Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 508

ตอนที่ 508

บทที่ 508 แยกย้ายอย่างไม่ลังเล

เมื่อเวินจิ้งเปิดดูโทรศัพท์ ก็เห็นเธอถูกเปิดเผยสถานะในเพจโซเชียลของแฟนคลับมู่วี่สิงเต็มไปหมด

ตอนนี้แฟนคลับทั้งหลายกำลังไล่ล่าเธอ เพียงเพราะเธอนั้นไปยั่วยวนมู่วี่สิง……

ที่จริงแล้วสถานะของเธอกับมู่วี่สิงนั้นคือต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักกัน แต่แล้วทำไมเธอต้องถูกแฟนคลับพวกนี้ใส่ร้าย!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เวินจิ้งรู้สึกหัวร้อนมาก

เธอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิง แต่ไม่คิดว่าการกลับมาเพียงไม่กี่วันของมู่วี่สิงทำให้จำนวนแฟนคลับในโรงพยาบาลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาได้รับความนิยมมากในขณะนี้

อีกอย่าง แฟนคลับทุกคนต่างคิดว่ามู่วี่สิงนั้นมีสถานะโสดมาตลอด……

หนังศีรษะของเวินจิ้งชาไปชั่วขณะ หากว่ามู่วี่สิงไม่อธิบายกับแฟน ๆ ด้วยตนเองล่ะก็ คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอหรอก

ช่วงขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย โจวเซินก็ได้พาเธอไปถึงลานจอดรถแล้ว

“ฉันจะกลับเองนะ คุณโจว เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เวินจิ้งหันหน้าแล้วเดินจากไป

ต่อให้เธอจะถูกแฟนคลับกักตัวไว้ เธอก็ไม่ยอมไปกับโจวเซิน

หลังจากขึ้นรถแท็กซี่ เวินจิ้งก็รู้สึกว่าอารมณ์ที่แจ่มใสของเธอในวันนี้ถูกแฟนคลับของมู่วี่สิงทำลายไปหมดแล้ว

เมื่อกลับไปถึงการ์เด้นมูเจียวาน เนื่องจากมู่วี่สิงต้องผ่าตัดคนไข้จนถึงช่วงดึก เขาจึงให้คนใช้มาเตรียมอาหารเย็นไว้ล่วงหน้า เวินจิ้งจึงมีเวลาเตรียมสัมภาษณ์อย่างจริงจัง

โจวเซินกลับไปที่ห้องผ่าตัด การผ่าตัดของโจวหย่านต้องใช้เวลาสามชั่วโมง เขาจึงรออยู่ข้างนอกกับเลี่ยวหยง

“ช่วงนี้ไม่ได้กลับมหาลัยเหรอ?” เลี่ยวหยงถามอย่างเย็นชา

ระหว่างเธอกับโจวเซินไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ และเธอก็เพิ่งแต่งเข้าบ้านตระกูลโจวได้แค่ปีเดียว ซึ่งอารมณ์ของโจวเซินมักจะเย็นชาและเย่อหยิ่งต่อทุกคน

“ก็กลับบ้าง” โจวเซินตอบอย่างเย็นชา

“ต่อไปเรื่องของหย่านหย่านนายไม่ต้องกังวลมากแล้วนะ”

“เป็นไปได้เหรอว่าคุณนายโจวจะมีเวลามาดูแลน้องสาว?” คำพูดถากถางของโจวเซินที่ไม่สามารถปกปิดได้

เพราะเลี่ยวหยงนั้นบินต่างประเทศบ่อยเพื่อจับชู้ และพ่อของเขาคนนั้นก็ไม่เคยทำให้ใครต้องกังวลเลย

เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของเลี่ยวหยงก็ตึงเครียดทันที “ฉันจะหาเวลา!”

“เราเคารพการตัดสินใจของหย่านหย่านดีกว่า” น้ำเสียงโจวเซินยังคงเย็นชา

เลี่ยวหยงเงียบไปสักพัก การตัดสินใจของหย่านหย่าน……เธอต้องเลือกที่จะอยู่ต่อที่หนานเฉิงอย่างแน่นอน!

แต่เธอไม่อนุญาต

ผ่านไปไม่นาน แสงสีแดงจากห้องผ่าตัดก็ดับลง มู่วี่สิงเดินออกมาแล้วถอดหน้ากากลง

เขามองไปที่เลี่ยวหยง “การผ่าตัดสำเร็จนะครับ”

สีหน้าที่ตึงเครียดของเลี่ยวหยงค่อย ๆ จางหายไป “ฉันเข้าไปหาหย่านหย่านได้ไหม?”

มู่วี่สิงพยักหน้าแล้วกลับไปที่ออฟฟิศ

โจวเซินเดินตามเลี่ยวหยงมา ส่วนโจวหย่านยังไม่ฟื้น เพราะยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่ายาสลบจะหมดฤทธิ์

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของเลี่ยวหยงดังขึ้น เป็นสายโทรจากสายลับส่วนตัว

“คุณนายหญิงครับ ตอนนี้คุณนายโจวอยู่เมืองเป่ยเฉิงครับ ข้าง ๆ แกมีนางแบบคนหนึ่งครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเลี่ยวหยงดูซีดลง เธอยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ส่งตำแหน่งที่อยู่มา!”

สายตาของโจวเซินมองไปที่ใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเลี่ยวหยง แล้วแอบยิ้มเล็กน้อย

“ผมจะเฝ้าน้องสาวเองครับ”

เลี่ยวหยงจ้องมองที่ชายร่างสูงตรงหน้า และสุดท้ายเธอก็ได้เดินจากไป

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป โจวหย่านตื่นขึ้นมาแล้ว และมู่วี่สิงเข้ามาตรวจร่างกายเธออีกครั้ง

ตอนนี้โจวหย่านยังไม่สามารถขยับตัว ได้แต่มองไปที่มู่วี่สิง และสายตาของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่ขยับ

“การผ่าตัด……สำเร็จใช่ไหม?” เธอพูดอย่างพึมพำ แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ บานขึ้น

ดวงตาเป็นประกาย

“อื้ม” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ เขาเตรียมตัวเดินออกไป

โจวหย่านพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง เธอไม่สามารถส่งเสียงใดๆได้ เธอพยายามจะรั้งเขาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้

จากนั้นโจวเซินปิดประตูห้องผู้ป่วยลง แล้วเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ โจวหย่าน

“ปวดหัวไหม?”

โจวหย่านส่ายหัว หลังจากที่มู่วี่สิงเดินออกไป สีหน้าของเธอก็ดูเศร้าขึ้นมาทันที

“หนูต้องพักที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน?” โจวหย่านถาม

“น่าจะครึ่งเดือนนะ” โจวเซินดูประวัติผู้ป่วย

ตัวเขาก็เป็นนักศึกษาแพทย์เหมือนกัน ดังนั้นจึงพอเข้าใจรายละเอียดบ้าง

“อ่อ พี่กลับไปก่อนเลย” โจวหย่านพูดอย่างเย็นชา

แต่โจวเซินรอจนกว่าโจวหย่านจะหลับไป เขาถึงยอมกลับบ้าน

ด้านนอกห้องนั้น เห็นเงาของมู่วี่สิงที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาล

เมื่อกี้ได้ข่าวจากเกาเชียนว่าช่วงเย็นวันนี้เวินจิ้งถูกแฟนคลับของเขาปิดล้อม และบางคนยังคิดทำร้ายเธอด้วย มู่วี่สิงจึงรีบโพสต์ลงโซเชียลเพื่อเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินจิ้ง และให้เกาเชียนไปเตือนกลุ่มแฟนคลับของเขาว่า ถ้าไม่อยากให้กลุ่มเอฟซีถูกยุบก็ช่วยอยู่ในความสงบด้วย

คำพูดนี้ทำให้แฟนคลับหลาย ๆ คนต้องช็อคอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เนื่องจากมู่วี่สิงได้เปิดเผยด้วยตนเองแล้ว ทุกคนจึงไม่กล้าโจมตีเวินจิ้งอีก

เดิมทีมู่วี่สิงก็ไม่เคยอยากให้มีกลุ่มแฟนคลับนี้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่ใช่ดารา เขาแค่ต้องการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าสิ่งนี้มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของเวินจิ้งเมื่อไหร่ เขาคงต้องให้แฟนคลับแยกย้ายโดยไม่ต้องลังเลเลย

หลังจากออกจากโรงพยาบาล มู่วี่สิงกำลังจะกลับการ์เด้นมูเจียวาน แต่มีธุระกระทันหันที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เขาจึงต้องมุ่งไปที่นั่น

ช่วงนี้มู่เฉิงได้ใกล้ชิดสนิทกับหุ้นส่วนหลายคน แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในนั้นเขารู้ดี

ที่ผ่านมามู่วี่สิงได้ขาดการเข้าประชุมในบริษัทหลายครั้ง และไม่ค่อยได้เข้าไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเลย ดังนั้นผู้ถือหุ้นจึงร้องขอให้มีการแต่งตั้งประธานผู้บริหารขึ้นมาใหม่ เนื่องจากมู่วี่สิงมีอิทธิพลในบริษัท ดังนั้นคนเหล่านี้จึงได้วางแผนแทรกแซงเขามาสักพักแล้ว

ณ เวลานี้ มู่เฉิงก็อยู่ในออฟฟิศบริษัท หลังจากมู่วี่สิงเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงกระซิบนินทาหลายรูปแบบ

แต่สีหน้าของเขายังคงเฉยเมยอยู่เสมอ

“วี่สิง ปู่เพิ่งมอบตำแหน่งประธานที่ปรึกษาบริษัทให้หลานนะ ดูสภาพของหลานตอนนี้สิ เหมือนอะไร! เอะอะก็ไปที่โรงพยาบาลอย่างเดียว ยังรู้ตัวไหมว่าหลานอยู่ในสถานะอะไร!” มู่เฉิงรู้สึกโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“คุณปู่ครับ ผมรู้สถานะของตัวเองดีครับ โครงการทุกอย่างของบริษัทก็เป็นไปอย่างราบรื่น แล้วคุณปู่ไม่พอใจเรื่องอะไรครับ?” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

แม้ตัวเขาจะไม่อยู่ในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่งานที่ควรรับผิดชอบเขาก็ได้จัดการให้เสร็จตามเวลาทุกอย่าง ซึ่งตัวเขารู้ดีว่าคนกลุ่มนี้กำลังคิดอะไรอยู่

“ท่านประธานมู่ครับ ท่านไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายวันแล้ว พวกเราอยากรายงานความคืบหน้าของบริษัทให้ท่านแต่ท่านไม่เคยอยู่เลย แบบนี้มันอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทได้นะครับ” ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“นั่นสิครับ แม้ท่านจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของบริษัท แต่ท่านก็เป็นประธานผู้บริหารของบริษัทนะครับ การเข้าทำงานในเวลาปกติก็จำเป็นนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่วี่สิงจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า

“ทุกท่านไม่ต้องกังวลนะครับ สัปดาห์หน้าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะมีผู้บริหารบริษัทเข้ามาใหม่หนึ่งคน ถึงเวลานั้นแล้วถ้าทุกท่านเกิดความสงสัยใด ๆ ค่อยมาเสนอความคิดเห็นกับผมนะครับ”

เมื่อพูดจบ มู่วี่สิงเตรียมจะออกจากที่นั่น

แต่ถูกมู่เฉิงห้ามไว้

“มู่วี่สิง นายนั่งลงเดี๋ยวนี้” คำสั่งอันเย็นเยือกจากมู่เฉิง

มู่วี่สิงแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณปู่ครับ ตอนนี้คุณปู่ไม่ใช่ประธานที่ปรึกษาบริษัทแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งนะครับ”

“ข้าคือปู่ของนาย!” มู่เฉิงทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน

“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัว เดี๋ยวเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะครับ”

มู่วี่สิงไม่ได้หยุดเดิน และออกจากห้องประชุมนั้นทันที

เหล่าผู้ถือหุ้นได้แต่มอง “คุณมู่ครับ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร……กับประธานผู้บริหาร? เรายังมีสิทธิ์ออกเสียงไหมครับ?”

“นั่นสิครับ มู่วี่สิงยึดอำนาจไปแล้ว และจะสละตำแหน่งให้คนอื่น บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะให้คนนอกมาบริหารได้อย่างไรครับ……”

“.…..”

มู่เฉิงถือไม้เท้าไว้แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะไม่ให้เขาทำตามอำเภอใจหรอก!”

เมื่อพูดจบ มู่เฉิงก็ไอออกมาอย่างหนัก แล้วรีบเดินไปที่ออฟฟิศผู้บริหาร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท