Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 289

ตอนที่ 289

บทที่ 289 นี่มันแค่ข้ออ้างของคุณ

หลินเวยกำลังนั่งเล่นไพ่กับแขกพิเศษ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงกว่าจะได้ยินถึงหูก็มืดค่ำแล้ว ตอนกำลังจะกลับ เวินจิ้งกับมู่วี่สิงกลับไปก่อนแล้ว

เธอโทรหาลูกสาว

“เสี่ยวจิ้ง ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินเวยถามด้วยถามเป็นห่วง

“หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูกลับมาก่อน”

“แม่รู้แล้วล่ะ มู่วี่สิงอยู่ข้างกายลูก แม่ก็สบายใจ”

พอวางสาย เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เขามองแท็บเล็ตที่อยู่ในมือ ยังมีเรื่องส่วนรวมที่ต้องจัดการอีกเยอะ

“ช่วงนี้ทางเมืองหนานเฉิงเป็นยังไงบ้าง” เวินจิ้งถาม

มู่วี่สิงอยู่ที่ ประเทศBตลอดเวลา เดี๋ยวนี้อายุของมู่เฉิงก็มากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะไม่ค่อยได้ยุ่งกับงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเท่าไร เขาไม่อยู่ได้หรอ?

“อืม เดี๋ยวนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป มีมู่เฟิงกับมู่เหิงอยู่” มู่วี่สิงพูดเสียงเรียบ

“มู่เหิง? เขากับคุณมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งได้ยินชื่อนี้

“ลูกของมู่เฟิง”

เวินจิ้ง : ??

ถ้างั้นก็เป็นพี่ชายหรือน้องชายของมู่วี่สิงล่ะสิ แต่มู่วี่สิงดูห่างเหินกับเขามาก

“พวกเขาทำไมถึงกลับมา?”

เธอจำได้ว่ามู่วี่สิงเคยบอกว่า ต้นตระกูลของตระกูลมู่อยู่ที่ประเทศC ญาติส่วนใหญ่ก็จะอยู่ทางนู้นหมด

งานแต่งมู่วี่สิง มู่เหิงก็ไม่มา ทำไมถึงกลับมาตอนนี้?

“คุณปู่อยู่ทางนี้ เขาคงนั่งไม่ติดแล้วมั้ง” มู่วี่สิงแสยะยิ้ม

เวินจิ้งชะงัก วินาทีนี้สีหน้าน้ำเสียงของมู่วี่สิงดูน่ากลัว

เธอไม่ได้ถามอีก

คืนนี้หลิงอี้ไม่ได้กลับมา ต่อจากนี้หลายวัน เวินจิ้งคงไม่ได้เห็นหน้าเขา ผลการทดลองครั้งที่สี่ออกมาแล้ว ยังคงมีปฏิกิริยาต่อต้านเช่นเคย

ทุกคนตกอยู่ในสภาพที่กังวลอึดอัด ซึ่งหมายความว่าโครงการนี้จะล่าช้า

หลิงอี้รับผิดชอบตรวจควบคุมโครงการนี้ ในวันนั้นได้รีบเรียกทุกคนเข้าประชุม

เขาเสนอที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมประชุม แต่กลับถูกลู่หวั่นปฏิเสธ

“ประธานหลิง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว พึ่งจะเชิญคนมาคงไม่เหมาะมั้ง

ฉันไม่คิดว่าปัญหาจะอยู่ที่ความสามารถของนักวิจัยเรา

“งั้นคุณคิดว่า ปัญหาคืออะไร?”

“ตรงกันข้าม มีพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป รบกวนกระบวนการวิจัยพัฒนาทั้งหมด กระทบถึงแนวคิด”

ทันใดนั้น สายตาเกือบทั้งหมดมองมาที่เวินจิ้ง

ช่วงเวลานี้ มีเธอคนเดียวที่พึ่งจะเข้าร่วมกระบวนการขั้นตอนสุดท้าย

“ลู่หวั่น นี่เป็นเพียงข้ออ้างของคุณ”

“ใช่หรอ ช่วงเวลานี้คุณหนูเวินทำอะไรอยู่ล่ะ? ไม่ได้ช่วยอะไรในโครงการเลย มักจะเสนอถามแต่ข้อสงสัยต่างๆนาๆ สุดท้ายฉันก็ต้องเสียเวลาอันมีค่าของฉัน ไปแก้ไขข้อสงสัยของคุณ เวลาของฉันไม่ใช่เอามาใช้กับเรื่องพวกนี้นะ

“คุณหนูลู่ ในเมื่อเวลานี้ฉันเป็นคนรับผิดชอบของบริษัทหลินซื่อ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องการจัดการกิจการของยาตัวนี้ทั้งหมด ถ้าหากคุณหลีกเลี่ยง ก็แสดงว่าคุณมีปัญหา”

“คุณพูดอะไร?” ลู่หวั่นชักสีหน้า

“หยุดก่อน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถกเถียงกัน ฮาต๋า จะวางตลาดแล้ว ยังมีเวลาอีกสองเดือน ลู่หวั่น ไม่ว่ายังไงผมต้องการให้ยานี้ผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นแล้ว” หลิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขอเพียงแค่เวินจิ้งไม่สร้างความยุ่งยากให้ฉันเพิ่ม ฉันรับรองว่าจะไม่มีปัญหา”

เวินจิ้งยิ้มเย้ย “งั้นคงเป็นไปไม่ได้”

“ประธานหลิง หากความคืบหน้าช้าลง คุณอย่ามาโทษฉันนะ”

พูดจบ ลู่หวั่นเขวี้ยงเอกสารออกไป

ทุกคนมองหน้ากัน ใครๆก็รู้ดีว่าลู่หวั่นเป็นคนสำคัญของโครงการนี้ ถ้าเธอไม่ร่วมมือ เกรงว่าการวิจัยพัฒนานั้นยากที่ดำเนินการต่อไปได้

เรื่องนี้ไปถึงหูของหลินเจิ้งอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจนเกือบล้มป่วย

หลิงอี้รีบกลับมาปลอบเขา

“คุณปู่ ฮาต๋าวางตลาดไม่มีปัญหาแน่นอน”

“เดี๋ยวนี้ลู่หวั่นไม่ให้ความร่วมมือ นายวางแผนจะทำยังไงต่อ?”

“ผมได้พูดคุยกับเธอเรียบร้อยแล้ว เธอจะทำโครงการนี้ให้เสร็จสิ้น”

“ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักชั่วดี” หลินเจิ้งพูดด้วยความโกรธ

“หลานได้รับความลำบากใจรึเปล่า?” หลินเจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง

แต่ไหนแต่ไรคนที่เขาห่วงใยที่สุดก็คือเวินจิ้ง

“เธอไม่ใช่คนที่จะได้รับความลำบากใจได้ง่ายๆ” หลิงอี้ยกริมฝีปากขึ้น

ตกค่ำ เวินจิ้งอยู่ในห้องทดลองตลอด

ตอนมู่วี่สิงโทรมาก็ดึกมากแล้ว เธอเดินออกจากห้องทดลอง

“ผมมารับคุณ”

เวินจิ้งมองดูเวลา แล้วสะดุ้ง

“ดีค่ะ อีกสักพักฉันก็จะกลับแล้ว”

รู้สึกหิวตั้งนานแล้ว เวินจิ้งเก็บข้าวของ เอาแฟ้มรายงานกลับบ้านด้วย

ตอนออกไป ลู่หวั่นก็เลิกงานพอดี

“มู่วี่สิงมารับคุณหรอ?” น้ำเสียงของลู่หวั่นนิ่ง

“อืม” น้ำเสียงของเวินจิ้งก็นิ่งเหมือนกัน

“คิดไม่ถึงช่วงเวลาที่เธออยู่เคียงข้างเขาก็นานพอสมควรนะ” ลู่หวั่นพูดด้วยน้ำเสียงประชด ไม่แปลกที่ลู่หวั่นโกรธ เหมือนตัวเองกำลังต่อยปุยฝ้ายหนึ่งหมัด

“คิดไม่ถึง ว่าเธอเป็นคนของตระกูลหลิน ตอนแรกฉันคิดว่าที่มู่วี่สิงแต่งงานกับเธอ เกรงว่าเขาจะรู้ฐานะเธอตั้งนานแล้วหลอกใช้เธอ”

เวินจิ้งยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

เวลานี้ ลิฟต์สั่นสะเทือนน่ากลัว เวินจิ้งหน้าซีดเซียว ค่อยๆจับกำแพงลิฟต์ไว้

ลู่หวั่นก็กลัวเหมือนกัน แอบอยู่ที่มุมของลิฟต์ ไฟที่อยู่ข้างบนค่อยๆดับลง

เวินจิ้งได้สติ รีบไปกดกริ่งขอความช่วยเหลือ

“มีคนไหมคะ!”

แต่ว่า ไม่มีการตอบรับใดๆ

“อยู่กับเธอทีไรโชคร้ายตลอด” ลู่หวั่นพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ

“ฉันก็ไม่อยากอยู่ร่วมกับเธอ แต่ว่าตอนนี้ พวกเราต้องรีบคิดหาทางออกก่อน” เวินจิ้งพูดเสียงเย็นชา

หามือถือออกมา ที่นี่ไม่มีสัญญาณแม้แต่นิดเดียว

รอบด้านมืดไปสนิท เวินจิ้งหดตัวรู้สึกกลัวมาก

แต่ข้างๆ ลู่หวั่นหน้าซีดเซียวนั่งยองๆอยู่ที่มุมลิฟต์ ปากก็บ่นพึมพำ “อย่าเข้ามานะ….อย่าเข้ามา กรี๊ด….”

“เธอปล่อยฉัน!”

ลู่หวั่นกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของตัวเอง ดึงผมตัวเองไม่หยุด

เวินจิ้งเปิดไฟฉายในมือถือ ยิ่งทำให้ลู่หวั่นร้องเสียงหลง

เธอโผเข้าหา กอดเวินจิ้งไว้แน่นทันที

“ช่วยฉันด้วย…ช่วยฉัน…”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ถึงแม้จะมีอคติกับลู่หวั่น แต่ ณ เวลานี้ เผยด้านความอ่อนแอออกมา เธอกลัวจริงๆ

เธอพูดน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ไม่มีใครทำร้ายเธอ เธอใจเย็นๆนะ”

“อย่า เธออย่าแตะต้องฉัน!”

ทันใดนั้นลู่หวั่นใช้แรงผลักเวินจิ้งออกไป

เวินจิ้งรู้สึกเวียนหัวมาก พื้นที่ถูกปิดกั้นมิดชิด ทำให้เธอรู้สึกทรมานมาก

ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะมีคนมาพบว่าพวกเขาถูกขังอยู่ในนี้

เพื่อนร่วมงานในห้องทดลองส่วนใหญ่ก็เลิกงานกลับไปหมดแล้ว ดูท่า…ต้องรอมู่วี่สิงมาแล้วล่ะ

เวินจิ้งนั่งลง อยากจะนั่งรออย่างสงบ

ที่ไหนได้ ลู่หวั่นกลับบ้าคลั่งเอาศีรษะตัวเองชนกำแพงลิฟต์

“ตุ้บตุ้บตุ้บ” เสียงดังไม่หยุด

สักพักมีกลิ่นเลือดฟุ้งกระจาย

เวินจิ้งเงยหน้า ถ้าลู่หวั่นยังเป็นแบบนี้เขาคงอยู่ไม่ถึงตอนคนมาช่วยแน่……

เวินจิ้งรีบจับตัวเธอไว้ นึกถึงเรื่องที่เมื่อกี้ลู่หวั่นพูดพึมพำ น่าจะเป็นเพราะนึกถึงความเจ็บปวดในอดีต

“ฉันขอร้องเธอ อย่าแตะต้องตัวฉัน……” เสียงร้องไห้ของเธอร้องอย่างเจ็บปวด

ถึงยังไงเวินจิ้งก็ไม่ใจดำพอ ดึงเธอเข้ามาใกล้ตัว “หยุดโวยวายได้แล้ว นั่งลงเถอะ”

“ห้ามเธอแตะต้องฉัน!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท