Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 556

ตอนที่ 556

บทที่ 556 ใจร้ายพอตัว

เมื่อวางสายลง รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งได้หุบลง มู่วี่สิงไปทำงานนอกสถานที่ เธอจะต้องคิดถึงเขาอย่างแน่นอน

ในตอนนี้โทรศัพท์สั่นขึ้นอีก มู่วี่สิงเพิ่งจะเห็นภาพที่เวินจิ้งส่งมาให้เขา แล้วตอบกลับหาเวินจิ้ง : โกรธหรือ

ไม่ได้โกรธ หลิงเหยาเป็นคนส่งมาให้ฉัน ฉันก็เลยส่งให้คุณต่อ

เมื่อคิดดูดีๆแล้ว เวินจิ้งจึงได้เพิ่มประโยคข้อความ : ไม่ได้โกรธ ฉันรู้ว่าหลิงเหลาต้องการจะยั่วยุกระตุ้นอารมณ์ฉัน ฉันจึงไม่ได้ปักใจเชื่อ

มู่วี่สิงส่งภาพอิโมจิที่น่ารักสุดๆให้เธอ คนเก่ง!

เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

วันต่อมา ตอนที่เวินจิ้งตื่นนั้น มู่วี่สิงได้ถึงเมืองตงเฉิงแล้ว

เธอเข้าไปที่ห้องวิจัย เพียงแต่ว่าในเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่ควรจะถึงห้องวิจัยแล้ว แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่แม้แต่เงาใครสักคน

เวินจิ้งกำลังที่จะโทรศัพท์ เธอเพิ่งได้เห็นข้อความกลุ่มในวีแชทที่ได้แจ้งล่วงหน้าไว้ เรื่องการวิจัยของยาห่ายหยางถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด

เวินจิ้ง: ??

ในเวลานี้โทรศัพท์ได้เด้งข่าวสารขึ้นโดยอัตโนมัติ เป็นข่าวเกี่ยวกับการลงทุนที่ผิดกฎหมายของตระกูลโจว ผู้บริหารระดับสูงบางคนได้ถูกจับกุมแล้ว ในขณะเดียวกันยังมีข่าวเกี่ยวกับการวิจัยของยาห่ายหยางที่ไม่ได้รับรองจากองค์การอาหารและยา มีข้อสงสัยว่ามีการละเมิดการใช้ส่วนผสมต้องห้าม ขณะนี้ไม่เพียงแต่การวิจัยของยาห่ายหยางแล้ว โครงการทั้งหมดของตระกูลโจว ได้ถูกระงับไว้ทั้งหมด

ตระกูลโจวเกิดเรื่องขึ้นหรือ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือนใดๆ อันที่จริงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในสำนักงานได้รับข่าวคราวแล้ว ผู้บริหารหลายคนก็ได้รับข้อมูลนี้

เมื่อเงยหน้าขึ้น เวินจิ้งเจอเข้ากับโจวเซินใบหน้าที่หล่อเหลาได้เผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า เขาออกมาจากห้องวิจัย หรือว่าเขาอยู่ในห้องนั้นทั้งคืน

“รุ่นพี่คะ” เวินจิ้งเรียกเขาอย่างสุภาพ

โจวเซินขมวดคิ้วขึ้น ตอนที่เงยหน้าอารมณ์ทางแววตาถูกเขาได้เก็บซ่อนเอาไว้

“โครงการงานวิจัยถูกระงับ เป็นไปตามที่คุณต้องการใช่หรือไม่เวินจิ้ง” โจวเซินพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน

เวินจิ้งตะลึงงัน เธอ…..ไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน

ถึงแม้ว่าโครงการวิจัยและพัฒนาเดิมทีเป็นความรับผิดชอบของมู่วี่สิงจะถูกเปลี่ยนมาเป็นความรับผิดชอบของโจวเซิน แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นใคร เธอยังคงคิดที่จะทุ่มเททำอย่างเต็มที่

แม้เธอจะไม่อยากใกล้ชิดโจวเซินก็ตาม

“รุ่นพี่คะ โครงการวิจัยและพัฒนานี้ยังสามารถเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งได้ไหม” เวินจิ้งถามขึ้น

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและตระกูลโจว ซึ่งเธอผู้ไม่ได้ทราบอะไรเลย

เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่า เดิมทีโครงการนี้ดำเนินการโดยตระกูลมู่ แต่ว่าดูเหมือนตอนนี้ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับตระกูลโจวทั้งหมด

มู่วี่สิงเคยได้พูดไว้ว่า โครงการวิจัยและพัฒนาอีกไม่นานจะถูกระงับ…..เป็นไปตามที่พูดจริงๆ

หรือว่า นี่จะเป็นแผนการของเขา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เวินจิ้งรู้สึกกลัวขึ้นในทันใด

เธอไม่เคยคิดที่จะต้องการให้มู่วี่สิงเป็นนักธุรกิจ ในสายตาเธอเห็นเขาเป็นเพียงหมอท่านหนึ่งมาโดยตลอด

“ไม่ได้ ผมประเมินวิธีการของมู่วี่สิงต่ำไปจริงๆ” น้ำเสียงโจวเซินแฝงด้วยความอันตราย

น้ำเสียงเขาไม่ได้ดังมาก แต่ก็ได้กระแทกเข้ามาในหูของเวินจิ้งได้อย่างชัดเจน

หรือจะเกี่ยวข้องกับมู่วี่สิงจริงๆ

เมื่อดึงความคิดกลับมาได้ พบว่าโจวเซินได้จากไปแล้ว

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ถ้าหากโครงการถูกยกเลิก เธอจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนกับศาสตราจารย์ส้ง

เดิมทีนึกว่าตัวเองนั้นโล่งใจแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย

แผนการวิจัยและพัฒนาเพิ่งเริ่มได้สัปดาห์เดียว แต่เธอนั้นได้ลงทุนไม่น้อย เธอเตรียมทุกอย่างไว้มากมาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกับพังทลายลง

ขณะที่เธอตระหนักอยู่นั้น เธอได้โทรศัพท์หามู่วี่สิง เพื่อจะเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง

แม้เธอจะรู้ว่ามู่วี่สิงทราบเรื่องราวตั้งแต่เนิ่นๆแล้วก็ตาม

แต่ว่าโทรศัพท์มู่วี่สิงไม่มีการรับสายแต่อย่างใด เวินจิ้งได้วางสายลง แล้วไปที่ห้องทำงานของศาสตราจารย์ส้ง

เมืองตงเฉิงในเวลานี้

มู่วี่สิงที่เพิ่งจะประชุมเสร็จ ตอนที่ออกมาจากห้องประชุมได้พบเข้ากับหลิงอี้และหลิงเหยา

การประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับประสาทวิทยาที่จัดขึ้นโดยบริษัทหลิงซื่อ หลิงอี้ในฐานะประธานก็ต้องเข้าร่วมประชุมเป็นธรรมดา

หลิงเหยาเมื่อเห็นมู่วี่สิง จากอารมณ์ที่ปกติก็แปรปรวนขึ้นมาทันใด

“วี่สิง คุณมาแล้วหรือ” หน้าตาหลิงเหยาดูเบิกบานด้วยรอยยิ้ม

มู่วี่สิงที่ขมวดคิ้วขึ้น แล้วจากไปอย่างไม่แยแส

เสียงหลิงอี้ที่ดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “อาหารเย็นนี้หวังว่าคุณหมอมู่จะมาให้ตรงเวลานะครับ”

มู่วี่สิงไม่มีการตอบรับใดๆ และก็จากไปในทันที

เมื่อกลับถึงโรงแรม เห็นโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับจากเวินจิ้ง เขาจึงรีบโทรกลับหาเธอ

เขาน่าจะพอเดาออกได้ถึงเหตุผลที่เธอโทรมาหา

“มู่วี่สิง ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานวิจัยอีกแล้ว” น้ำเสียงเวินจิ้งดังขึ้นเบาๆ

“อืม”

“ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ” เวินจิ้งถามด้วยความสงสัย

“เดิมทีการวิจัยของยาห่ายหยางก็มีปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปถึงได้ถอยตัวออกมา

เวินจิ้งเงียบ แต่ในใจยังคงช็อก

“ถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าเป็นการใส่ร้ายตระกูลโจวหรือเปล่า”

“ใช่” มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

อันที่จริงมันก็คือแผนการที่ถูกกำหนดไว้สำหรับตระกูลโจว แต่บังเอิญในเวลานั้น ที่โจวเซินลักพาตัวมู่ซือซือไป คิดว่าจะควบคุมส้งอี้ได้ นึกไม่ถึงว่าส้งอี้ก็คือหมากตัวหนึ่งในเกมของมู่วี่สิง

มันแต่ก็แค่เกมลวงที่ทำให้ตกหลุมพราง

“อืม ถึงยังไงคุณก็ไม่อยากบอกฉัน” เวินจิ้งพึมพำ

“เรื่องพวกนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่โจวเซินทำกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมไม่อาจจะนิ่งดูดายโดยที่ไม่ตอบสนองไม่ได้” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ถ้าอย่างนั้นต่อไปฉันคงต้องฝึกงานที่โรงพยาบาลกับคุณแล้ว ฉันได้คุยกับศาสตราจารย์ส้งเมื่อครู่

“ตั้งหน้าตั้งตารอผมอยู่ที่เมืองหนานนะ ผมจะกลับไปให้เร็วที่สุด” ใบหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิงได้อ่อนลง

“อืมๆ แต่ว่าสุดสัปดาห์นี้ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ ฉันไปหาคุณแล้วกันนะ” มู่วี่สิงก็ไม่อยู่ ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล

เธออยากอยู่ข้างๆมู่วี่สิง…..

ถ้าอย่างนั้นก็ผมให้เกาเชียนมาเป็นเพื่อนด้วยนะ”

“จริงหรือคะ”

“ผมเคยพูดโกหกกับคุณที่ไหนกัน”

เวินจิ้งที่แอบเลี่ยนอยู่ในใจ “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร”

แต่ในความทรงจำมู่วี่สิงก็ไม่เคยพูดโกหกใดๆกับเธอจริงๆ

ค่ำคื่นนั้น

มู่วี่สิงได้มาถึงโรงแรมตงเฉิง คืนนี้บริษัทหลิงซื่อได้จัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงแก่นักประสาทวิทยาทั้งในและต่างประเทศ

ทันทีที่เข้ามาในโรงแรม มู่วี่สิงก็ถูกเชิญไปร่วมโต๊ะกับบรรดาศาสตราจารย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่เขาเคยรู้จักมาก่อน

ไม่ไกลไปนัก หลิงเหยาที่เฝ้าดูมู่วี่สิงคุยสนทนาอย่างสนุกสนานเฮฮา ความหลงใหลได้ฉายในแววตาเธอ

เธอถือแก้วไวน์ ความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้เขา แต่ก็กลัวเขาจะรำคาญเธอ

“ทำไมถึงไม่เข้าไปละ” เสียงหลิงอี้ดังขึ้นข้างหูของหลิงเหยา

“ถ้าฉันเข้าไป เขาอาจจะจากไปในทันที”

เธอรู้ตัวดีว่าในตอนนี้มีแต่จะสร้างความรำคาญใจให้กับมู่วี่สิง

แต่เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนี้

“อย่างนั้นหรือ” หลิงอี้ขมวดคิ้วอย่างแหนงหน่าย

“หุ้นที่อยู่ในมือวี่สิง ยังไม่ได้ขายออกไปหรือ” หลิงเหยาถามด้วยความกระวนกระวาย

นี่คือสิ่งที่แม่ทิ้งไว้ให้กับมู่วี่สิง เพื่อความสุขของหลิงเหยา

ถ้าหากมู่วี่สิงขายหุ้นนี้ทิ้งไป แบบนั้นเขากับตระกูลหลิงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

“ขายไปแล้ว” สีหน้าหลิงอี้ดูหดหู่

มู่วี่สิงขายผ่านตลาดต่างประเทศโดยแอบซ่อนข้อมูลเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทราบเรื่องทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหลิงเหยาก็ได้ซีดลง

“ทำไมเขาถึงใจร้ายเช่นนี้” เธอหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง จริงๆแล้วเธอยังจะคาดหวังอะไรกันอีกแน่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท