Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 506

ตอนที่ 506

บทที่ 506 อาการโกรธที่เกิดขึ้นเพราะเขา

มู่วี่สิงทักทายตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงตรงอีกข้างของโซฟา

หลินเวยติดต่ออาจารย์ของ มหาวิทยาลัยF ให้เวินจิ้ง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของหลินเวยที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว พอรู้ว่าเวินจิ้งเตรียมจะไปสัมภาษณ์ เลยวางแผนว่าจะให้ลูกศิษย์ของหล่อนมาบรรยายให้เวินจิ้งสอบถามความคิดเห็นของเวินจิ้ง

“แม่คะ หนูว่าไม่ต้องเรียนพิเศษแล้วล่ะค่ะ ความรู้พื้นฐานของหนูก็เรียนมาดีอยู่แล้ว” โดยอัตโนมัติ เวินจิ้งมองตามู่วี่สิง

ถ้าจะเรียนพิเศษ หล่อนว่าตอนนี้หล่อนมีมหาเทพอยู่ข้างกายแล้วไม่ใช่หรือไร

“แต่นักศึกษาคนนั้นเห็นว่าเขากำลังเรียนดอกเตอร์อยู่ที่ มหาวิทยาลัยF ด้วยนะ เรื่องเทคนิคในการสัมภาษณ์ต่าง ๆ นี่รู้ดีมาก แม่แค่อยากให้เราสอบทีเดียวแล้วติดเลย”

เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น คิดว่าปฏิเสธไปดีกว่า ทว่าหลินเวยก็ขัดขึ้นมาอีก “แม่ว่าเราลองทำความรู้จักกับนักศึกษานั่นก่อนดีกว่า ถ้ารู้สึกไม่ชอบจริง ๆ แม่ก็จะเลิกบังคับเรา”

ว่าจบ หลินเวยก็ส่ง Wechat ID มาให้

ก็ได้

เวินจิ้งคิดว่าลองถามข้อควรระวังคร่าว ๆ ก็ได้ ส่วนเรื่องเรียนพิเศษ… ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก

ไม่นานหลินเวยก็ขึ้นห้องไปพักผ่อน มู่วี่สิงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ สีหน้ายังคงตึงอยู่เช่นนั้น

ครั้นเวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ได้แต่รู้สึกขนลุกทั่วสรรพางค์กาย

“มู่วี่สิง พวกเราขึ้นห้องกันเถอะ” เวินจิ้งเดินเข้ามา

ทว่ามู่วี่สิงกลับหยิบโทรศัพท์มือถือของหล่อน เวินจิ้งได้ส่งข้อความยืนยันไปหานักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยF คนนั้นแล้ว

ส่วนอีกฝ่ายก็เพิ่งจะตอบรับข้อความเพิ่มเพื่อนของเวินจิ้งพอดี

สีหน้าของมู่วี่สิงยิ่งเย็นชาเข้าไปอีก

“มู่วี่สิง ฉันไม่ได้กะจะให้เขามาสอนพิเศษฉันนะ” เวินจิ้งเอ่ยปากแก้ต่าง

“อือ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของมู่วี่สิงเยือกเย็นเกินไปแล้ว

“คุณเหมือนจะโกรธอยู่” เวินจิ้งมองมู่วี่สิงไม่กะพริบตา

ต่อให้ปกติเขาจะไม่พูดไม่จา แต่ท่าทางของเขาก็ไม่ได้ดูเย็นชาขนาดนี้

ตอนนี้เวินจิ้งอยู่ข้างกายเขา รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง

มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่นอย่างเสียไม่ได้ พลางกุมข้อมือของเวินจิ้งแล้วดึงหล่อนมาไว้ในอ้อมกอด “ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมไม่อยากให้คุณติดต่อกับไอ้นักศึกษา ป.เอก นั่น ผมรับรองว่าจะทำให้คุณเข้า มหาวิทยาลัยF ให้ได้”

เวินจิ้งกะพริบตาปริบ ๆ หล่อนย่อมเชื่อมั่นต่อคำพูดของมู่วี่สิงอยู่แล้ว

แต่ว่า นักศึกษา ป.เอก คนนี้… มีอะไรให้หล่อนไม่พอใจเหรอ?”

“โอเค งั้นฉันลบเขาออกก็ได้” เวินจิ้งเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

สีหน้าเกร็งตึงของมู่วี่สิงถึงได้อ่อนโยนลงบ้าง

เป็นเพราะหล่อนเพิ่งสังเกตเห็นว่านักศึกษา ป.เอก คนนี้เป็นผู้ชาย คงเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง มู่วี่สิงเลยโกรธล่ะมั้ง?

“คุณว่าฉันต้องเตรียมอะไรไปสัมภาษณ์บ้าง ตอนนี้หัวสมองฉันเบลอไปหมดละ” เวินจิ้งหันไปถามท่านจอมเทพข้างกายอย่างจริงจัง

“ศาสตราจารย์สาขาจิตเวชศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยF สนิทกันกับไป๋สือ ถ้ารู้ว่าคุณเป็นลูกศิษย์ของไป๋สือ แถมยังมีจดหมายแนะนำอีกล่ะก็ ไม่มีใครปฏิเสธคุณหรอก”

“จริงเหรอ?” เวินจิ้งเบิกตาโพลง เหนือความคาดหมายจริง ๆ

หล่อนยังนึกว่าเด็กซิ่วอย่างตน คงจะสอบติดยาก

“อื้อ ไหนจะยังมีเส้นสายของ คุณนายหลิน ความสามารถของคุณน่ะเพียงพอแล้ว”

“มู่วี่สิง ฉันเชื่อคุณจริง ๆ เลยแหละ!” เวินจิ้งกระโดดตัวโยน เข้าไปกอดมู่วี่สิงเหมือนโคอาลาอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่งั้น คุณจะยังเชื่อใครอีกล่ะ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว

“ยังมีแม่ฉันไงล่ะ! แม่เป็นคนบอกฉันเรื่องที่ มหาวิทยาลัยF มีบัณฑิตวิทยาลัยที่เมืองหนาน ไม่งั้นฉันคงไม่ได้อยู่กับคุณที่นี่แล้ว”

ถ้าสอบติด มหาวิทยาลัยF จริง ๆ งั้นก็ไม่ต้องแยกจากมู่วี่สิงแล้ว

“ไม่ว่าคุณจะไปเรียนที่ไหน ผมก็จะย้ายสำนักงานใหญ่ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไปที่นั่น” มู่วี่สิงกลับตอบเช่นนั้น

พอคำพูดนี้หลุดออกมา เวินจิ้งก็พลันอึ้ง

สำนักงานใหญ่ที่ไหนกันที่บอกจะย้ายก็ย้ายได้

นอกจากมู่วี่สิงแล้ว พนักงานที่ทำงานในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีเป็นหมื่นคน ทุกคนล้วนแต่ลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองหนาน หลาย ๆ คนย่อมไม่ยอมย้ายไปอยู่อีกเมืองแน่

คำพูดเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างแน่นอน

หล่อนรีบปิดปากของมู่วี่สิงเอาไว้ “อย่าพูดส่งเดช พวกเราอยู่ด้วยกันที่เมืองหนานนี่แหละ”

“จิ้งจิ้ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้านของผม ผมไม่ยอมให้คุณไปจากผมเด็ดขาด” มู่วี่สิงโอบบั้นเอวของหล่อน พูดจาอย่างเผด็จการ

บนใบหน้าของเวินจิ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้มแป้น ก่อนจะจิกปลายเท้าเอื้อมขึ้นไปจูบเรียวปากบางได้รูปของมู่วี่สิง

และแล้วอุณหภูมิในห้องก็ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้น…

ถึงแม้เวินจิ้งจะไม่ได้กดเพิ่มนักศึกษา ป.เอก คนนั้นเป็นเพื่อน แต่หลินเวยก็ยังอดเห่อโค้ชคนนี้ไม่ได้ ถึงกับเรียกให้นักศึกษา ป.เอกคนนี้มาที่บ้าน

เวินจิ้งเพิ่งกลับมาจากการเยี่ยมซูยิงที่โรงพยาบาล พอก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงที่แสนคุ้นเคย

ทุ้มต่ำ แหบปร่า

หล่อนแทบจะเบิกนัยน์ตาขึ้นทันที สัดส่วนอวัยวะทั้งห้าที่ได้รูปคมคายของโจวเซินก็ประทับเข้าสู่รูม่านตา

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เวินจิ้งตีหน้าตึงเดินเข้าไป

ที่ ประเทศB เขาจงใจหน่วงเหนี่ยวหล่อนเอาไว้ ความเคียดแค้นของเวินจิ้งที่มีต่อเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

“พวกเธอรู้จักกัน?” หลินเวยมองสีหน้าท่าทีของผู้เป็นลูกสาวอย่างประหลาดใจ

“ไม่รู้จักค่ะ” เวินจิ้งตอกกลับอย่างเย็นชา

โจวเซิน นั่งไขว้ขาเรียวยาวอย่างสง่างาม นัยน์ตาดำทอดมองเวินจิ้งด้วยแววชอบใจ

ปฏิกิริยาของหล่อน ทำให้เขารู้สึกพอใจยิ่งนัก

“คุณนายหลิน ผมกับคุณเหวินเคยพบกันอยู่ครั้งสองครั้งครับ” โจวเซินเอ่ยตอบ

เวินจิ้งมองโจวเซินแล้วตอบกลับอย่างทันควัน หรือว่าเขาก็คือนักศึกษา ป.เอกคนนั้น?

หล่อน… หล่อนไม่ยอมให้เขามาสอนพิเศษเด็ดขาด!

“งั้นก็ดีเลย ในเมื่อรู้จักกันอยู่แล้ว เธอสองคนก็หมั่นติดต่อกันบ่อย ๆ ล่ะ ฉันหวังว่าลูกสาวของฉันจะสอบทีเดียวแล้วติด มหาวิทยาลัยF เลย” หลินเวยกล่าวอย่างคาดหวัง

โจวเซินหรี่ดวงตา เรียวปากบางยกมุมขึ้นเล็กน้อย”คุณนายหลิน วางใจเถอะครับ ขอแค่ คุณเหวิน เชื่อฟังผม เธอต้องสอบเข้า มหาวิทยาลัยF ได้แน่”

ฉันไม่ยอมเชื่อฟังนายหรอก

เวินจิ้งกล่าวในใจอย่างไม่สบอารมณ์

ติดตรงที่หลินเวยยังอยู่ด้วย หล่อนเลยไม่กล้าเสียมารยาทเท่าไร

แต่โจวเซินเป็นคนอย่างไร หล่อนรู้ดีแก่ใจ

สักพักหนึ่ง หลินเวยก็ปล่อยให้หนุ่มสาวทั้งสองอยู่กันตามลำพัง เดิมทีเวินจิ้งก็ไม่คิดจะญาติดีกับโจวเซินอยู่แล้ว จึงกล่าวอย่างเย็นชา “คุณไปเถอะ”

“นี่เป็นวิธีการต้อนรับแขกของพวกคุณ ตระกูลหลิน เหรอ?” โจวเซินจิบชาทีหนึ่งอย่างชดช้อย ทว่าไม่ขยับเลยสักนิด

“โจวเซิน คุณคิดว่าฉันจะยังเห็นคุณเป็นแขกได้เหรอ?” เวินจิ้งยังคงหน้าตายอย่างไรอย่างนั้น

“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนช่วยคุณออกมาจากเงื้อมมือของมู่เฉิง ว่าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าผมช่วยคุณหรอกเหรอ?”

“คุณก็แค่หลอกใช้ฉันเท่านั้นเอง”

หล่อนยังจำคำพูดของโจวเซินได้เสมอ ที่ว่าต้องการจะแย่งหล่อนมาให้ได้

งั้นเป้าหมายของเขา ก็คือมู่วี่สิงน่ะสิ

“หลอกใช้?” โจวเซินขมวดคิ้ว

ผู้หญิงที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ คงมีแต่เวินจิ้งคนเดียวจริง ๆ

“โจวเซิน คุณไปเถอะ ฉันไม่อยากจะเสวนากับคุณ” เวินจิ้งพูดประโยคเดียว เพราะไม่อยากจะพูดกับเขาให้มากความ

“คุณไม่เสวนากับผมเหรอ คุณเชื่อไหมล่ะ ว่าผมจะทำให้คุณเข้า มหาวิทยาลัยF ไม่ได้” โจวเซินกล่าวข่มขู่อย่างเปิดเผย

เมื่อได้ฟังดังนั้น เวินจิ้งก็นิ่งอึ้งไป สีหน้าพลันซีดลงทันที

“คุณมันหน้าด้าน!” หล่อนโมโหจนอดด่าออกมาไม่ได้

ทำไม โจวเซิน ถึงได้… ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้!

“เออ ถ้าไม่หน้าด้านเสียหน่อย คุณจะยอมเชื่อฟังไหมล่ะ?” โจวเซินซ่อนเข็มพิษไว้ในรอยยิ้ม

เวินจิ้งขบเม้มริมฝีปาก กำหมัดแน่น โทสะพลุ่งพล่านอยู่ในอก แต่บัดนี้ข่มเอาไว้ได้แล้ว

หล่อนอยากจะเรียนที่ มหาวิทยาลัยF อยากอยู่ที่เมืองหนาน

แต่หล่อน กลับไม่อาจยอมเจรจากับโจวเซินได้

“งั้นก็เชิญคุณหน้าด้านต่อไปเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะแทรกแซงการสัมภาษณ์ของฉันได้” ว่าจบ เวินจิ้งก็เรียกพ่อบ้านมา “ส่งแขก!”

โจวเซินจ้องมองเงาหลังของเวินจิ้ง แววตาค่อย ๆ เย็นเยียบ

นิสัยผู้หญิงคนนี้… เขาเหมือนรู้สึกชอบอย่างไรไม่รู้?

ถ้าคนอื่นกล้าพูดกับเขาแบบนี้ล่ะก็ คงโดนเขาเล่นงานจนตายแล้ว

แต่เขากลับชอบดูเวินจิ้งแสดงอาการโกรธออกมาเพราะเขา

น่าสนใจดี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท