Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 361

ตอนที่ 361

บทที่ 361 มาอยู่ข้าง ๆ ผม (1)

ณ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป

เมื่อมู่เหิงกลับไป ฉินเฟยจึงรออยู่ที่ด้านนอกโดยตลอด

เวลาของเธอมีไม่มากแล้ว

“คุณฉินใช่ไหมครับ” น้ำเสียงของมู่เหิงเย็นชา

“มู่เหิง ฉันไม่มีทางปล่อยคุณไปหรอก” ฉินเฟยมองดูเขาอย่างอาฆาต

มู่เหิงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ทั้งสองมือสอดเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกง และมองดูหญิงสาวด้วยความเหยียดหยาม “ผมกลับอยากรู้เสียอีกว่าคุณจะรั้งผมเอาไว้ยังไง”

“ถ้าเกิดฉันต้องติดคุก คุณเองก็ต้องติดคุกเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เหิงหัวเราะขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง “ฉินเฟย คุณเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฉันทำไม่ได้หรอก แต่มีบางคนที่ทำได้”

ความเย็นชาปรากฏขึ้นมาภายในแววตาของมู่เหิง ทันใดนั้น ก็บีบคอของฉินเฟยเอาไว้แน่น “เธอกล้าไหมล่ะ”

“ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ!”

“พ่อของเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะ” มู่เหิงเตือนความจำเธอ

ทันใดนั้น ฉินเฟยถลึงตาขึ้นมาทันที ตั้งแต่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเกิดเรื่องขึ้น ฉินเจิ้งได้แต่นอนนิ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง

มู่เหิงคิดจะทำอะไรกันแน่……

“ฉินเฟย ก่อนที่จะลงมือทำเรื่องอะไรก็ตาม คิดถึงคนที่เธอรักเอาไว้ให้ดี”

มู่เหิงคลายมือออก หันหลังและเดินขึ้นรถไป น้ำเสียงของเขาเย็นชาถึงขั้นสุด เขารู้จุดอ่อนของฉินเฟยมาโดยตลอด

ที่หน้าประตูทางเข้าของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ฉินเฟยทรุดตัวลงกับพื้นอย่างช้า ๆ สภาพอากาศล่วงเลยเข้าฤดูหนาวแล้ว ความหนาวเย็นจากการไร้ซึ่งแหล่งพักพิงกลับเสียดแทงเข้ามา

เธอนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานแสนนาน จากนั้น จึงใช้มือถือของเธอส่งอีเมลออกไปฉบับหนึ่ง

ณ โรงพยาบาลในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

เกาเชียนรีบมาตั้งแต่เช้าตรู่ สีหน้าดูร้อนใจมากทีเดียว

“ประธานมู่ครับ ฉินเฟยหายตัวไป และฉินเจิ้งได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเช้านี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาทั้งสองข้างของมู่วี่สิงพลันเย็นชาขึ้นมาในทันที สีหน้ามืดหม่นเป็นอย่างมาก

“สาเหตุการตายคืออะไร”

“รายงานจากทางโรงพยาบาลระบุไว้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจตาย”

“คุณไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมดของเมื่อเย็นวานนี้ และตามหาฉินเฟยให้พบ” มู่วี่สิงออกคำสั่งกำชับ

“รับทราบครับ”

ไม่นานนัก ก็มีสายวิดีโอคอลจากคุณปู่โทรเข้ามา มู่วี่สิงกดเชื่อมต่อ

“คุณปู่”

“ช่วงนี้กับเวินจิ้งเป็นยังไงบ้างล่ะ กลับมาแต่งงานกันใหม่หรือยัง”

เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว มู่เฉิงกลับดูจะเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของหลานชายเสียมากกว่า

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้วขึ้น

“ยังเลยครับ”

“พวกหลาน….พวกหลานสองคนช่วงนี้ก็กะหนุงกะหนิงกันดีไม่ใช่เหรอ!” มู่เฉิงกล่าว

เห็นได้ชัดว่าตอนที่โทรศัพท์มาหาหลานชายก่อนหน้านี้ เวินจิ้งมักจะคอยอยู่ข้างกายเขาเสมอ

“มันเป็นภาพลวงตาครับ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงนิ่งเรียบ

ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้มู่เฉิงรู้สึกโกรธจนควันออกหูเสียจริง

เมื่อวางสาย มู่เฉิงรู้สึกทนเฉยต่อไปไม่ได้ จึงโทรศัพท์ไปหาเวินจิ้ง

“เสี่ยวจิ้ง นี่ปู่เองนะ”

“คุณปู่” เวินจิ้งเพิ่งเลิกเรียน และได้รับสายจากมู่เฉิงที่โทรเข้ามาโดยบังเอิญ

“เลิกเรียนหรือยัง” มู่เฉิงถามด้วยความกังวล

“อื้อ เพิ่งเลิกเลยค่ะ”

“ปู่เพิ่งโทรศัพท์ไปคุยกับวี่สิงมาเมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนว่าเขาต้องเข้าผ่าตัดแล้ว ปู่ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เขา เลยอยากวานให้หนูช่วยไปดูเขาแทนปู่ทีจะได้ไหม”

“ผ่าตัด เขาเป็นอะไรเหรอคะ” เวินจิ้งถามอย่างกังวล และรีบออกจากชั้นเรียนไปในทันที

“ปู่เองก็ไม่รู้ อาการขาอยู่ไม่สุขของเขาคงจะบาดเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว ปู่รู้สึกกังวลมากทีเดียว แต่ตอนนี้ปู่ไม่สามารถจะไปหาเขาได้ในทันที….” น้ำเสียงของมู่เฉิงไร้ซึ่งหนทางเลือกเป็นอย่างมาก

เวินจิ้งขมวดคิ้ว และกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “คุณปู่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เดี๋ยวหนูจะรีบไปดูอาการเขาให้ในทันที”

“จริงเหรอ มันจะรบกวนเวลาของหนูหรือเปล่า ต้องโทษเจ้าเด็กนั่น ซุ่มซ่ามเสียเหลือเกิน……” มู่เฉิงกล่าววนไปวนมา

“ไม่หรอกค่ะ ที่นี่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลจงซินมาก หนูไปดูอาการของมู่วี่สิงก่อน แล้วเดี๋ยวจะรายงานให้คุณปู่ทราบนะคะ”

“แบบนี้ดีมากเลย เวินจิ้ง ลำบากเธอแย่เลยนะ”

“ไม่ลำบากเลยค่ะ ไม่ลำบากเลย…..”

หลังจากวางสาย เวินจิ้งก็รีบออกเดินทางในทันที

มือของเธอทนไม่ไหวจนต้องสั่นเทิ้มอยู่ตลอดเวลา มู่วี่สิงต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างกะทันหันได้อย่างไรกัน

จริงอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของเขาบาดเจ็บ หรือว่าเขาจะหกล้มขึ้นมาอีกแล้วกัน

เขาไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดีเอาเสียเลย!

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม

“คุณลุงคะ ช่วยขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” สีหน้าของเวินจิ้งซีดเผือดเป็นอย่างมาก

“ข้างหน้ารถมันติดมากเลยนะ ลุงเองก็อยากขับเร็วอยู่หรอก แต่มันเร็วไม่ได้เนี่ยสิ!” ความอดทนของคนขับรถก็หมดลงเช่นกัน

ดูเหมือนว่าถนนด้านหน้าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถติดอยู่บนถนนเส้นนี้เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว

เวินจิ้งกดเปิดแอปนำทาง เพื่อดูระยะทางที่เหลืออยู่ ยังเหลืออีกสองกิโลเมตร

เธอจึงรีบจ่ายเงินและลงจากรถ เธอแทบจะวิ่งไปในทันที ท้องฟ้าช่างแดดจ้าเหลือเกิน เมื่อไปถึงยังโรงพยาบาล เธอเกือบจะเป็นลมจนยืนไม่อยู่

เธอเดินมุ่งตรงไปที่ห้องผ่าตัดอย่างไม่รีรอ แต่กลับไม่เห็นมู่วี่สิง เธอจึงรีบขึ้นไปยังแผนกผู้ป่วยในทันที

ทันทีที่มาถึงยังห้องผู้ป่วยของมู่วี่สิง เมื่อบอดี้การ์ดเห็นเธอเข้า ก็รีบเปิดประตูให้ในบัดดล

เวินจิ้งเดินเข้าไป และกล่าวอย่างตึงเครียดว่า “มู่วี่สิง เกิดอะไรขึ้น!”

ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นไปทั่วบนใบหน้าของเธอ ทั่วทั้งสรรพางค์กายคือเม็ดเหงื่อ เมื่อสักครู่นี้เธอวิ่งมาโดยตลอด และอากาศยังร้อนมากจนทำให้หน้าแดงก่ำด้วย

และในช่วงเวลานั้น มู่วี่สิงกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พร้อมกับกำลังจัดการเอกสารของบริษัทอย่างใจจดใจจ่อ

เวินจิ้งมองหน้าเขาอย่างแน่นิ่งอยู่พักใหญ่ และตะลึงงันเมื่อพบว่าเขาไม่ได้มีบริเวณไหนที่ได้รับบาดเจ็บมากถึงขนาดที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยสักนิดเดียว……

มู่วี่สิงเองก็มองดูเธอด้วยความงุนงงเช่นกัน เขาไม่สะดวกลงจากเตียง จึงบอกให้เวินจิ้งเดินเข้ามาหา

เวินจิ้งยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ

“คุณสบายดีเหรอ” เธอถาม

“ผมกำลังยุ่งน่ะ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

“คุณผ่าตัดหรือยัง”

มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก ตอนนี้เขายังคงไม่เข้าใจในความหมายของเวินจิ้ง

“คุณปู่บอกว่าคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัด เลยวานให้ฉันมาดูคุณแทนท่าน……” เวินจิ้งกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ

“อืม มาอยู่ข้าง ๆ ผมสิ”

ในตอนนี้ มู่วี่สิงเข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

คาดเดาได้ว่าชายชราคงกังวลอย่างมาก จึงพูดโกหกออกไป ก็เพื่อเร่งพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินจิ้ง

“ถ้าคุณไม่เป็นอะไร ฉันจะกลับแล้ว” ดูเหมือนว่าเวินจิ้งจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว

หรือว่าคุณปู่ได้โกหกเธอเข้าแล้วกัน

ถึงแม้ว่าเธอกับมู่วี่สิงจะหย่ากันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณปู่นั้น ก็ดำเนินไปได้ด้วยดีเสมอ

แต่ทว่าหากคุณปู่ต้องโกหกเพื่อให้เธอมาที่นี่ มันก็ชักจะมากเกินไปหน่อยแล้ว

“ขาทั้งสองข้างของผมขยับไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงของมู่วี่สิงรู้สึกผิดเล็กน้อย

เวินจิ้งมองดูเขาด้วยความสงสัย

“คุณปู่หวังจะให้คุณมาดูแลผม คุณอย่าไปโทษเขาเลย” เขามองออกว่าเวินจิ้งกำลังโกรธ

เวินจิ้งเม้มปาก และไม่พูดอะไรเหมือนเช่นเดิม

“ฉันต้องกลับโรงเรียนแล้ว” เวินจิ้งหันหลัง

เธอจะไม่มีทางใจอ่อน ไม่เด็ดขาด……

แต่ทว่าในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีเสียง “ปัง” ดังขึ้นมาจากด้านหลังอย่างฉับพลัน เมื่อเวินจิ้งหันหลังกลับไป ก็เห็นว่ามู่วี่สิงล้มลงไปนอนขาชี้ฟ้าอยู่บนพื้น……

ท่าทางนั้น ทำให้เวินจิ้งระเบิดเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาในทันที

มันตลกมากเหลือเกิน!

คุณหมอมู่ผู้อ่อนโยนสุภาพและสง่างามสูงส่งอยู่เสมอคนนั้น ในตอนนี้ ขาของเขาทั้งสองข้างกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยเฝือกขนาดใหญ่ และนั่งอยู่ที่พื้นอย่างจนตรอกเสียเหลือเกิน

เธอหันหลังไป และเดินเข้าไปประคองเขาขึ้นมา

แต่ทันทีที่มือของเธอไปแตะเข้าที่บ่าของมู่วี่สิง ก็ถูกเขาดึงตัวเข้าไปหา จนทำให้เธอล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างช่วยไม่ได้

แต่ด้วยความที่กลัวว่าจะไปโดนบาดแผลของเขาเข้า จึงทำได้แต่เพียงนั่งยอง ๆ อย่างระมัดระวัง

“คุณรีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า” เวินจิ้งเก็บรอยยิ้มเอาไว้ และมองดูเขาด้วยความกังวล

แต่มู่วี่สิงกลับเอาแต่กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน สูดดมกลิ่นของเธอที่แนบชิดกายอยู่กับตัวเขา และไม่ยอมปล่อยมือจากเธอเป็นเวลานาน

เวินจิ้งถูกชายหนุ่มกอดเอาไว้แน่น ด้วยแรงขนาดนี้ ราวกับจะบดขยี้ตัวเธอให้เข้าไปอยู่ในกระดูกเสีย

เธอแน่นิ่งตัวแข็งทื่อ โดยหวังว่าช่วงเวลานี้ จะคงอยู่เช่นนี้ต่อไปเป็นเวลานานแสนนาน

ความรู้สึกในขณะที่อยู่ภายในอ้อมแขนของมู่วี่สิง ล้วนแต่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเสมอ

แต่ทว่าความเงียบสงบนี้ก็คงอยู่ต่อไปไม่นาน เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในแผนกผู้ป่วยดังขึ้น อาจจะมีหมอสักคนกำลังเดินทางมาที่ห้องนี้ภายในเร็ววัน

“คุณมู่ครับ……”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท