Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 472

ตอนที่ 472

บทที่ 472 มีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น

มู่วี่สิงทำซุปหนึ่งอย่าง เนื้อสามอย่างและผักอีกหนึ่งอย่าง

ส่วนเวินจิ้งนอกจากเป็นลูกมือแล้ว ก็ไม่ได้แตะแม้แต่กระทะหรือตะหลิว

ประสิทธิภาพในการทำอาหารของมู่วี่สิงถึงได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้……

“คืนนี้อยากกลับไปที่มหาลัยหรืออยู่ที่นี่?” มู่วี่สิงเอ่ยถามขึ้น

เวินจิ้งมองชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า เขาอุตส่าห์ทำอาหารให้เธอเต็มโต๊ะ ถ้าแค่มาฝากปากฝากท้องแล้วก็กลับไปเฉยๆ เวินจิ้งก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

อีกอย่างในใจก็แอบไม่อยากกลับไปสักเท่าไหร่เหมือนกัน

“คุณอยากกอดฉันไหม?” เวินจิ้งโยนคำถามกลับไปที่มู่วี่สิง

วินาทีต่อมา ท้ายทอยของเธอก็ถูกกำรวบ จากนั้นมู่วี่สิงก็ขยับเข้ามาประชิด จนระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากๆ

“ผมอยากให้คุณอยู่กับผม”

เวินจิ้งกะพริบตา และในตอนที่กำลังตกตะลึง ริมฝีปากของมู่วี่สิงก็จูบลงมา

เป็นจูบที่ทั้งนุ่มนวล ทั้งอาลัยอาวรณ์ เวินจิ้งชอบมันเป็นอย่างมาก

เธอจึงเงยหน้า และเริ่มจูบตอบเขา

คืนนี้ เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของมู่วี่สิง คงเป็นเพราะเรื่องของคุณปู่ เขาเลยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

เวินจิ้งกอดเขาไว้ ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างคงที่ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันจะอยู่กับคุณ”

เมื่อเก็บจานชามและตะเกียบไปวางไว้ในเครื่องล้างจาน ทั้งสองคนก็มานั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน มู่วี่สิงต้องจัดการเรื่องงาน ส่วนเวินจิ้งช่วงนี้ก็ต้องช่วยแม่จัดการเรื่องบริษัทหลินซื่อ ทั้งสองคนจึงต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป การได้มาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมา เป็นสายโทรศัพท์จากส้งวี่

“คุณปู่ยืนกรานจะย้ายโรงพยาบาลให้ได้ ฉันกับซือซือก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนนี้เลยต้องพาย้ายมาที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยหลินไห่”

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “รับทราบ”

ในห้องรับแขกเงียบมาก ด้วยเหตุนี้เวินจิ้งจึงได้ยินเสียงที่ดังอยู่ในสายได้อย่างชัดเจน

“ทำไมคุณปู่ย้ายโรงพยาบาลล่ะ?”

“ท่านกำลังโกรธผมอยู่” มู่วี่สิงพูดเสียงหนัก

โรงพยาบาลหนานเฉิงมีแต่คนของเขา ตอนนี้คุณปู่ไม่พอใจมู่วี่สิง และก็คงไม่พอใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วยเป็นธรรมดา

“ถึงยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน และคุณปู่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ท่านคงโกรธได้ไม่นานหรอก” เวินจิ้งพูดปลอบใจ

“นิสัยของคุณปู่ก็เหมือนคุณนั่นแหละ ดื้อเหมือนกันเลย!”

เวินจิ้งยิ้ม “เปล่าซะหน่อย…..”

เช้าวันต่อมาเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ มู่วี่สิงก็พาเวินจิ้งมาส่งที่โรงพยาบาล เพราะวันนี้ไป๋สือต้องทำการผ่าตัด

“คุณปู่พักอยู่ห้องไหนเหรอ ฉันว่าทำงานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”

“1128”

เวินจิ้งจำเอาไว้ จากนั้นก็เร่งรีบเข้าไปข้างใน

รถของมู่วี่สิงจอดนิ่งอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้เปิดประตูลงจากรถไป

เมื่อมาถึงห้องของคุณปู่ ก็พบว่าส้งวี่เพิ่งซื้ออาหารเช้าเข้ามาให้คุณปู่

“พวกฉันเอาไม่อยู่ วี่สิง ครั้งนี้คุณปู่ดูอารมณ์เสียมากเลยนะ” ส้งวี่เริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้ว

ถ้าคุณปู่เอาแต่ใช้อารมณ์อยู่แบบนี้ มันอาจจะส่งผลต่ออาการป่วยของคุณปู่เอาได้

“เมื่อคืนคงลำบากพวกนายแย่” มู่วี่สิงเอ่ยพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก คุณปู่เองก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวของฉัน ฉันกับซือซือขอตัวออกไปข้างนอกก่อน นายก็คุยกับคุณปู่ดีๆล่ะ”

พูดทิ้งท้ายไว้ ส้งวี่ก็ดันมู่ซือซือให้ออกไปข้างนอก

“พี่คะ ระวังเรื่องอารมณ์ของคุณปู่ด้วย” มู่ซือซือย้ำเตือน

มู่วี่สิงพยักหน้าให้

ในห้องผู้ป่วย มู่เฉิงกำลังกินโจ๊ก เมื่อเห็นมู่วี่สิง ก็มีสีหน้าไม่ดีนัก

มู่วี่สิงตรวจดูในประวัติคนไข้ เมื่อเห็นว่าคุณหมอเจ้าของไข้เป็นคนที่เขารู้จัก จึงสบายใจขึ้นมาบ้าง

“แกมาทำไม?” น้ำเสียงของมู่เฉิงเย็นชาเอามากๆ

“มาเยี่ยมคุณปู่ครับ” มู่วี่สิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง

“ฉันสบายดี”

“คุณปู่ครับ เรื่องของบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปปู่ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”

“อืม บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปฉันจะส่งต่อให้แก ส่วนไอ้เศษสวะมู่เหิงนั่น ฉันไม่ช่วยประคับประคองหรอกนะ” มู่เฉิงพูดขึ้น

นี่เป็นเรื่องที่สองวันมานี้เขาคิดไว้ดีแล้ว ถ้าหากช่วยประคับประคองมู่เหิง ก็จะทำให้บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นในอนาคตมันก็จะมีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น

บรรยากาศระหว่างปู่และหลานผ่อนคลายขึ้นเยอะมาก ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่มู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาลอีก ถือว่าเป็นการถอยให้กันทั้งสองฝ่าย

……

ขณะเดียวกัน ณ บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ป

ช่วงนี้โรงพยาบาลเอกชนทยอยถูกปิดตัวลงติดต่อกัน จนผลงานของบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปค่อยๆร่วงหล่นลงทีละขั้น

มู่เฉิงยังคงไร้ซึ่งการตอบกลับ บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นแรกเริ่ม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีรูปแบบนี้ จึงฟุบตัวลงอย่างไม่สามารถฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง

โจวเซินไม่ได้แยแสอะไรเลยมาตั้งแต่ต้น ส่วนมู่เหิงก็ตกอยู่ในสภาพอึดอัด

ไม่นาน ผู้ช่วยก็เข้ามารายงานกับเขาว่า “ประธานมู่ครับ คุณปู่มู่เข้าโรงพยาบาลครับ”

“อะไรนะ? อยู่โรงพยาบาลไหน?” มู่เหิงชะงักนิ่ง

“โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่ครับ”

มู่เหิงหรี่ตาลง ผ่านไปพักใหญ่ ริมฝีปากบางก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย

ช่วงบ่าย เมื่อเวินจิ้งและไป๋สือร่วมมือกันทำการผ่าตัดจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เวินจิ้งเลยมาเยี่ยมเยือนมู่เฉิงที่ห้องพักผู้ป่วย

ซึ่งนอกจากบอดี้การ์ดสองคนแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

เวินจิ้งเคาะประตูจากนั้นก็เดินเข้าไป

เมื่อเห็นเวินจิ้ง สีหน้าของมู่เฉิงก็เย็นชา

“คุณเวินเองเหรอ”

เมื่อได้ยินคำเรียกแบบนี้ เวินจิ้งก็นิ่งไปสักพัก

ปกติมู่เฉิงจะเรียกชื่อของเธออย่างสนิทสนม แต่ว่าตอนนี้ กลับดูห่างเหินขึ้นเยอะ

“คุณปู่ เป็นยังไงบ้างคะ?” เวินจิ้งถามอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นอะไรมาก คุณกลับไปทำงานเถอะ”

เวินจิ้งยิ้มค้าง ในเวลานี้เธอสังเกตเห็นความเฉยเมยของมู่เฉิงได้อย่างชัดเจน

“คุณปู่คะ อยากให้ฉันอยู่คุยเป็นเพื่อนไหม?” เมื่อมองรอบๆห้องพักผู้ป่วยที่ดูว่างเปล่า เธอจึงคิดว่ามู่เฉิงคงจะเหงาน่าดู

อีกอย่างเวลาปกติคุณปู่ก็ชอบให้เธออยู่เป็นเพื่อนด้วย

“อืม ก็ดี นั่งลงสิ” มู่เฉิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร

“เวลาวี่สิงตรวจคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาล ปกติแล้วคุณก็อยู่ที่นั่นกับเขา?” มู่เฉิงเอ่ยถาม

เวินจิ้งพยักหน้า “เวลามู่วี่สิงตรวจคนไข้ ฉันก็จะเรียนรู้จากเขา เขาก็ถือว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันด้วยเหมือนกันค่ะ”

มู่เฉิงขมวดคิ้ว ความไม่พอใจเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในดวงตา

“คุณเวิน คุณคงรู้ ว่าฉันไม่อยากให้วี่สิงทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลไปตลอด อนาคตของเขา ควรจะอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”

เวินจิ้งเงียบ มันคือการตัดสินใจของมู่วี่สิง เธอคิดว่า ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย

เพียงแต่ว่า ท่าทีที่มู่เฉิงแสดงออกดูจะเผด็จการไปเสียหน่อย

“คุณปู่คะ มันคือความต้องการของมู่วี่สิงหรือเปล่า?” เวินจิ้งเอ่ยถาม

“มันคือความคาดหวังที่ฉันมีต่อเขา และมันก็คือข้อกำหนดที่เขาต้องทำตามด้วย!” มู่เฉิงพูดเสียงหนัก

“คุณปู่คะ คุณปู่ควรให้สิทธิ์การตัดสินใจนี้กับมู่วี่สิง มีแค่ตัวเขาเท่านั้นถึงจะสามารถกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่เฉิงก็อึมครึมยิ่งกว่าเดิม

“เพราะฉะนั้น คุณเลยคิดว่าเขาควรทำงานที่โรงพยาบาล และทำหน้าที่เป็นคุณหมอต่อไปงั้นเหรอ? แล้วบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปล่ะ ใครจะมารับช่วงต่อ!” มู่เฉิงเริ่มโกรธ

เวินจิ้งไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เธอรู้ถึงสถานการณ์ของคุณปู่ในตอนนี้ดี ว่าไม่สมควรรับแรงกระตุ้นจากอะไรทั้งสิ้น

“คุณปู่คะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“เวินจิ้ง คุณเป็นเด็กรู้จักความและมีเหตุผล ฐานะและตำแหน่งของมู่วี่สิงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องมารับช่วงต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เป็นคุณหมอ ถ้าการที่เขายังอยากทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปมันมีสาเหตุมาจากคุณ ฉันก็จะไม่ให้คุณอยู่ข้างๆเขาอีก” เสียงของมู่เฉิงน่าเกรงขามมาก ถึงขนาดที่ว่าพกพาแววข่มขู่มาด้วย

เวินจิ้งนิ่งอึ้งไปนาน คิดไม่ถึงว่าคุณปู่จะพูดแบบนี้ออกมา

ที่มู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาล เธอคิดมาตลอดว่ามันต้องเป็นเพราะเขามีแผนการและอุดมการณ์เป็นของตัวเอง

แต่ตอนนี้ มู่เฉิงกลับมาบอกว่าอาจจะเป็นเพราะเธองั้นเหรอ?

จะเป็นไปได้ยังไง……

“คุณปู่คะ แต่นี่คือเส้นทางที่มู่วี่สิงเลือกเองตั้งแต่แรกนะคะ!” เวินจิ้งโต้กลับ

ถ้าคุณปู่จะให้เธอไปจากมู่วี่สิง……เธอคงทำไม่ได้…….

“ไม่ใช่ เส้นทางแรกเริ่มของเขาก็คือการสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ฉันให้เวลาเขาทำตามอำเภอใจมามากพอแล้ว เขาต้องกลับมารับผิดชอบสิ่งนี้ และถ้าหากคุณคือตัวถ่วงในเส้นทางนี้ ฉันก็จะกำจัดคุณอย่างไม่คิดออมมือให้แน่” ถ้อยคำของมู่เฉิง เย็นชาจนถึงที่สุด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท