Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 279

ตอนที่ 279

ตอนที่ 279 ซับซ้อนจนเธอเดาไม่ถูก

“หลายๆเรื่อง มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด คุณนายมู่ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงอั้ยเถียน แต่คุณคิดว่าจะหยุดไม่ให้เขาติดต่อกับเสี้ยวหงได้เหรอ” มู่วี่สิงถามไปอย่างจี้ใจดำ

เวินจิ้งเม้มปาก ตราบใดที่อั้ยเถียนยังมีใจที่จะทำ เธอเข้าไปขวางก็ไม่มีประโยชน์

เธอแค่ไม่ต้องการให้อั้ยเถียนต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

………..

งานแต่งงานผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ เวินจิ้งยังไม่ได้มีเวลาว่างเลย เธอต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนหลินเจิ้นเกือบจะทุกวัน

ช่วงนี้คุณตาไม่ค่อยสบายอยู่บ่อยครั้ง หลินเวยได้เตรียมจะพาเขาไปรักษาที่ต่างประเทศ เดิมทีหลินเจิ้นกลับมาที่นี่ก็เพื่อเวินจิ้ง ตอนนี้งานแต่งก็เสร็จสิ้นแล้ว เรื่องต่างๆก็วางใจได้แล้ว

เวินจิ้งไม่ค่อยเต็มใจ เธอรับรู้ได้ว่าคุณตารักเธอมาก และหมอบอกไว้แล้วว่าคุณตาจะมีเวลาเหลืออีกเพียงครึ่งปี เธอจึงอยากจะอยู่กับเขาให้มากๆ

อย่างไรก็ตาม ถ้าไปต่างประเทศกับคุณตา อย่างนั้นเธอกับมู่วี่สิงก็คงจะไม่ได้เจอหน้ากัน

“เสี่ยวจิ้ง เธอคิดว่ายังไง บอกแม่สิ จะไปประเทศ B กับคุณตาหรือเปล่า ตอนนี้เธอก็ยังไม่เปิดเรียน ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตาสักเดือนสองเดือนมั้ย” หลินเวยพูดอย่างจริงใจ

ปกติแล้วเธอต้องจัดการเรื่องของบริษัทหลินซื่อ กลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแลหลินเจิ้นได้ตลอดเวลา

เวินจิ้งรู้สึกลังเล ช่วงเวลานี้เธอต้องการจะมีเวลาพัก เพราะเมื่อเปิดเรียนแล้วเธอก็จะไม่มีเวลาแล้ว

“แม่ ฉันขอคิดดูก่อน”

“อื้ม ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากทิ้งมู่วี่สิงไป แต่เวลาของคุณตาก็มีไม่มากแล้ว หลายปีนี้เขาต้องอยู่อย่างเดียวดาย ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้จนวันสุดท้าย…..” น้ำตาของหลินเวยค่อยค่อยไหลออกมา

“แม่” เวินจิ้งเข้าสวมกอดหลินเวย ในใจของเธอรู้สึกอัดอั้นอยากจะร้องไห้

สามเดือน……

หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่เคยจากมู่วี่สิงเป็นเวลานานขนาดนี้

ตอนค่ำที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป

เกาเชียนได้เข้ามาในออฟฟิตของประธานเพื่อรายงาน “คุณมู่ คนร้ายที่ปล้นเครื่องประดับ DF เมื่อสัปดาห์ห่อน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ และป่วยหนักเสียชีวิตไปแล้วครับ”

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของมู่วี่สิงก็หนักหน่วงทันที “สืบพบเบื้องหลังของเขาหรือยัง”

“ญาติพี่น้องของเขาถูกวางแผนให้ออกนอกประเทศ แต่ในบัญชีธนาคารก่อนที่เขาจะตายมีเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งถูกโอนเข้ามา แต่ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป”

“ผมต้องการแค่บทสรุป” มู่วี่สิงออกคำสั่ง

เกาเชียนก้มหน้า “ผมทราบแล้วครับ”

เขาขับรถผ่านปราสาทตระกูลหลินไป ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงยังไม่ได้เข้าไปด้านใน แต่เขารออยู่ด้านนอก

เวินจิ้งเดินออกมา เธอรู้ดีว่าเขายังไม่ได้กินข้าว เลยจะให้เขาเข้าไปกินอะไรสักหน่อย

“ผมอยากกลับบ้าน แล้วให้คุณนายมู่ทำอาหารให้กิน ฮื้ม” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงโทนต่ำลุ่มลึก

เวินจิ้งนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างกังวล “ได้แน่นอน ว่าแต่ตอนนี้คุณไม่หิวเหรอ”

มู่วี่สิงส่ายหน้า เวินจิ้งจึงขึ้นไปบนรถ

วันมะรืนนี้ คุณตาก็จะต้องกลับประเทศ B แล้ว หลินเวยบอกให้เธอให้คำตอบเขาในวันพรุ่งนี้

อันที่จริง ในใจของมีคำตอบอยู่แล้ว

เพียงแต่ ต้องการแค่มู่วี่สิงตกลง

“คุณมีอะไรจะพูด” เมื่อได้สังเกตเห็นท่าทีลังเลของเวินจิ้ง มู่วี่สิงจึงจับมือของเธอไว้

เวินจิ้งเม้มปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พูดขึ้น “คุณตาจะกลับไปเมือง B แล้ว ฉันคิดว่าก่อนจะเปิดเรียน ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาหน่อย”

เป็นอย่างที่คิดไว้ สีหน้าของมู่วี่สิงเริ่มเยือกเย็นขึ้นมา

เวินจิ้งขบริมฝีปากของเธอ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

เพียงชั่ววินาทีถัดมา ทันใดนั้นรถก็เบรกอย่างกะทันหัน จนเวินจิ้งกระแทกไปด้านหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว

แขนของมู่วี่สิงได้กางออกมากั้นขวางเธอไว้อย่างมั่นคง

“มู่วี่สิง…..”

“ต้องไปนานเท่าไร” เขาหยุดรถ

“สามเดือน”

มู่วี่สิงหันศีรษะมาหาเธอ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย และมองมายังเธออย่างน่ากลัว

เวินจิ้งเริ่มตัวสั่น

เขา……

เขาจะทิ้งเธอลงหรือเปล่า

เขาไม่ใช่ว่าไม่ชอบเธอเหรอ

ถ้าอย่างนั้นไม่มีเธออยู่ข้างกาย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เวินจิ้งคิดแบบนี้

“มู่วี่สิง เวลาของคุณตามีไม่มากแล้ว ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขาให้มากๆ ฉันหวังว่าคุณคงจะเข้าใจดี และแค่สามเดือน ฉันก็กลับมาแล้ว”

สามเดือน จริงๆแล้งเธอไม่กล้าจะคิดเลย ว่าวันที่ไม่มีมู่วี่สิงอยู่ข้างกายเธอ จะเป็นอย่างไร

เธอคงจะคิดถึงเขามากจริงๆ

มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากของเขาอย่างเย็นชา นิ่งเงียบอยู่นานโดยไม่พูดอะไร

“อื้ม ผมเข้าใจดี” ผ่านไปสักครู่ใหญ่ เวินจิ้งเพิ่งจะได้ยินเสียงของเขา

“จะไปเมื่อไร”

“มะรืนนี้”

ตลอดทางที่กลับไปยังการ์เดนมู่เจียวาน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ

เวินจิ้งกลับไปทำบะหมี่ให้กับมู่วี่สิง แต่ใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าน้ำซุปได้หกออกมาลวกมือของเธอ

“อ๊ะ!” เธออุทานขึ้น และรีบปิดไฟเตาทันที

แต่นิ้วของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว

มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา มู่วี่สิงจับนิ้วมือของเธอขึ้นมา วางไว้ใกล้ปากแล้วเป่าเบาๆ

เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอมองไปยังหน้าตาที่หล่อเหลาของมู่วี่สิงที่อยู่ไม่ไกล และกระพริบตา

เธอดึงมือออก

มู่วี่สิงจับมือของเธอมาอีกครั้ง “ไปทายาก่อน เดี๋ยวฉันต้มต่อเอง”

เธอรู้ว่ามู่วี่สิงเป็นคนเอาแต่ใจ เวินจิ้งจึงไม่ปฏิเสธ จึงนั่งอยู่ที่โซฟารอให้เขาไปเอายาแต่โดยดี

เธอหันไปมองหลังของมู่วี่สิงที่กำลังอยู่ในครัว รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็ได้ค่อยๆมากขึ้น

สักพักหนึ่ง เธอก็เดินเข้าไปให้ห้องครัว และโอบกอดเอวของมู่วี่สิงจากด้านหลัง

“มู่วี่สิง ฉันทิ้งคุณไม่ลง” เธอพึมพำ

“ฮื้ม แบบนี้คุณยังจะกล้าทิ้งผมไปเหรอ” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว หันตัวกลับแล้วปเระคองคางของเธอเงยขึ้น

เวินจิ้งเสียใจ “แต่คนในครอบครัวก็สำคัญเหมือนกันนะ”

“ไม่ได้ขัดขวางคุณ แต่คุณนายมู่ ผมกังวลใจ เวลาที่ไม่ได้อยู่ข้างคุณ” มู่วี่สิงมองเธออย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกในดวงตาของเขาก็เกือบจะเอ่อล้นออกมา

แต่เวินจิ้งไม่เข้าใจ

เขามักจะพูดอะไรที่ดูซับซ้อนให้เธอยากที่จะคาดเดา

“ไม่นานฉันก็กลับแล้ว”

“มู่วี่สิง คุณก็ทิ้งฉันไม่ลงใช่ไหม” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง และมองเขาอย่างตาไม่กระพริบ

หากเขาก็ทิ้งเธอไม่ลง อย่างน้อย เขาก็คงจะมีความรู้สึกต่อเธอขึ้นมาบ้างแล้ว

“ได้แน่นอน”

พูดจบ เขาก็ก้มลงจูบเธออย่างไม่ลังเล

เวินจิ้งผลักเขาออกไป ตอนนี้ความสนใจของเธออยู่ที่บะหมี่

“คงจะไม่ร้อนเท่าไรแล้วหละ!” เธอเตือน

“อื้ม รอให้ผมกินอิ่มก่อนนะ แล้วค่อยป้อนคุณ” มู่วี่สิงงอปาก

แก้มของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดง “เกินไปแล้ว……”

……..

สามวันต่อมา เวินจิ้งได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปยังประเทศ B

เนื่องจากต้องจัดการเรื่องรายงานของโรงเรียน เธอจึงเดินทางช้าไปหนึ่งวัน โดยคุณตาและแม่ได้เดินทางไปก่อนหน้าหนึ่งวันแล้ว

เมื่อคุยโทรศัพท์กับมู่วี่สิงเสร็จแล้ว เวินจิ้งก็ปิดโทรศัพท์

ในตอนนี้ ปรากฏเงาหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ และก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเหนือศีรษะ “น้องเวิน”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิงอี้ก็ปรากฏขึ้นในสายตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จมลง

คาดไม่ถึงว่านอกจากหลิงอี้จะนั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวกับเธอแล้ว ยังมีที่นั่งติดกันอีกด้วย

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันนะ” หลิงอี้ยิ้มอย่างยากจะเข้าใจ

“มันก็แค่เกิดขึ้น” เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย

“ไปประเทศ B ทำอะไร” หลิงอี้ถาม

“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ให้ผมเดานะ” หลิงอี้ลูบคาง แล้วมองไปยังใบหน้าของเวินจิ้ง ดูแล้วตอนนี้ใบหน้าน้อยๆรูปไข่ของเธอกำลังโกรธอยู่ เขายิ่งดูยิ่งชอบ

“คุณกลับไปตระกูลหลินใช่ไหม”

“หลิงอี้ ฉันคิดว่าเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะมาถามเรื่องส่วนตัวได้นะ” เวินจิ้งใส่ผ้าปิดตาและไม่ได้สนใจเขา

“เวินจิ้ง คุณไล่ผมไม่ได้หรอก ที่ประเทศB คุณคงจะเจอผมบ่อยเลยหละ” หลิงอี้พูดอย่างขี้เล่น

เวินจิ้งล้วนรู้ว่าเขาพูดพล่ามไปเรื่อย รอให้เธอลงเครื่องไปยังตระกูลหลินก่อน ถ้าหลิงอี้ยังคงอยู่ข้างเธอ เธอจึงจะเชื่อคำพูดของเขา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท