Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 501

ตอนที่ 501

บทที่ 501 อนาคต อาจจะกลับมา

เวินจิ้งรีบรับสายทันที “โจวหย่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“จิ้งจิ้ง คุณเป็นห่วงโจวหย่าน หรือเป็นห่วงผม?” มู่วี่สิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสัพยอก

“ต้องห่วงคุณสิ!”

“อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก การรักษาด้วยการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง แต่การรักษาด้วยยาก็แทบจะไม่เห็นผลเลย”

“งั้นคุณจะรักษาเธอด้วยการผ่าตัดเหรอ?” เวินจิ้งถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ในฐานะคนที่เป็นหมอเหมือนกัน เวลารักษาคนไข้แทบจะไม่ได้คิดถึงฐานะของคนไข้เลย

หล่อนเองก็ไม่ได้หวังให้มู่วี่สิงเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย

“ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นหมอแล้ว ถ้าจะให้ฉันลงมือผ่าตัดล่ะก็ โรงพยาบาลก็ต้องคืนตำแหน่งให้ฉัน

“มู่วี่สิง คุณอาศัยบารมีของตระกูลโจวคืนตำแหน่งให้ตัวเอง” เวินจิ้งเอ่ยอย่างคาดเดา

หากว่ามู่วี่สิงดึงดันที่จะรั้งตำแหน่งเอาไว้ แผนเล่นงานของมู่เฉิงย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร

เพียงแต่ ตอนนี้ต้องทำให้มู่เฉิงคลายความระแวงลง

ดังนั้นตอนที่เลี่ยวหยงเอ่ยเรื่องการรักษาโจวหย่านกับเขา เขาจึงไม่ปฏิเสธเลยสักคำ

“เรื่องคืนตำแหน่งก็เรื่องหนึ่ง ถ้าผมไม่ตอบโต้บ้าง เกรงว่าคุณปู่คงจะลืมว่า ตอนนี้ใครเป็นคนกุมอำนาจ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงทุ้มต่ำลงหลายส่วน

เวินจิ้งนิ่งอึ้ง มู่วี่สิงในยามนี้ทำให้หล่อนรู้สึกห่างเหินเหมือนไม่เคยรู้จักกันขึ้นมาในทันใด

หล่อนมองมู่วี่สิงในฐานะหมอมาโดยตลอด ทว่ากลับลืมไปเสียสนิทว่า เขาเองก็เป็นถึงท่านประธานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว

หลังจากวางสาย เวินจิ้งก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ในสมองก็ผุดเรื่องที่คุยกับหลินเวยเมื่อสักครู่ขึ้นมา

ถ้ากลับไปที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ หล่อนก็ไม่แน่ใจแม้กระทั่งว่าจะมีอาจารย์ท่านใดยอมสอนหล่อนต่อหรือไม่ ถ้าไม่มี หล่อนก็ไม่อยากให้มู่วี่สิงใช้สายสัมพันธ์มาช่วยเหลืออีก

พลิกไปพลิกมาอยู่เช่นนั้น เวินจิ้งเลยไม่ได้หลับเลยทั้งคืน พอเช้าวันถัดมาก็รีบไปพบศาสตราจารย์ไป๋ทันที

เพราะพักอยู่ในโครงการเดียวกัน เวินจิ้งเลยมาถึงอย่างรวดเร็ว ที่เปิดประตูต้อนรับคือ·คนรับใช้

“คุณเหวิน คุณท่านรอคุณอยู่ที่ห้องสมุด”

เวินจิ้งพยักหน้าตอบ ฝีเท้าพลันย่างลงอย่างหนักแน่น

ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักศาสตราจารย์ไป๋มาได้เพียงครึ่งปี แต่หล่อนก็รู้สึกชอบเรียนกับไป๋สือจริง ๆ ไม่ว่าความสามารถหรือระดับมาตรฐาน ไป๋สือก็คือศาสตราจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด อีกทั้งยังมีเมตตาอารีต่อผู้คน ไม่เคยวางท่าเลยสักนิด

“ศาสตราจารย์” ครั้นเดินเข้าไปในห้องสมุด เวินจิ้งก็พลันสะอึกสะอื้น

เห็นได้ชัดว่าตอนมาก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่พอได้พบไป๋สือ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ราวกับทำนบพังเช่นนั้น

ไป๋สือทอดถอนใจ ก่อนจะตบที่ตำแหน่งข้างกาย

เดิมทีการตัดสินใจเกษียณก่อนกำหนดนี้อยู่ในแผนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่เพราะต้องการตอบแทนน้ำใจของมู่วี่สิง ก็เลยรับเวินจิ้งคนนี้เป็นลูกศิษย์ ทว่าไม่คิดว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย ในเมื่อเวินจิ้งเปลี่ยนที่เรียน เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว

“เวินจิ้งเอ๊ย ตัดอาลัยจากศาสตราจารย์ไม่ได้หรือ?”

“แน่สิคะ ศาสตราจารย์เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด ศาสตราจารย์จะเป็นศาสตราจารย์ที่หนูเคารพนับถือที่สุดตลอดไป” เวินจิ้งสูดน้ำมูกสะอึกสะอื้น

วิชาความรู้ที่ไป๋สือถ่ายทอดให้แก่หล่อน ใช้ได้ทั้งชีวิต

“หนูเป็นลูกศิษย์ที่ฉลาดและกระตือรือร้นที่สุดที่ศาสตราจารย์เคยสอนมา ศาสตราจารย์เองก็ตัดอาลัยไม่ลงเหมือนกัน เพียงแต่กฎระเบียบของมหาวิทยาลัยหลินไห่ นับวันยิ่งทำให้ศาสตราจารย์รู้สึกรับไม่ได้ พอรู้ว่าหนูถูกไล่ออกโดยไร้สาเหตุ ครั้งนี้ศาสตราจารย์โมโหเลยไม่ทำมันแล้ว…” ไป๋สือทอดถอนใจ

ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เวินจิ้งสามารถกลับไปเรียนต่อได้แล้ว แต่เขาไม่อยู่แล้ว เกรงว่าก็คงไม่ยอมรับไม้ต่อจากศาสตราจารย์ของหล่อน

ไป๋สือรู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ศาสตราจารย์ หนูเข้าใจค่ะ หนูเองก็ไม่แน่ว่าจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ ครั้งนี้ที่มาหา ก็แค่มาเยี่ยมศาสตราจารย์เท่านั้นเองค่ะ”

“แม่หนู เธอช่างใส่ใจนัก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตอนที่หนูเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหนานเฉิงก็มีเรื่องแปดเปื้อนมลทินอยู่แล้ว ถึงแม้จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ล้างมลทินได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังคงตื่นตัวกับเรื่องนี้อยู่ดี ถ้าหนูยังอยู่ในประเทศต่อไปเกรงว่าสถานะของหนูคงจะไม่ดีไปกว่านี้เสียเท่าไร หากไปอยู่ต่างประเทศล่ะก็ อาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าก็เป็นได้”

“หนูเข้าใจค่ะ ตอนนี้หนูก็คิดอย่างนี้เหมือนกันค่ะ” เวินจิ้งกล่าวอย่างเสียไม่ได้

“แต่หนูกับเจ้าหนุ่มวี่สิงนั่น ก็ต้องแยกจากกันน่ะสิ ตอนนี้มีแผนว่าจะแต่งงานใหม่กันไหม?” ไป๋สือถามไถ่อย่างห่วงใย

“เรื่องแต่งงานใหม่คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ตอนนี้การเรียนคือเรื่องที่สำคัญที่สุดของหนู”

“เจ้าหนุ่มวี่สิงนั่นก็ลำบากไม่น้อย ตอนนี้ต้องมารับภาระดูแลบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ครั้นจะกลับไปเป็นหมอ ก็คงไม่ง่าย ช่วงเวลาหนุ่มสาวของพวกเธอยังเหลืออีกมาก ไม่ต้องรีบหรอก…”

อยู่คุยเป็นเพื่อนศาสตราจารย์ไป๋ทั้งเช้า ศาสตราจารย์เลยรั้งเวินจิ้งให้อยู่รับประทานมื้อเที่ยงด้วยกัน

พอมู่วี่สิงรู้ เลยมาหาเช่นกัน

ทว่าคนที่มาด้วยกันยังมีไป๋ลู่ที่เพิ่งกลับมาด้วย

ช่วงนี้มู่เหิงถูกทำทัณฑ์บน อารมณ์ของไป๋ลู่เลยไม่ค่อยดีเสียเท่าไร

“ที่บ้านไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานแล้ว” ไป๋สือดีใจมาก ทุกคนปักหลักอยู่ในห้องอาหาร ไป๋สือยังเปิดไวน์แกล้ม

มู่วี่สิงก็มิได้ขัดศรัทธาของไป๋สือ ดื่มเป็นเพื่อนไป๋สือเล็กน้อย ทั้งสองพูดคุยเรื่องโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย เวินจิ้งเองก็รู้เรื่องที่ทำให้มู่วี่สิงลำบากใจช่วงฝึกงานไม่น้อย

ถึงแม้ คุณหมอมู่ จะปราดเปรื่องมีพรสวรรค์ แต่เพิ่งจะเคยเข้าร่วมผ่าตัดของจริงในโรงพยาบาล เป็นเพราะชอบครุ่นคิดและขี้สงสัย เลยถามปัญหาเชิงลึกหลายข้อกับศาสตราจารย์ไปไม่น้อย ถึงกับมีช่วงหนึ่งที่มีแต่ไป๋สือเท่านั้นที่ยอมสอนเขา

มู่วี่สิงก้าวหน้าไวมาก เข้ามาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ไม่ถึงปีก็สามารถผ่าตัดคนเดียวได้แล้ว นับเป็นแพทย์ผู้อำนวยการที่เติบโตเร็วที่สุดในโรงพยาบาล ทั้งยังอายุน้อยที่สุดอีกด้วย

อายุยี่สิบห้าก็เรียนจบดอกเตอร์แล้ว ประวัติย่อของมู่วี่สิงช่างแพรวพราวเหลือเกิน

ทว่าตอนนี้มู่วี่สิงกลับเลือกที่จะรับช่วงต่อดูแลกิจการตระกูล ถึงอย่างไรไป๋สือก็รู้สึกเสียดายมาก

“เจ้าหนุ่ม อนาคตไม่คิดจะกลับมาทำงานโรงพยาบาลแล้วหรือ?” ไป๋สือดื่มจนเริ่มเมาได้ที่ แต่มีคนอยู่เป็นเพื่อน เขารู้สึกสมใจมาก

“อนาคต อาจจะกลับมาครับ” มู่วี่สิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งขัน

อาชีพนี้ เขาไม่เคยนึกตัดใจได้มาก่อน

ถึงอย่างไรเขาก็มีอุดมการณ์ของตัวเอง

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”

ไป๋สือดื่มจนฟุบหลับไปถึงยอมปล่อยให้มู่วี่สิงลาจาก ไป๋ลู่ พยุงผู้เป็นพ่อกลับห้อง เห็นทั้งสองกำลังจะไป เลยกล่าวด้วยมารยาท “วันนี้ขอบคุณพวกเธอมากนะที่อยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อ ที่บ้านไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานแล้ว”

เวินจิ้งเผยยิ้ม “ฉันเคยรับปากศาสตราจารย์ไป๋เอาไว้ ว่าต่อไปถ้ามีเวลาจะมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ ท่านเป็นอาจารย์ของฉัน และก็เป็นบุคคลที่ฉันเคารพรักที่สุดด้วย”

พอออกจากบ้านมา บรรยากาศอันอบอุ่นเมื่อครู่ก็พลันมลายหายไป หัวใจของเวินจิ้งเต็มไปด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง

“ฉันจะกลับ ตระกูลหลิน” เวินจิ้งไม่ยอมขึ้นรถ

ตอนนี้หล่อนอยากอยู่คนเดียว

ทว่ามู่วี่สิงกลับจับมือของหล่อนไว้ ก่อนจะพาหล่อนขึ้นรถโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“จิ้งจิ้ง เรื่องศาสตราจารย์ไป๋ลาออก ผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน” มู่วี่สิงกล่าวเสียงต่ำ

เวินจิ้งนิ่งเงียบ ไม่ส่งเสียงใด ๆ

อิงแอบอยู่ในอ้อมอกของมู่วี่สิง ตอนนี้หล่อนเห็นหนทางข้างหน้าพร่ามัวไปหมด

“ขอบคุณสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะ ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับอาจารย์ดี ๆ อย่างศาสตราจารย์ไป๋” เวินจิ้งกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง

เป็นเพราะมู่วี่สิง หล่อนถึงได้มีช่วงเวลาดี ๆ เช่นนี้

“การเกษียณก่อนกำหนดของไป๋สือเป็นความสูญเสียของมหาวิทยาลัยหลินไห่ แต่ศาสตราจารย์ตรากตรำมาหลายปีแล้ว พักบ้างก็ถือว่าสมควรแล้วล่ะ”

ในฐานะแพทย์ ทั้งยังเป็นศาสตราจารย์ในเวลาเดียวกัน ทุกวันของพวกเขาล้วนแต่ทุ่มเทสุดชีวิต

“ที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ คุณมีศาสตราจารย์คนไหนที่อยากจะเรียนด้วยไหม?” มู่วี่สิงเอ่ยถาม

เวินจิ้งนิ่งเงียบ อันที่จริงก็ไม่มี

“ฉันอาจจะไม่เรียนที่มหาวิทยาลัยหลินไห่แล้ว” เวินจิ้งกล่าวอย่างหนักแน่น

แววตาของมู่วี่สิงเย็นเยียบลงหลายส่วน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท