บทที่ 264 เปิดโลกกว้างให้เธอ
มู่วี่สิงเดินออกมาจากออฟฟิศ ที่ทำงานข้างๆ เวินจิ้งกำลังดูมือถืออยู่
ความรักใคร่ในตาทอประกายออก เขาเดินไปหา
“มาแล้วก็ไม่แจ้งผมหน่อย?” มู่วี่สิงมีความไม่พอใจเล็กน้อย
“ฉันกลัวรบกวนเวลาทำงานของคุณ…ฉันก็แค่อยู่ๆ ก็คิดถึงคุณแล้ว” เวินจิ้งเข้าไปกอดเขา
ส่วนที่ที่ไม่ไกล เกาเชียนก้มหัวลงเงียบๆ สายตาของลู่หวั่นกลับเป็นอารมณ์เสียมาก
“ผมไปทานข้าวกับคุณก่อน เพราะตอนกลางคืนผมจะไปห้องปฏิบัติการ น่าจะอยู่กับคุณไม่ได้แล้ว” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
แผนการวิจัยและพัฒนาเร่งด่วนมาก เสียเวลาไม่ได้
“แต่คุณสามารถไปกับผมได้”
ห้องปฏิบัติการอยู่ชั้นที่ยี่สิบเอก มู่วี่สิงเปลี่ยนชุดเป็นชุดปฏิบัติการ สวมใส่หน้ากากไว้ แต่เสน่ห์แห่งความสูงส่งนั้นยังคงยากที่จะมองผ่านได้
เมื่อก่อนเวินจิ้งเคยสัมผัสการผลิตยามาก่อน เธอสามารถช่วยจดบันทึกได้
ลู่หวั่นเห็นเวินจิ้งก็มาด้วย นัยน์ตาลึกซึ้งกว่าเดิม
“นี่คือรายงานของคราวก่อน คุณทำความคุ้นเคยก่อน เดี๋ยวอย่ามาสร้างปัญหาให้เราแล้วล่ะ”
เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย “ถ้าผิดพลาดตรงไหน ก็รบกวนคุณลู่ชี้แนะทันทีเลยนะคะ”
มู่วี่สิงอยู่ตรงโต๊ะทดลองแล้ว ลู่หวั่นอยู่ข้างๆ เขา สองคนใช้ภาษาเฉพาะวงการในการสื่อสารตลอดเวลา ช่วงนี้เวินจิ้งกำลังทบทวนความรู้ด้านการแพทย์อยู่ตลอด ก็ไม่ได้ฟังไม่เข้าใจ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ มู่วี่สิงกำลังทำการทดลองของเหลว มือของลู่หวั่นดิ้นกะทันหัน ของเหลวนั้นก็ไหลลงมามีมือของเธอหมด
สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “รีบล้างมือ!”
“ร้อน…” สีหน้าของลู่หวั่นเปลี่ยน เธอเพิ่งจะสังเกตได้ตอนนี้ว่าถุงมือนี้ขาด ของเหลวค่อยๆ กัดกร่อนผิวหนัง
เวินจิ้งรีบเดินไปเปิดก๊อกน้ำ เห็นลู่หวั่นไม่มีการเคลื่อนไหว เธอก็จับมือของเธอมาไว้ในน้ำ
“อ๊าย! เธอออกไป!” ลู่หวั่นกรี๊ดออกมา จ้องเธออย่างโกรธแค้นอยากจะดึงมือกลับ
“ของเหลวนี้ต้องล้างน้ำให้สะอาดแล้วใช้ของเหลวอัลคาไลน์ล้างผสมด้วยกัน ลู่หวั่น!” เวินจิ้งทำหน้าจริงจังพูด
ลู่หวั่นนิ่งสักพัก มือที่โดนของเหลวก็แอบสัมผัสข้อศอกของเวินจิ้ง จากนั้นก็ทำเป็นไม่อยากยอมต่อไป
มู่วี่สิงทำหน้าเคร่ง ผสมของเหลวเสร็จ เห็นลู่หวั่นทำหน้าปฏิเสธ เขาก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเธอไว้ พูดด้วยความอ่อนโยนว่า “อดทนหน่อย”
พูดจบ ก็เอาของเหลวอัลคาไลน์ล้างให้เธอ
เพราะความเจ็บทำให้หน้าของลู่หวั่นซีดลงเรื่อยๆ จากนั้นค่อยๆ ชินแล้ว ในที่สุดก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นแล้ว สีผิวก็กลับมาปกติเหมือนเดิม
แต่มืออีกข้างของเธอ ยังคงจับชุดปฏิบัติการของมู่วี่สิงไว้แน่นๆ อยู่
เธอพิงในอ้อมกอดของมู่วี่สิงอัตโนมัติ “ทรมานจัง…”
เสียงนั้นออดอ้อนและอ่อนหวาน
เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น ดูกิริยาท่าทางของลู่หวั่น ความไม่พอในสายตาส่องประกายออก
มู่วี่สิงล้างมือให้เธอเสร็จก็ผลักเธอออก แต่ลู่หวั่นกลับเกาะเขาไม่ปล่อยเลย
“สภาพของคุณวันนี้ไม่ดี เดี๋ยวผมจะให้อานฉิงมารับคุณ” มู่วี่สิงทำหน้าเคร่ง ผลักมือของเธอออกอย่างไม่ไว้หน้าเลย
สายตาของลู่หวั่นค่อยๆ เบลอขึ้นมา ปกติเธอไม่เคยทำผิดพลาดแบบนี้เลย แต่วันนี้เธอฟุ้งซ่านแล้ว
เพราะว่ามีเวินจิ้งมาอยู่อีกหนึ่งคน
“ขอโทษนะ ฉันจะปรับให้เป็นเหมือนเดิม”
เวินจิ้งช่วยเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ของที่นี่ มู่วี่สิงกลับเรียกเธอไว้ “เดี๋ยว ผมทำเอง”
“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เวินจิ้งพูดเสียงเย็น
นึกถึงท่าทางตกอกตกใจของลู่หวั่นเมื่อกี้ มันเหมือนปฏิกิริยาที่ควรมีของคนที่อยู่ในห้องปฏิบัติการระยะเวลายาวขนาดนี้ซะที่ไหน
ก็แค่อยากจะอ้อนมู่วี่สิงแค่นั้นเอง
เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก
หันหลังกลับ เธอก็ออกไปจากห้องปฏิบัติการทันที
รู้อยู่แล้วว่าสองคนนั้นทำวิจัยด้วยกันก็แค่เพราะเรื่องงาน แต่คนนั้นคือลู่หวั่น
ตอนมู่วี่สิงออกมาไม่เจอเวินจิ้ง
ข้างนอกกำลังฝนตกอยู่ เขาโทรหาเวินจิ้ง แต่กลับปิดเครื่องแล้ว
เวินจิ้งอยู่ในห้องน้ำ ของเหลวในเมื่อกี้ไม่รู้ว่ามาหยดโดนข้อศอกของเธอด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ เนื่องจากบริเวณไม่ใหญ่ เมื่อกี้เธอเลยไม่ได้รู้สึก
แต่ตอนนี้กัดกร่อนผิวหนังแล้ว
สีหน้าของเธอซีดลง กะว่าจะรีบไปโรงพยาบาลเลย
แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากห้องน้ำ เงาร่างของลู่หวั่นก็ขวางเธอไว้
เธอใส่รองเท้าส้นสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนาวเย็น
“เวินจิ้ง ดูน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม” รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอมืดมนและเย็น
เวินจิ้งตัวสั่น นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจ
ลู่หวั่นจงใจเอาของเหลวมาโดนมือของเธอ
“เธอทำแบบนี้ทำไม”
“อ๋อ เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอไง” ลู่หวั่นเดินเข้าใกล้เธอ “เธออยู่ข้างๆ มู่วี่สิง มันขวางหูขวางตามากเลยนะ!”
ความเจ็บที่มือค่อยๆ รุนแรงขึ้น เวินจิ้งไม่อยากสนใจลู่หวั่น เธอต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
แต่ลู่หวั่นจับมือเธอไว้ ดึงเธอกลับมา
เวินจิ้งยกขาขึ้น ถีบไปที่ขาของเธอสุดแรง
ลู่หวั่นไม่ได้สังเกตจนเกือบล้ม
เห็นเวินจิ้งจะไปเปิดประตู เธอหัวเราะออกมา “ก่อนที่ฉันจะเข้ามาก็ล็อกไว้แล้ว นอกจากจะมีคนผ่านมาเปิดประตู”
เวินจิ้งเม้มปาก ตบมือจับประตูแรงๆ
“มีคนอยู่ไหม–” เธอตะโกนเรียก “ช่วยด้วย–”
แต่ที่ตอบกลับมามีแค่เสียงของเธอเอง
ลู่หวั่นเดินมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ไม่ต้องเสียแรงไปเปล่าๆ หรอก มือของเธอนี่มีแผลเป็นแน่นอนอยู่แล้ว ถึงไปโรงพยาบาลก็ไม่ทันแล้ว”
พูดจบ ลู่หวั่นก็หยิบขวดออกมา จับมือเวินจิ้งไว้สุดแรง อยากจะเอาสารละลายเทลงที่หน้าของเวินจิ้ง เธอพูดด้วยความเย็นชาว่า “สิ่งนี้สามารถทำให้ผิวกายของเธอดำและเน่าได้ เธอว่าถ้าหน้าของเธอมาโดน แล้วมันจะน่าเกลียดขนาดไหน มู่วี่สิงจะรังเกียจเธอไหมนะ”
เห็นว่าขวดนั้นจะเทลงมาแล้ว เวินจิ้งผลักเธอออกไปสุดแรง “ถึงมู่วี่สิงจะรังเกียจฉัน เขาก็ไม่มีวันแต่งงานกับเธอหรอก”
“ใช่หรอ”ลู่หวั่นหรี่ตาลง “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา ผู้หญิงอย่างเธอเทียบได้ซะที่ไหน แค่ฉันทำให้เธอพัง ฉันมีวิธีแต่งงานกับเขาได้เอง”
ปลายคางถูกจับไว้ ลู่หวั่นสูงกว่าเวินจิ้งนิดหน่อย ยกมือขึ้น–
เวินจิ้งจ้องตาโตขึ้นมา กลิ่นกลิ่นฉุนทำให้เธอเปลี่ยนสีหน้า เธอยกมือขึ้นจับข้อมือของลู่หวั่นกลับ
ขวดนั้นหล่นลงมาจากมือของลู่หวั่น เวินจิ้งรีบถอยหลังไปทันที
ส่วนด้านหลังของลู่หวั่นก็คือผนัง ของเหลวกระเด็นไปทั่ว เธอใส่กระโปรงสั้น ของเหลวกระเด็นโดนน่องขาของเธอไม่น้อยเลย
ความโกรธแค้นในตาทอประกายออก ลู่หวั่นไม่สนของเหลวนั้น เก็บขึ้นมาอยากจะพุ่งเข้าไปหาเวินจิ้งสุดแรง “ออกไป!”
เวินจิ้งยกขาขึ้นถีบออก ลู่หวั่นที่ใส่รองเท้าส้นบางยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว ทั้งคนเกือบจะล้มลงไปข้างหลังแล้ว เมื่อมู่วี่สิงเดินเข้ามาก็รับเธอไว้พอดี
ลู่หวั่นเปลี่ยนสีหน้า มือรีบโยนขวดสารละลายอันน่าหวาดกลัวนั้นทิ้ง
หันหลังไปจับเสื้อเชิ้ตของมู่วี่สิงไว้แน่นๆ “วี่สิง เมื่อกี้เวินจิ้งน่ากลัวมากเลย…ของเหลวนั้นมีสารพิษ เธออยากจะทำให้ฉันพัง…”
เวินจิ้งพิงที่มือจับประตู ดูสีหน้าซีดขาวและวุ่นวายของลู่หวั่นนั้น ริมฝีปากน้อยค่อยๆ ยิ้มออก
ละครฉากนี้เปิดโลกกว้างให้เธอเลยจริงๆ
“ลู่หวั่น เธอนั่นแหละที่อยากทำให้ฉันพัง เธออิจฉาที่ฉันเป็นคุณหญิงมู่” เวินจิ้งอธิบาย
สีหน้าของเธอใจเย็นมาก ไม่มีกิริยาท่าทางของผู้ถูกกระทำเลยสักนิด
แต่ฝ่ามือที่กุมแน่นของเธอก็ได้เผยความกลัวของเธอออกมา
ถ้าสารละลายนั้นโดนหน้าเธอจริงๆ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เสียโฉมคือการโจมตีที่น่ากลัว