Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 565

ตอนที่ 565

บทที่565 เข้าข้าง

กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน เวินจิ้งหลับไปเรียบร้อยแล้ว

มู่วี่สิงมองใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งของเธอ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นมา ริมฝีปากเย็นๆประทับลงบนริมฝีปากของเธอ และลึกซึ้งขึ้น

หลังจากที่รถจอดแล้ว เขาก็อุ้มเธอลงมาจากรถ เธอถึงได้ค่อยๆตื่นขึ้นมา

“ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะคะ” เวินจิ้งเอ่ยพูดขึ้นในลำคอ

เธอลืมตาขึ้นมา มู่วี่สิงได้อุ้มเธอขึ้นมายังห้องนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านหลังของเธอแนบลงกับเตียงนุ่มๆ ร่างสูงยาวของเขากดทับลงมา เธอถูกเขากักตัวเองไว้โดยไม่มีทางหนีไปไหนได้

“นอนเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วยอาบน้ำให้นะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของมู่วี่สิงดังขึ้น

สิ้นคำพูดของเขาแล้ว เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก

เวินจิ้งอดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ แล้วความรู้สึกต่อมานั้นเธอก็ได้หดร่างของตัวเองไป

ตอนนี้เธอไม่หลงเหลือความง่วงอยู่แล้ว

“ฉันอาบเองได้ค่ะ”

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะ “ปฏิบัติต่อกันด้วยความซื่อสัตย์” แต่บางครั้งเวินจิ้งก็ยังมีอาการเขินอายอยู่มาก

ตามองดูหญิงสาวที่หนีออกจากอ้อมกอดของเขา เขาก็จับตัวเธอกลับเข้ามาสู่อ้อมกอดของตัวเองได้อย่างง่ายดาย

และวินาทีต่อมานั้น เวินจิ้งก็ถูกมู่วี่สิงอุ้มเข้าห้องน้ำไป……

ภายใต้สภาพที่มึนเมานี้ มู่วี่สิงสามารถยั่วเย้าทำให้ทั้งร่างของเวินจิ้งอ่อนลงได้อย่างง่ายดาย เธอพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา อย่างตกอยู่ในสภาพที่ยอมจำนนแต่โดยดี

“มู่วี่สิง พรุ่งนี้คุณยังต้องทำงานนะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว”

ชายหนุ่มที่มีพละกำลังที่เต็มเปี่ยม ริมฝีปากพรมจูบลงบนหลังหูของเธอ น้ำเสียงแหบพร่านั้นกลับให้ความเซ็กซี่ออกมา

“พรุ่งนี้ไม่ทำงานครับ”

………

วันถัดมา เวินจิ้งตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลากลางวันแล้ว ใบหน้ารูปไข่นั้นอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

ล้างหน้าล้างตาออกมาแล้วนั้น มู่วี่สิงกำลังนั่งอ่านประวัติอาการป่วยอยู่ในห้องรับแขก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาใส่แว่นตาไร้ขอบ ออร่าที่แผ่ออกมาทั่วทั้งร่างกายของเขาช่างดูสูงส่งและสง่างามยิ่งนัก

ภาพตรงหน้าที่สวยงามเช่นนี้ ยังคงทำให้คนมองต้องรู้สึกหน้าแดงและใจเต้นแรงได้จริงๆ

เวินจิ้งไม่อาจละสายตาออกไปได้เลย จนกระทั่งมู่วี่สิงใช้ขายาวๆของเขาเดินเข้ามาหาเธอ

เขาประคองด้านหลังศีรษะของเธอ แล้วก้มลงจูบเธออย่างลึกซึ้ง

เวินจิ้งตื่นขึ้นมาในทันที ตอนนี้เธอรู้สึกตัวก็ขัดเขาขึ้นมาในทันที

เธอยันหน้าอกเขาเอาไว้ แล้วผลักเขาออก

มู่วี่สิงอุ้มเธอขึ้นมาตรงข้างๆโต๊ะอาหาร อาหารกลางวันที่วางอยู่เต็มโต๊ะนั้นส่งกลิ่นหอมออกมา

“วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานจริงๆหรือคะ?” เวินจิ้งกัดมะเขือเทศหนึ่งคำ ริมฝีปากที่ชุ่มฉ่ำนั้นเปิดออกเล็กน้อย ช่างร้อนแรงมากเหลือเกินในสายตาของมู่วี่สิง

ดวงตาของเขาลึกซึ้ง ลูกกระเดือกขยับไปมา

“อืม วันนี้อยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณไงครับ”

“เย็นนี้ต้องกลับไปทานข้าวที่บ้านหลินนะคะ คุณยังจำได้ใช่ไหม?”

“จำได้สิครับ เดี๋ยวรอกลับไปพร้อมคุณนี่แหล่ะ”

เวินจิ้งยิ้ม หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วนั้น เธอเคยชินกับการมานั่งไล่ดูข้อความในwe chat เพื่อนๆของเธอนั้นมีการจัดอาจารย์ที่ปรึกษากันหมดแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับไม่มีเสียอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาคนไหนที่ยอมจะมาเป็นคนนำเธอ แต่เมื่อคิดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ในใจนั้นรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก

เวลานี้ โทรศัพท์มือถือของมูวี่สิงดังขึ้นมา หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้วนั้น เขามองไปทางเวินจิ้งอย่างรู้สึกผิด “เดี๋ยวผมต้องไปประชุมที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ตอนเย็นผมจะพยายามไปที่บ้านหลินให้เร็วหน่อยแล้วกันนะครับ?”

“งานสำคัญสินะคะ เย็นนี้ฉันจะรอคุณนะ”

หลังจากที่มู่วี่สิงออกไปแล้วนั้น เวินจิ้งจึงเก็บของเพื่อกลับไปยังบ้านหลิน แต่กลับไม่คิดว่าเมื่อไปถึงที่บ้านหลินแล้วนั้นจะพบกับโจวเซิน

เขาสวมใส่ชุดสีดำกางเกงสีดำ ออร่าที่ออกมาทั่วทั้งร่างกายนั้นช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

ขาที่ก้าวอยู่ของเธอนั้นชะงักค้างไป ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามพ้นประตู

เขาและหลินเวยคงจะกำลังพูดคุยเรื่องงานกันอยู่ ด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เสี่ยวจิ้งกลับมาแล้ว” เมื่อเห็นลูกสาว สีหน้าที่ดูเคร่งขรึมของหลินเวยนั้นจึงอ่อนโยนขึ้นมาอยู่บ้าง

“ค่ะแม่” สีหน้าของเวินจิ้งนิ่งมาก

“คุณนายหลิน ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” โจวเซินลุกขึ้นยืน ตอนที่อยู่ต่อหน้าของหลินเวยนั้นเขามีท่าทางที่ดูนอบน้อมมาก

หลินเวยพยักหน้า และตอนที่โจวเซินจะเดินผ่านเวินจิ้งไปนั้น ขาของเขาก็ชะงักลง

เวินจิ้งเดินไปข้างๆแม่ เมื่อเห็นว่าโจวเซินไปแล้วนั้นเธอถึงได้เอ่ยขึ้น “แม่คะ แม่กับเขามีอะไรต้องคุยกันอย่างนั้นหรือคะ?”

“เขาเป็นรุ่นพี่ของลูกนะ ลูกดูเหมือนกับไม่พอใจเขาอย่างนั้นแหล่ะ?” ในที่สุดหลินเวยก็มองต้นสายปลายเหตุนี้ออก

“ก็ปกตินี่คะ ความสัมพันธ์ของพวกเราก็เป็นปกติ” เวินจิ้งเอ่ยพูดขึ้นอย่างเรียบๆ

“ช่วงนี้สถานการณ์ของตระกูลโจวไม่ค่อยจะดีนัก โจวเซินหวังจะให้แม่ช่วยลงทุนรายการใหม่ให้เขาน่ะ” หลินเวยไม่ได้ปิดบัง

ทั้งสองบริษัทนับว่าไม่ใช่บริษัทคู่แข่ง อีกทั้งช่วงนี้กิจการของบริษัทหลินซื่อเองก็นับว่าไปได้สวย ดังนั้นจึงมีเงินทุนที่จะเอามาหมุนเวียนอยู่ไม่น้อย

แต่ถ้าหากลงทุนให้กับตระกูลโจว ก็นับว่ายังมีความเสี่ยงอยู่

“ถึงอย่างไรเรื่องทางธุรกิจหนูเองก็ไม่เข้าใจอะไรมากอยู่แล้ว ถ้าหากทำแล้วได้กำไร ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” เวินจิ้งกล่าว

“แม่รู้สึกว่าลูกไม่อยากจะให้แม่ร่วมงานกันกับโจวเซินเลยนะ” หลินเวยมองความคิดของลูกสาวตัวเองออก

เมื่อครู่นี้ที่เห็นตอนที่โจวเซิน อยู่นั้น สีหน้าของเธอดูเคร่งขรึมมาก

“ที่ไหนกันล่ะคะ” เวินจิ้งพึมพำขึ้นอย่างระแวง

“เมื่อกี้โจวเซินบอกกับแม่ว่า อาจารย์ที่ปรึกษาลูกลาออกแล้ว เขาสามารถแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาให้ลูกได้นะ” หลินเวยมองลูกสาว

เรื่องนี้เธอไม่รู้เลย โดยปกติแล้วเวินจิ้งจะพูดคุยเรื่องที่อยู่ในใจกับเธอน้อยมาก ดังนั้นหากเธอมีเวลาจึงทำได้เพียงให้เธอกลับมาบ้านบ่อยๆ พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกให้มากขึ้น

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เวินจิ้งปฏิเสธออกมาโดยไม่ต้องคิดเลยเสียด้วยซ้ำ

“อืม แม่เคารพการตัดสินใจของลูกนะ แต่อาจารย์ที่ปรึกษาของลูกยังไม่ได้รับการยืนยันเลย แม่กังวลว่า….” หลินเวยขมวดคิ้วขึ้น เธอกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงทางฐานะของลูกสาวที่รวดเร็วนี้ จะทำให้สุดท้ายแล้วเธอจะต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด

ดังนั้นเมื่อครู่นี้เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธโจวเซินไป

“แม่คะ ถ้าหากไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาคนไหนยอมที่จะเป็นคนมานำหนู หนูก็จะคิดหาวิธีอื่นได้อยู่แล้วค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นมาอย่างดื้อรั้น “หนูจะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากโจวเซิน ไม่จำเป็นต้องให้เขามาช่วยหนู”

“ลูกดูมีเจตนาเป็นศัตรูกับเขาจริงๆนะ” ครั้งนี้น้ำเสียงของหลินเวยเอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ

เวินจิ้งเม้มปาก ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ

“ครั้งนี้รายการที่โจวเซินคุยกับแม่ ผู้รับผิดชอบก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาของลูก นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ฮือฮาเรื่องหนึ่งในอุตสาหกรรมทางการแพทย์นี้”

ได้ยินแล้วนั้น เวินจิ้งจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ศาสตราจารย์ส้งหรือคะ?”

เธอนึกขึ้นมาได้ ว่าก่อนหน้านี้มู่วี่สิงเคยบอกกับเธอ ว่าตอนนี้ส้งเชนจะไปอยู่ที่ตระกูลโจว

“อืม ดังนั้นภาพของโครงการนี้ในอนาคต นับว่าไม่เลวเลยนะ” หลินเวยพิจารณาในมุมของนักธุรกิจ

เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น เวลานี้ในใจของเธอนั้นรู้สึกไม่สบายเท่าไรนัก

“แม่คะ ถ้าหากแม่รู้สึกว่าทำได้ จะร่วมงานกับเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้น

เธอไม่อยากให้ทัศนคติของตัวเองต้องมาส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของหลินเวย

“คิดแบบนี้จริงๆหรือ?” หลินเวยเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากในวงการธุรกิจ เธอมองดูการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเวินจิ้งออก

“ตอนนี้ในวงการธุรกิจต่างก็รู้ว่าตระกูลโจวกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกำลังแข่งขันกัน แม่ร่วมงานกับตระกูลโจว นั่นก็เท่ากับเป็นการโจมตีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเหมือนกันนะ” หลินเวยยิ้ม

คำพูดนี้ ทำให้สีหน้าของเวินจิ้งไม่สามารถสงบนิ่งลงได้แล้ว

“แม่ ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ช่วยตระกูลโจวไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” เวินจิ้งกระซิบกระซาบออกมาด้วยความระแวง

มู่วี่สิงเป็นผู้ชายของเธอ เธอจะต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว

“อืม แม่เองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน โจวเซินคนนี้ นิสัยของเขานั้นคาดเดาได้ยากเกินไป วิธีการของเขาเองก็ทำให้แม่ไม่ชอบใจเท่าไหร่เหมือนกัน เพียงแต่แม่คิดว่าเขาอยู่ที่มหาวิทยาลัยFนี่บางทีอาจจะช่วยเหลือลูกได้บ้างก็แค่นั้น”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท