Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 341

ตอนที่ 341

บทที่341 ถูกทำโทษ

หลิงเหยาเลิกเรียนกลับมาแล้ว เวินจิ้งท่าทางสติลอยออกไป มองดูรูปภาพที่หยุดอยู่บนคอมพิวเตอร์ของเธอ ก็คือข้อมูลการสอนของมู่วี่สิง เธอตบที่หน้าเล็กๆของเวินจิ้งเบาๆ

“หลงรักแล้ว? ”

“พูดบ้าอะไร……ฉันไม่ได้หลงรักสักหน่อย! ”

“คุณไม่ได้ดูรูปของมู่วี่สิง? เจอะเจอะ ถ้าเขาสวมชุดสูทมาสอนล่ะก็ ต้องหล่อระเบิดมากจริงๆ……”

เวินจิ้ง : ……

ในหัวสมองก็เปลี่ยนภาพอีกแล้ว มู่วี่สิงที่ใส่ชุดสูทแล้วตวาดอย่างฉับพลัน ใส่แว่นตาที่ไม่มีกรอบ สายตาเฉียบแหลมทำให้คนหลงใหล สายตาที่กำลังมองมาบนตัวเธอ……

ใบหน้าของเวินจิ้งแดงมากขึ้น……

โอ้พระเจ้า เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย!

มู่วี่สิงมาสอนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอแม้แต่น้อย!

จำเป็นต้องดูสิ่งอื่นเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจ!

เธอหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้างขึ้น เปิดเบราว์เซอร์ตามอำเภอใจ

สิ่งที่เข้ามาในตากกลับเป็นข่าวการล้มละลายของฉินซื่อกรุ๊ป

เวินจิ้งหยุดชะงักไป อ่านเนื้อหาในข่าว ช่วงนี้ยาสำคัญที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปผลิตในตลาดอัตราลดลง จำนวนต้องการในตลาดลดลง และในขณะเดียวกัน บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เกือบยังผูกขาดตลาดยาโภคภัณฑ์ประสาทและสมอง เรื่องนี้สำหรับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปนั้น เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงมากอย่างไม่ต้องสงสัย

ในปัจจุบันนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไม่มีเงินทุนหมุนเวียน บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปเฝ้าดูบริษัทนี้อย่างนิ่งดูดาย บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไม่สามารถอยู่รอดวิกฤตินี้ได้

ล้มละลาย……

เวินจิ้งหน้านิ่งไป คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์นี้จะหนักหนามากเท่านี้

มู่วี่สิงมุ่งเป้าไปยังบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเหรอ?

ถึงแม้จะไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าเขียนอย่างนี้โดยตรง แต่ว่าในการรายงานนี้ก็คือความหมายนี้

ในเวลานี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของคนแปลกหน้า

เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วรับสาย

“เวินจิ้ง แกมันไอ้ผู้หญิงสารเลว! ”ฉินเฟยเปิดปากก็ด่าคนเลย

เวินจิ้งเอาโทรศัพท์ยื่นออกห่าง สูดลมหายใจเข้างึกๆ เธอพูดเสียงนิ่งว่า “คุณหนูฉิน เมื่อไรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ”

“บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปล้มละลายแล้ว แกคิดว่าฉันจะนั่งติดอยู่กับที่ได้เหรอ! ”

“บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปล้มละลายแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

“เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงชี้เป้ามาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่เป็นเพราะแกเหรอที่แย่รังแตน ”

“แต่ไหนแต่ไรมาบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็พึ่งพิงยี่ห้อยาเก่าแก่ของตัวเองมาตลอด หรืออาจจะไปซื้อยาตัวใหม่จากด้านนอกมาขาย ไม่มีการสร้างความสามารถใหม่ใดๆแม้แต่นิด ความต้องการในตลาดลดลง หมุนเวียนเงินยากลำบาก นี่มันควรจะเป็นปัญหาภายในของพวกคุณ ” เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา

การล้มละลายของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นการโจมตีของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็จริง แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือปัญหาภายในของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ถึงแม้จะถูกบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปซื้อไปในภายหลัง แต่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ไม่ได้แก้ปัญหาตรงนี้

“แกอย่ามาพูดมั่ว เดิมทีบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังดีอยู่นะ ”

“บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีปัญหามาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นแต่ก่อนคงไม่ได้พึ่งพิงบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปเพื่อที่จะผ่านความยากลำบากมาได้ ฉินเฟย นี้เป็นความจริงที่คนทั่วไปเข้าใจ ทำไมคุณถึงพูดไม่รู้เรื่อง ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

“เวินจิ้ง……แกพูดอะไร? ตอนนี้แกพูดว่าฉันโง่ใช่ไหม! ”

เวินจิ้งยิ้มหัวเราะเยาะ ไม่อยากที่จะพูดอะไรต่อกับฉินเฟย “ถ้าไม่มีอะไรฉันวางแล้วนะ ”

“เวินจิ้ง……เวินจิ้ง ฉันไม่ให้แกอยู่อย่างมีความสุขแน่นอน! ”

เวินจิ้งวางสายโทรศัพท์ทันที

เวลาเข้าใกล้วันศุกร์เข้าไปทุกวัน ตารางของเวินจิ้งอัดเต็ม วันพฤหัสบดีกลับมาจากโรงพยาบาลก็เขียนรายงานจนดึกดื่น

“พรุ่งนี้คุณจะไปกี่โมงอ่ะ? ”

“ก็ไม่ใช่ไปปกติเหรอ? ”

“คุณนี้โง่จริงๆ คายเรียนของมู่วี่สิง คุณต้องไปจองที่นั่งก่อนซักหนึ่งชั่วโมง ”

เวินจิ้ง : ……

มองดูเวลา ใกล้จะตีสองแล้ว ถ้าไปเร็วก่อนหนึ่งชั่วโมง เจ็ดโมงครึ่งก็ต้องถึงห้องเรียนแล้ว……

“โอเวอร์ขนาดนั้นเลยเหรอ……” เวินจิ้งจับผมอย่างกลัดกลุ้มใจ

“แน่นอน มู่วี่สิงในตอนนี้เป็นที่นิยมในโรงเรียนมากกว่าศาสตราจารย์ไป๋แล้วนะ ฉันได้ยินรุ่นพี่รุ่นทั้งผู้หญิงผู้ชายพูดว่า คาบเรียนของศาสตราจารย์ไป๋ตอนก่อนต้องไปจองก่อนครึ่งชั่วโมงถึงจะของที่นั่งได้ อย่าพูดถึงมู่วี่สิงเลย ”

“งั้นฉันนอนแล้ว……”

กลับคิดไม่ถึงว่า คืนนี้เวินจิ้งหลับลึกมาก วันต่อมานาฬิกาปลุกถึงสองรอบเธอถึงตื่น เพราะฉะนั้นวิ่งไปถึงห้องเรียนก็ประมาณแปดโมงครึ่งพอดีพร้อมที่จะเรียน

เป็นอย่างที่คิดไว้ ห้องเรียนที่นั่งเต็มหมดแล้ว เธอที่เป็นนักเรียนภาควิชาที่แท้ กลับไม่มีที่นั่งแล้วจริงๆ!

ถึงแม้จะยืนอยู่ด้านหลัง แต่ก็จำเป็นต้องฟังการสอน

เพิ่งจะหยิบสมุดออกมา มู่วี่สิงเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างฉับพลัน ถึงแม้ไม่ได้ใส่ชุดสูทที่เคร่งขรึมเมื่อตอนอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่เขาในตอนนี้ถึงแม้จะสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนกัน แต่กลับมีความอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้นเยอะเลย

มองเห็นห้องเรียนที่มีคนนั่งเต็ม เขาขมวดคิ้วขึ้นมา

มองแวบเดียวก็เห็นเวินจิ้งที่ยืนอยู่ด้านหลังแล้ว

มองดูรายชื่อที่อยู่ในมือ ในคาบนี้ก็มีนักเรียนแค่ยี่สิบคน

แต่ว่าที่นี่ตอนนี้อย่างน้อยก็มีนักเรียนมากมายร้อยขึ้น

“ไม่ใช่นักเรียนในภาควิชานี้ ก่อนไปก่อน ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความเข้มงวดนิดหนึ่ง

ได้ยินอย่างนั้น นักเรียนไม่น้อยค่อยๆแสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมา แต่ความน่าเกรงขามของมู่วี่สิง ก็จำเป็นต้องลุกขึ้น

เดิมทีในห้องที่อัดแน่นไปด้วยคนมีที่นั่งว่างขึ้นมาไม่น้อย

เวินจิ้งเลือกที่นั่งด้านข้างแล้วนั่งลง เธอก้มมองอ่านหนังสือตลอดเวลา

ด้านนอกยังมีนักเรียนที่ยังคงยืนหยัดที่จะฟังอยู่ เพื่อที่จะให้มู่วี่สิงยอมเรียกทุกคนเข้ามา

แต่ว่ามู่วี่สิงก็ไม่ยินยอมอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่เขาสอนล้วนเป็นมืออาชีพ มีแต่นักเรียนที่เรียนภาควิชาประสาทและสมองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ เพราะฉะนั้นเลยไม่อยากทำให้คนอื่นเสียเวลา

“ผมเป็นหมอท่านหนึ่ง ถึงแม้จะเรียนจบดอกเตอร์มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ในการสอนเมื่อกี้เห็นนักเรียนมากมายขนาดนั้น ทำให้ผมรู้สึกคาดไม่ถึงมากๆ ” มู่วี่สิงเลือกเอกสารที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ไปด้วยและพูดไปด้วย

“ศาสตราจารย์มู่ งั้นพวกเราก็เป็นนักเรียนรุ่นแรกของอาจารย์ซิ? ” มีเพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น

“อืม ก็นับว่าใช่ ผมที่ความเข้มงวดสูง ถึงแม้สัปดาห์หนึ่งจะมีแค่คาบเดียว แต่ว่าในคาบเดียวนี้ก็มีความรู้มากมาย ผมไม่อนุญาตให้คนอื่นมารบกวน ”

“รับทราบ ศาสตราจารย์! ” นักเรียนทุกคนตอบอย่างพร้อมกัน

แม้แต่เวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว มู่วี่สิงในฐานะศาสตราจารย์ในตอนนี้นั้น สง่างามทำให้คนหลงใหล

ในเวลานั้น เธอก็ดูเหมือนว่าจะใจลอยไปไกล

จนถึงมู่วี่สิงเรียกชื่อเธอ เวินจิ้งถึงจะเรียกสติขึ้นมาได้ เมื่อกี้เธอเหมือนเด็กปัญญาอ่อนที่จ้องมองมู่วี่สิง……

น่าขายหน้าจริงๆ……

“เวินจิ้ง เมื่อกี้ผมวิเคราะห์ยังไง? ” ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงเดินมาอยู่ที่ข้างเธอตอนไหน

เวินจิ้งลุกยืนขึ้นอย่างเคอะเขินเล็กหน่อย เงยหน้าขึ้นมา สบสายตาที่เข้มงวดของมู่วี่สิง

เผชิญหน้าเขาอย่างนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะใช้สมองของเธอ……

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ในตอนนี้สมองว่างเปล่าไปทั้งหมด เมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังในสิ่งที่มู่วี่สิงพูดเลยสักนิด

เธอเอาปากกาไปวาดภาพร่างบนสมุดบันทึกอย่างไม่รู้ตัว

กระดาษทั้งใบนั้นเต็มไปด้วยชื่อของมู่วี่สิง

มู่วี่สิงมองเห็นแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาที่เย็นชามีความอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย

“ไปยืนด้านหลัง อีกแป๊บหนึ่งเลิกเรียนแล้วไปที่ห้องทำงาน ”

“ค่ะ ” เวินจิ้งตอบรับอย่างเชื่อฟัง

เดินไปด้านหลัง เธอหยิบสมุดขึ้นมาสั่งตัวเองจำเป็นต้องตั้งใจฟัง การพูดของมู่วี่สิงไม่เร็ว อธิบายอย่างมีความอดทน ความรู้ที่ค่อนข้างยากนั้นก็สามารถทำให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างง่ายได้

หนึ่งคาบเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ามีนักเรียนไม่น้อยที่อยากจะเรียนต่อ

เวินจิ้งเก็บสมุด คาบเดียวก็จะทำให้สมองระเบิดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตรรกะการคิดดีก็ยากที่จะดูดซับความรู้ทั้งหมดได้

เธอยังมีความรู้บางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ

แต่ว่า ถ้าให้เธอไปถามมู่วี่สิง……ก็ไม่ค่อยอยาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท