Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 391

ตอนที่ 391

บทที่ 391ผมเป็นผู้ฟังของคุณได้ตลอด

เวินจิ้งก็รู้สึกได้แล้วว่า มือไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหน จึงรีบวิ่งไปบนเตียงแล้วใช้ผ้าห่มห่มตัวเองไว้

เพียงแต่มู่วี่สิง ก็เดินตามมาติดๆ

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ดวงตามองดูเขาอย่างไรเดียงสา

คอหอยมู่วี่สิงเคลื่อนไหว ดวงตารุกรานยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น

แขนยาวยื่นออกไป เวินจิ้งที่อยากหลบถูกเขาคว้ามาแนบอก

“มู่วี่สิง คุณปล่อยฉัน…”เวินจิ้งดิ้นรน “คุณไปอาบน้ำ อาบน้ำ”

“ทำไม่ได้” ตอนนี้มู่วี่สิงเหมือนสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง

เวินจิ้งแทบ…อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา

ผลักเขาออกก็ไม่ไหว หนีก็หนีไม่พ้น

ทำได้เพียงถูกเขากอดแนบอก การกระทำยิ่งอยู่ยิ่งควบคุมไม่ได้แล้ว…

ทั้งสองคนไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มานานมากแล้ว เวินจิ้งค่อนข้างกลัว

แต่มู่วี่สิงอ่อนโยนมาก ปลอบเธออย่างยั่วยวน เวินจิ้ง จึงค่อยๆคลายความต่อต้าน

ร่างกายผ่อนคลายลง เธอหลับตา มือกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น

เวลาต่อมา เธอรู้สึกเหมือนมีน้ำอะไรอุ่นๆไหลออกมาจากภายในร่างกาย…

มือรีบยันมู่วี่สิงไว้ เธอหุบขาทั้งคู่

“ฉัน…อันนั้นมา” เธอแทบไม่กล้ามองสีหน้าของมู่วี่สิง

มืดดำมาก

สูดหายใจเข้าลึกๆ มู่วี่สิงเปลี่ยนเป็นกอดเวินจิ้งไว้แทน แล้วจูบเธอ

“ที่นี่มีอันนั้นไหม?” เวินจิ้งถาม

“อันไหน?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ยังไม่เข้าใจในทันที

“ผ้าอนามัย…”

“ผมไปถามซือซือ”

ที่จริงมู่ซือซือหลับไปแล้ว ดึกดื่นเที่ยงคืนได้ยินเสียงเคาะประตูก็รู้สึกโกรธ เมื่อเปิดประตูก็เห็นพี่ชายตัวเองสีหน้าเคร่งเครียด คำที่อยากด่าก็พูดไม่ออก

ทำไมทำหน้าเหมือนอยากแล้วไม่สมปรารถนา?

“พี่ชาย มีอะไร?”

“ยืมผ้าอนามัย” น้ำเสียงมู่วี่สิงค่อนข้างลำบากใจ

“ฮ่าๆ” มู่ซือซือหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ต่อมาก็แสดงสีหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “เห็นทีอยากแล้วไม่สมปรารถนาแล้วจริงๆ”

สีหน้ามู่วี่สิงยิ่งเคร่งเครียด “อย่าพูดมาก”

“เอาเถอะ เอาไปสิ” มู่ซือซือโยนให้เขาห่อใหญ่

……………..

เช้ารุ่ง เวินจิ้งตอนขึ้นมาในอ้อมกอดของมู่วี่สิง

มือแนบอยู่ตรงหน้าอกเขา สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายที่อบอุ่นของเขา

ใบหน้าแดงอย่างขวยเขิน คิดถึงภาพเมื่อคืนที่เกือบต้องฝ่าไฟแดง

คางถูกเชยขึ้น มู่วี่สิงตื่นเช้ากว่าเธอ มองดูเธอนอนอย่างสบาย ริมฝีปากบางยักขึ้นบางเบา

“จะไม่สบายไหม?” เสียงของผู้ชายในตอนเช้าจะแหบอย่างมีเสน่ห์

เวินจิ้งส่ายหัว เธอปวดท้องเวลาเป็นประจำเดือนน้อยมาก เมื่อก่อนก็มีปวดบ้าง มู่วี่สิงก็จะคอยดูแลเธอ

วันเวลาแบบนี้ คิดไม่ถึงว่ายังสามารถกลับมามีได้อีก

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว มู่วี่สิงส่งเธอกลับไปยังมหาวิทยาลัยหลินไห่ก่อน

“คืนนี้รอผมอยู่ที่ห้องทำงาน” เขาสั่งไว้

เวินจิ้งพยักหัว “ผลตรวจของคุณปู่คุณไปเอาด้วยนะ มีอะไรก็บอกฉัน”

“อืม” มู่วี่สิงโอบไหล่เธอมากอด แล้วก็จูบเธอก่อนจะไป

กลับมาถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เกาเชียนรออยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว

“ท่านประธานมู่ บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปได้เงินลงทุนแล้ว” เกาเชียนรายงาน

ได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้ามู่วี่สิงเคร่งขรึม “ใครให้เงินลงทุน?”

“สืบไม่พบ”

ข้อมูลของคนที่ลงทุนนี้ลึกลับมาก เกาเชียนสะกดรอยติดตามฉีเซินอยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบอะไรเลย

มู่วี่สิงจับระหว่างคิ้วอย่างอ่อนล้า “สืบต่อไป”

ตอนบ่าย เวิยจิ้งเลิกเรียนแต่เช้าแล้ว จึงไปโรงพยาบาลเพื่อไปเอาผลตรวจร่างกายของเธอ

ก่อนหน้านี้ที่เธอไปเอานั้น น่าจะถูกมู่วี่สิงเปลี่ยนแล้วแต่แรก เธอจึงต้องไปตรวจด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อได้เจอหมอ เวินจิ้งรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

ถึงแม้จะพอรู้อาการของร่างกายตัวเอง แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้าด้วยตัวเอง เธอจึงยังคงตื่นเต้น

“คุณเวิน ผมดูผลตรวจเอกซเรย์ของคุณแล้ว ก้อนเนื้องอกในสมองของคุณที่จริงสามารถตัดออกได้ แต่อาจเป็นเพราะตำแหน่งค่อนข้างพิเศษ หากตัดออกอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาท และส่งผลกระทบต่ออาการอย่างอื่น อย่างไม่อาจคาดการณ์ ผมจึงแนะนำว่าไม่ต้องตัดออก ไม่อย่างนั้นในระหว่างผ่าตัดก็มีความอันตรายแล้ว” คุณหมอพูดอย่างหนักแน่น

สีหน้าเวินจิ้งเศร้า เธอเองก็กำลังเรียนเกี่ยวกับระบบประสาท จึงรู้ถึงความอันตรายที่มี แต่ความจริงนี้ เธอคาดหวังให้คนอื่นเป็นคนบอกเธอ

เป็นแบบนี้จริงๆ

สีหน้าเธอค่อยๆซีดลง

“ฉันยังมีเวลาอีกเท่าไหร่”

“หากใช้ยารักษา ตามที่เคยมีประวัติการรักษามา หากโชคดีสามารถมีชีวิตอยู่ได้ห้าปี แต่ปกติแล้วก็จะประมาณสามปี”

เวินจิ้งพยักหัว อยากที่จะปรับสติอารมณ์ของตัวเองให้ดีนั้นยากมากเลย

เธอไม่รู้ตัวเลยว่าออกมาจากโรงพยาบาลได้อย่างไร ลมเย็นๆด้านนอกพัดผ่าน เธอโอบไหล่ไว้ คุกเข่าลงอย่างทรมาน ดวงตายิ่งอยู่ยิ่งแดง

หนาวเย็นจนถึงกระดูก

ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงฝีเท้าค่อยๆเข้ามาใกล้ หลิงอี้ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วคลุมบนตัวเวินจิ้ง

“เวินจิ้ง” เขาร้องเรียก

แต่ยังไงเธอก็ไม่หันมามอง

หลิงอี้ยืนอยู่ด้านข้างเธอ ช่วยเธอบังลมเย็นๆที่พัดมา

ตอนที่เวินจิ้งลุกขึ้นยืน ขาก็อ่อนไปทั้งหมดจนแทบยืนไม่ไหว

หลิงอี้ประคองเธอไว้มั่น

เหนื่อยน่ามองดูเห็นเป็นหลิงอี้ เวินจิ้งดูแปลกใจมาก

เสื้อคลุมบนตัวไหลหล่นลง เวินจิ้งตัวแข็ง

“ขอบคุณ ฉันไม่หนาว” เวินจิ้ง เอาเสื้อคลุมยื่นคืนให้เขา

แต่หลิงอี้ไม่รับ

สายตายังคงมองเธออย่างลึกซึ้ง

“เป็นอะไร?”

“ทำไมถึงร้องไห้?” หลิงอี้ยังคงเอาเสื้อคลุม คลุมบนตัวเธออย่างดื้อรั้น

“ไม่ได้ร้องไห้” เวินจิ้งหันหน้าไปทาง

แต่ดวงตาสีแดงกลับใบหน้าที่สีขาวซีดของเธอไม่สามารถปิดบังได้

“ต้องการไหล่ของผมให้คุณพิงไหม?” หลิงอี้ถาม

เวินจิ้งส่ายหัว “ไม่เป็นอะไรจริงๆ”

“งั้นให้ผมไปส่งคุณได้ไหม?”

“ได้”

เข้าไปนั่งในรถ เวินจิ้ง เหม่อลอย ในสมองมีแต่คำพูดของหมอ

เหมือนกับตอนนั้นที่เธอได้ยินคำสนทนาด้านนอกห้องทำงาน

สามปี

เธอมีเวลาเพียงแค่สามปี

ทั้งตัวเวินจิ้งประกายความรู้สึกที่เจ็บปวด หลิงอี้รู้สึกได้อย่างชัดเจน

ขมวดคิ้วไว้ เขาไม่ได้ขับรถไปที่มหาวิทยาลัย แต่ขับไปที่ห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่ง

เวินจิ้งรู้สึกตัว แล้วมองดูเขายังสงสัย

“ลงรถ ผมพาคุณไปสถานที่แห่งหนึ่ง”

หลิงอี้พาเธอไปยังห้องคาราโอเกะขนาดเล็กห้องหนึ่ง เวินจิ้งนั่งลงแล้วก็ยิ่งสงสัย

“เวินจิ้ง อยู่ที่นี่อยากร้องไห้ก็ร้องเลย”

พูดเสร็จ หลิงอี้ก็ช่วยเธอสวมหูฟัง ปรับเสียงดนตรีให้ดังที่สุด

เวินจิ้งกระพริบตา ฟังเสียงดนตรีที่เปิดอยู่ในหูฟัง ผ่อนคลายสบาย อารมณ์ก็ค่อยๆดีขึ้นไม่น้อย

ไมโครโฟนถูกส่งมาตรงหน้าเธอ เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น หางตาหลิงอี้กำลังยิ้มอยู่

“ฉันร้องเพลง…ไม่น่าฟัง” เวินจิ้งเกรงๆ

เธอร้องเพลงไม่ถูกจังหวะมาตั้งแต่เด็ก

“ไม่เป็นไร ผมเป็นผู้ฟังของคุณได้ตลอด”

เวินจิ้งรับเอาไมโครโฟนมา เพียงร้องง่ายๆไม่กี่คำ น้ำตาก็เปียกดวงตา เธออดทนไว้ไม่ให้ไหลออกมา

สูดจมูกเข้าลึกๆ ในที่สุดเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

ก่อนออกจากห้องร้องคาราโอเกะขนาดเล็ก เวินจิ้งมองดูหลิงอี้ “ขอบคุณนะ”

“ไปทานข้าวไหม?” ถึงแม้หลิงอี้จะถาม แต่ก็ได้พาเธอมาถึงห้องอาหารร้านหนึ่งแล้ว

เป็นร้านสุกี้ร้านหนึ่ง แขกเยอะมาก แต่ดูเหมือนผู้จัดการจะรู้จักหลิงอี้ ข้างนอกยังมีคนรออยู่ไม่น้อย แต่หลิงอี้กลับได้ที่นั่งแล้ว

“ทานอะไรเผ็ดๆหน่อย อยากร้องไห้ก็ร้องไห้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท