่ได้แต่ก็จำเป็นต้องเลิก

รถขับไปยังชานเมืองอย่างช้าๆ หลินเวยรักความสงบ ตระกูลฉีสร้างอยู่บนครึ่งเขาในเขตชานเมือง

“เวินจิ้ง ถ้าหากคุณไม่อยากอยู่กับเขา ถ้าเช่นนั้นก็หย่าเถอะ” รถจอดลง ฉีเซินพูดอย่างเคร่งขรึม

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิงช่วงนี้ เขามองออกอย่างชัดเจน

เวินจิ้งกำลังต่อต้าน กำลังหลบหลีก

“นี่มันเป็นเรื่องของฉัน”

“อย่าลืมสถานะของตัวคุณ คุณคือคนในครอบครัวของผม ผมพูดก็เพื่อคุณ”

“เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามกับมู่วี่สิง ถึงได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนี้” เวินจิ้งตอบอย่างไม่แยแส

สำหรับฉีเซิน เธอก็ยังไม่สามารถเชื่อใจเขาได้ทั้งหมด

“เวินจิ้ง ผมพูดเพื่อคุณมาตลอด ไม่เกี่ยวอะไรกับมู่วี่สิงเลย!” น้ำเสียงของฉีเซินเย็นลง

“จริงหรอ?” เวินจิ้งงุ้มฝีปากเธอขึ้น

“คุณเชื่อใจเขาใช่ไหม?” เสียงของฉีเซินแทรกความรู้สึกบ้าคลั่ง

ความแค้นในตาเริ่มผุดขึ้น แต่ถูกเขาปิดบังเอาไว้

“ฉันแค่เชื่อตัวฉันเอง ถึงแม้ว่าคุณคือน้องชายฉัน ก็มาควบคุมฉันไม่ได้” เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา

ในสายตาของเธอ ญาติมิตรยังไงก็มีแค่เจี่ยนอี เป็นแม่ที่เลี้ยงดูเธอให้เติบใหญ่

แต่คนของตระกูลฉี สำหรับเธอแล้วนั้นยังเสมือนคนแปลกหน้า

“มู่วี่สิงเขามักมีแผนการกับคุณมาโดยตลอด ผมก็แค่ไม่หวังให้คุณนั้นถูกเขาหลอกลวงได้”

“เขาคือคนแบบไหน คุณเข้าใจลึกซึ้งหรือ?” เวินจิ้งมองดูฉีเซิน

“อย่างน้อย ก็เข้าใจมากกว่าคุณ”

“ถ้างั้นคุณก็บอกฉัน ว่าเขาเป็นคนอย่างไร?”

“เขาเป็นคนที่มีแผนการมาแต่ไหนแต่ไร คนของตระกูลมู่แต่ละคนไม่ธรรมดา สถานะซับซ้อน เวินจิ้ง มีแต่ผมที่สามารถปกป้องคุณได้”

“ฉีเซิน คุณเองก็มีแผนการกับฉันด้วย แรกเริ่มคุณใกล้ชิดฉัน ก็เป็นเพราะฉันเป็นคนใกล้ชิดของมู่วี่สิงไม่ใช่หรอกหรือ?” เวินจิ้งพูดคมมองไปยังเขา

เธอเป็นเพียงคนสามัญธรรมดา ก่อนหน้านี้ฉีเซินไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเธอ

การใกล้ชิดเธอ ก็เพราะว่ามู่วี่สิง

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมนั้นชอบคุณมาตลอด” น้ำเสียงฉีเซินยังคงหนักแน่น

หากว่าเวินจิ้งกับเขาไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกัน เขาก็จะต้องแย่งเธอมาจากในมือของมู่วี่สิงเป็นแน่

แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า เธอและเขานั้นมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด

สิ่งนี้เป็นความจริงที่เขาไม่ยอมรับไม่ได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท