Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 523

ตอนที่ 523

 

บทที่ 523 เป็นเกียรติสุดๆ

ในตอนที่เวินจิ้งมาถึงห้องพักผู้ป่วย หลิงเหยาก็เพิ่งจะทำการตรวจเสร็จ และพรุ่งนี้ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

เมื่อเห็นเวินจิ้ง เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง “เวินจิ้ง คงลำบากแกแย่ ต้องมาเยี่ยมฉันตลอดเลย”

“ฉันเป็นห่วงแก…..” เวินจิ้งมุ่นคิ้ว เมื่อนึกไปถึงคำพูดของเจียงฉีเมื่อวาน ไม่คิดเลยว่าคนสองคนที่เคยรักกันจนหวานเลี่ยน คนสองคนที่ดีต่อกันขนาดนั้น จะถึงกับเลิกกันเพียงเพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้

ความรักบางครั้งมันก็เปราะบางจนทำให้คนต้องร้องไห้ฟูมฟาย

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก แกรีบกลับไปที่มหาลัยเถอะ”

“อืม มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเมื่อเวินจิ้งหมุนตัวเดินจากไป ร่างกายของหลิงเหยาก็สั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ความเยือกเย็นเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตา

เมื่อกลับมาถึงมหาลัย อารมณ์ของเวินจิ้งก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ขนาดรถหรูจอดลงแล้วยังไม่รู้ตัว

“จิ้งจิ้ง” เมื่อมือถูกกอบกุม เวินจิ้งถึงได้มีสติกลับมา

“งั้นฉันไปเรียนก่อนนะ เจอกันวันศุกร์” เวินจิ้งหันไป ถูหน้ากับอกแกร่งของมู่วี่สิงเบาๆ

“เรื่องของหลิงเหยาก็อย่าคิดมากเกินไปล่ะเข้าใจไหม หืม?”

“อืม ไม่คิดแล้ว ในเมื่อเหยาเหยาตัดสินใจแล้วว่าจะเลิก เธอก็คงมีเหตุผลของเธอ”

เมื่อกลับมาเรียน ก็เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ยุ่งมาก และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็คือเป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ได้เรียนกับส้งเชน แต่กลับมีโจวเซินมาอยู่ข้างๆแทบจะตลอดเวลา

เมื่อถึงวันศุกร์ โรงพยาบาลจะแจ้งเรื่องการฝึกงาน ซึ่งส้งเชนมีโควตาให้นักศึกษาติดตามแค่หนึ่งคน และในฐานะที่โจวเซินเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ก็สามารถให้นักศึกษาติดตามได้ด้วยเช่นกัน โดยมีโควตาให้สองคน ถ้าหากนักศึกษาคนใดอยากติดตามศาสตราจารย์คนอื่น ก็ต้องทำการยื่นคำร้องเอง

เวินจิ้งอ่านประกาศในอีเมล เธอไม่คิดจะติดตามโจวเซินอยู่แล้ว นักศึกษาที่สมัครกับศาสตราจารย์ส้งเชนก็มีเยอะแล้ว และมู่วี่สิง ปัจจุบันก็มีนักศึกษาไปสมัครด้วยเยอะที่สุด

นักศึกษาทุกคนสามารถเขียนชื่อศาสตราจารย์ที่ตนปรารถนาอยากฝึกงานด้วยได้สองคน เวินจิ้งคิดอยู่สักพัก คนแรกที่เธอเขียนลงไปก็คือส้งเชน ส่วนคนที่สองก็คือมู่วี่สิง

แต่เมื่อประกาศผลออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้ฝึกงานกับโจวเซิน

ผลประกาศอันนี้ ทำให้เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

เมื่อถึงวันศุกร์ เป็นวันที่ต้องไปฝึกงานวันแรก ถึงเวินจิ้งจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เธอก็ต้องไป

เมื่อเดินออกมาจากหอ ก็เห็นโจวเซินยืนพิงรถหรูคันสีดำรออยู่ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งสามารถดึงดูดสายตาจากผู้หญิงได้ไม่น้อยเลย

แต่เมื่อเห็นเวินจิ้งลงมา บนใบหน้าของเขาก็เริ่มมีอารมณ์ความรู้สึก

“โจวเซิน คุณเองเหรอ” เวินจิ้งมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

มักจะมีความรู้สึกว่าโจวเซินอาจจะใช้อำนาจในทางไม่ชอบทำให้เธอได้ฝึกงานกับเขาแน่ๆ….

“แปลกใจเหรอ?”

“อืม แปลกใจมาก ฉันไม่อยากติดตามกับคุณ” เวินจิ้งเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

“ถึงยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ทางมหาลัยวางไว้แล้ว เราก็ทำได้แค่ปฏิบัติตาม ไม่ใช่หรือไง? ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาล” โจวเซินเปิดประตูรถออก

แต่เวินจิ้งกลับเดินผ่านไป เพื่อไปขึ้นรถเมล์

ใบหน้าของโจวเซินขุ่นมัว จากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถ นิสัยเย่อหยิ่งที่มีมาตั้งแต่เด็กๆทำให้เขาไม่คิดจะวิ่งตามผู้หญิงคนไหน

แต่เมื่อเห็นเวินจิ้งยิ่งเดินห่างไกลออกไป ก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเอาง่ายๆ

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เวินจิ้งก็ไปรายงานตัว ต่อจากนั้นก็มายังห้องทำงานของโจวเซิน

ในตอนนี้นักศึกษาที่ติดตามโจวเซิน…….มีแค่เธอคนเดียว

ถึงแม้ว่าโจวเซินจะยังไม่จบปริญญาเอก แต่เขากลับเป็นอัจฉริยะในวงการศัลยแพทย์มาหลายปี ทั้งยังได้รับการยกย่องอย่างล้นหลาม ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ชื่อว่าเป็น “แพทย์ที่ดี” ในประเทศFอีกด้วย

เมื่อก่อน ในภาพจำของเวินจิ้ง โจวเซินก็เป็นแค่นักธุรกิจที่เย็นชาคนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าหลายปีมานี้ อาชีพหลักของเขาจะเป็นถึงคุณหมอ

ไม่นานโจวเซินก็ตามเข้ามา เมื่อเขาเปลี่ยนมาใส่ชุดกาวน์สีขาว รังสีอึมครึมที่มักจะถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาในยามปกติกลับลดลงไปไม่น้อยเลย

“มานี่” เขาเชิดสันกรามขึ้น

“ค่ะคุณหมอโจว” น้ำเสียงของเวินจิ้งเรียบนิ่ง

“เวลาติดตามผม ต้องเขียนรายงานการเรียนรู้ทุกวัน นี่คือตัวอย่าง” โจวเซินส่งเอกสารฉบับหนึ่งไปให้เธอ

“ได้ค่ะ” เวินจิ้งรับมา จากนั้นก็ตั้งใจอ่านให้ละเอียด

ไม่ช้าก็ได้เวลาทำการตรวจ ความกดดันเวลาต้องเรียนรู้อยู่ข้างๆโจวเซินมีมากกว่าตอนอยู่กับมู่วี่สิงเป็นไหนๆ

มีบางครั้งที่เวินจิ้งตามโจวเซินไม่ทัน จึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้ง

แต่ไม่ว่าจะยังไงสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็น การที่ทั้งสองคนไม่รู้ใจกัน

ตอนนี้เองที่เวินจิ้งได้รู้ตัวว่า ตอนที่ได้เรียนรู้อยู่ข้างๆมู่วี่สิง เขามักจะรอเธออยู่เสมอ พร้อมทั้งอธิบายความรู้ต่างๆให้กับเธอ แต่โจวเซินกลับทำอะไรเฉียบขาดและรวดเร็ว ไม่ทันไรก็ตรวจคนไข้ทั้งหมดเสร็จ

ประสิทธิภาพในการทำงานนี้ทำให้เวินจิ้งแปลกหูแปลกตา แต่หลังจากตรวจคนไข้เสร็จเวินจิ้งก็ค่อยๆซึมซับความรู้ เริ่มมีระดับความยากที่แน่นอนแล้ว

“อีกเดี๋ยวอยากกินอะไร?” เมื่อตรวจคนไข้เสร็จ ท่าทีของโจวเซินก็อ่อนลงมาบ้าง

“ฉันกินอะไรก็ได้” เวินจิ้งอ่านข้อมูล กำลังจดความรู้เพิ่มอย่างบ้าคลั่ง

โจวเซินขยับเข้าไปใกล้ๆ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วชี้ไปยังข้อความหนึ่ง “คาร์บามาเซพีนยาชนิดนี้ควบคุมอาการชักแบบมีสติได้ โดยเฉพาะเวลาใช้กับอาการชักแบบขาดสติยิ่งมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรงมากๆเหมือนกัน…..”

เวินจิ้งรีบจดลงไปในทันที จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเป็นระยะๆ

เป็นพยาบาลผู้ติดตามของโจวเซินนั่นเอง

“คุณหมอโจว บ่ายสามโมงแผนกศัลยกรรมจะมีการประชุมนะคะ”

“อืม ออกไปได้แล้ว”

เมื่อพยาบาลมองคนสองคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน ความอิจฉาในดวงตาก็ปรากฏออกมา แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

เมื่อถึงเวลาเที่ยง เวินจิ้งก็ปฏิเสธการไปกินข้าวกับโจวเซิน เมื่อนึกได้ว่ามู่วี่สิงก็อยู่ที่โรงพยาบาลจงซินเหมือนกัน เธอจึงวางแผนไว้ว่าจะไปกินข้าวกับเขา

แต่เมื่อโทรไปหาเขากลับไม่มีใครรับ เธอจึงมาหาเขาที่แผนกประสาทวิทยา

แต่โจวหย่านที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์พยาบาล เอ่ยปากห้ามเธอเอาไว้

“คุณหมอมู่ยังตรวจคนไข้อยู่นะ” โจวหย่านพูดขึ้นมาเสียงเย็น

เวินจิ้งดูเวลา ตอนบ่ายเธอไม่ต้องเข้าประชุม เพราะงั้นยังมีเวลา เธอก็เลยรอยู่ข้างนอก

จนเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงถึงได้เจอกับมู่วี่สิง เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาเดินออกมา  โจวหย่านก็รีบเอากล่องอาหารยื่นไปให้เขา “คุณหมอมู่ นี่ข้าวของคุณค่ะ”

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเวินจิ้งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“เอาไปให้หมอคนอื่นเถอะ”

พูดจบ ขายาวๆก็เดินมาหาเวินจิ้ง

“วันนี้มาฝึกงานเหรอ?”

“ใช่ ศาสตราจารย์มู่ให้เกียรติไปทานข้าวกับฉันสักมื้อได้ไหม?” เวินจิ้งเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาก่อน

มือใหญ่ของมู่วี่สิงกอบกุมมือเล็กๆของเวินจิ้งเอาไว้แน่น

“เป็นเกียรติสุดๆเลยล่ะ”

“คุณหมอมู่ บ่ายโมงคุณต้องเข้าประชุมนะ ออกไปกินข้าวคงมาไม่ทันแน่” ขณะเดียวกัน เมื่อโจวหย่านเห็นว่าทั้งสองกำลังจะออกไปข้างนอก ก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้ามาหา

“ผมจะไม่เข้าร่วมการประชุม คุณช่วยบอกศาสตราจารย์เฉินให้หน่อยนะ”

“แต่ว่า……”

โจวหย่านพูดอ้ำๆอึ้งๆ เพราะยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่มู่วี่สิงกลับเดินออกไปไกลแล้ว

เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง เวินจิ้งเห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ของโจวหย่านแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าในทุกๆวันรอบตัวเขาคงมีคนชอบอยู่เยอะล่ะสินะ เธอจึงรู้สึกหึงขึ้นมา

“คุณโจวทำอาหารเที่ยงมาให้คุณทุกวันเลยเหรอ” เวินจิ้งถามออกมาอย่างใจคิด

“ที่โรงพยาบาลสั่งอาหารมาเหมือนกันหมด” มู่วี่สิงอธิบายอย่างใจเย็น

“งั้นเธอก็เป็นคนเอาอาหารมาให้คุณเองกับมือทุกวันเลยสินะ”

“ปกติแล้วจะเป็นผู้ช่วยเอาอาหารเที่ยงมาให้ผม”

“อ่อ” เวินจิ้งพองแก้ม

ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าระหว่างมู่วี่สิงกับโจวหย่านมันไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“มหาลัยจัดให้คุณติดตามโจวเซินเหรอ?” มู่วี่สิงเอ่ยถาม

“ใช่…..ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้ติดตามเขา” เวินจิ้งพึมพำ

“ถ้าคุณต้องการ ผมย้ายคุณมาอยู่กับผมได้นะ” มู่วี่สิงมีสิทธิ์นี้อยู่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท