Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 563

ตอนที่ 563

บทที่563 นับวันยิ่งรู้สึกสนใจ

“จิ้งจิ้ง ผมไม่เคยเป็นห่วงเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

“จริงหรือคะ?”

“คุณต่างหากล่ะ อย่าไปเข้าใกล้หลิงเหยาอีกนะ ความคิดของเธอไม่แสดงออกมาง่ายๆให้เราเห็นแบบนั้น”มู่วี่สิงเอ่ยเตือน

ผู้หญิงคนนี้มักจะใจอ่อน เหยาหลิงจึงจับยึดจุดอ่อนนี้ของเธอเอาไว้ได้

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ไม่ได้ส่งเสียงออกมา

“ฉันรู้แล้วค่ะ”

กอดเวินจิ้งเอาไว้ในอ้อมกอดแบบนี้ จริงๆแล้วทั้งสองคนไม่มีใครได้นอนเลย จนกระทั่งใกล้จะรุ่งสาง เวินจิ้งถึงได้หลับไปได้พักหนึ่ง

ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้น มู่วี่สิงก็ทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวินจิ้งเดินออกมาจากห้องรับแขกก็ได้กลิ่นหอมลอยมา

“ไม่ได้ทานอาหารเช้าฝีมือคุณหมอมู่มานานเลยนะคะ” เวินจิ้งหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข

“คุณย้ายมาสิครับ ผมจะทำให้คุณทานทุกวันเลย” มู่วี่สิงนั่งลงตรงข้ามกับเธอ แล้วช่วยชงนมอุ่นๆให้กับเธอ

“อูย นี่ไม่ใช่ว่าจะต้องยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรอกหรือคะ” เวินจิ้งทำหน้ามุ่ย แล้วนึกไปถึงคำพูดของหลินเวยเมื่อคืนนี้ เธอจึงเอ่ยขึ้น “แม่ให้คุณกลับไปทานข้าวด้วยกันสุดสัปดาห์นี้น่ะค่ะ”

“สุดสัปดาห์นี้ ผมคงจะต้องไปทำงานที่ประเทศC”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

“ออกไปทำงาน? ไปจัดการเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปหรือเปล่าคะ?”

“อืม ช่วงนี้ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีเรื่องไม่น้อยเลยที่ผมต้องยื่นมือเข้าไปแทรก”

“เป็นเพราะจะต้องแข่งกับตระกูลโจวด้วยใช่ไหมคะ?”

มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากบางยกขึ้น “รู้เยอะเหมือนกันนี่ครับ”

“แล้วใครให้คุณไม่ยอมบอกฉันบ้างล่ะคะ ฉันก็เลยต้องไปถามซือซือ” น้ำเสียงของเวินจิ้งปรากฏถึงความไม่พอใจออกมา

มู่วี่สิงวางอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารลง ปลายนิ้วอุ่นๆยื่นออกไปเช็ดมุมปากของเวินจิ้งที่เลอะเนยออก

“ช่วงนี้โจวเซินกำลังโจมตีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แน่นอนว่าหลักๆแล้วเขาต้องการจะเล่นงานผม” มูวี่สิงเอ่ยขึ้นมาอย่างนิ่งๆ

“เพราะฉะนั้น ที่คุณถูกพักงานก็เป็นเพราะกลอุบายของเขา?”

“อืม ตอนนี้โรงพยาบาลจงซินถูกควบคุมหุ้นโดยตระกูลโจวแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลโจวไม่ค่อยดีนัก โจวเซินทำแบบนี้ มีเพียงแต่ทุกอย่างจะกลับตรงกันข้าม ตอนนี้หมอที่โรงพยาบาลพากันลาออกเป็นจำนวนไม่น้อยแล้วล่ะครับ”

“แล้วต่อไปคุณจะทำอย่างไรต่อคะ?” เวินจิ้งมองมู่วี่สิง คิดแล้วเขาคงจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว “คุณจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นไหมคะ?”

“ภายใต้การบริหารของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปหลายปีก่อนหน้านี้ควบคุมโรงพยาบาลใหญ่ๆอีกหลายแห่ง แต่ผมคงจะอยู่รักษาที่โรงพยาบาลหนานเฉิงชั่วคราวก่อนครับ”

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วนั้น มู่วี่สิงก็ไปส่งเวินจิ้งที่มหาวิทยาลัย เพียงแต่เมื่อลงรถมาแล้วนั้น เวินจิ้งก็เจอกับโจวเซินที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน

เขาเดินมาทางเธอ

“เวินจิ้ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

เวินจิ้งพยักหน้ารับอย่างนิ่งๆ แต่กลับไม่คิดที่จะพูดคุยกับเขาให้มากมายอยู่แล้ว

เพียงแต่โจวเซินกลับเดินเข้ามาข้างๆเธอต่อเสียอย่างนั้น เขาเป็นคนหล่อสะดุดตาอยู่แล้ว ผู้หญิงในมหาวิทยาลัยหลายๆคนต่างพากันชอบเขา ตอนนี้สายตาไม่น้อยกำลังมองมาทางเวินจิ้ง

“โจวเซิน คุณมีธุระอะไรไหม?” เวินจิ้งหยุดเดิน

“อืม มีสิ” โจวเซินเอ่ยพูดอย่างจริงจัง

“ผมคิดว่าคุณคงจะยังไม่รู้สินะ ว่าศาสตราจารย์ส้งกำลังเตรียมตัวจะลาออกแล้ว” โจวเซินหรี่ตาลง

เวินจิ้งรู้สึกอึ้งไป แล้วมองโจวเซินด้วยความตะลึง

เรื่องนี้เธอไม่รู้เลยจริงๆ……

แต่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะคุยกับศาสตราจารย์ส้งเอง ตอนนั้นศาสตราจารย์ก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ อีกทั้งยังบอกให้ฝึกงานกับเธออีกด้วย

ถ้าหากศาสตราจารย์ส้งลาออก เธอก็คงจะไม่พูดแบบนี้

“เวินจิ้ง คุณควรจะรู้สถานะของตัวเองนะ ตอนนั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะผมช่วยคุณ ส้งเชนก็คงจะไม่รับคุณไว้ ตอนนี้เขาจะลาออกแล้ว คุณคิดว่ายังจะมีศาสตราจารย์คนอื่นรับคุณอีกไหม?” น้ำเสียงของโจวเซินเยือกเย็นมาก

ทั้งร่างกายของเวินจิ้งสั่นเทาเล็กน้อย เธอมองโจวเซิน แล้วกำหมัดแน่น

ตอนที่โจวเซินขู่เธอนั้นค่อยๆปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น ว่าผู้ชายคนนี้ คิดว่าตัวเองจะสามารถควบคุมเธอได้ตั้งแต่แรก

แต่เธอไม่เชื่อ

“ไม่มีศาสตราจารย์คนอื่นรับช่วงฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็ออกจากมหาวิทยาลัย”น้ำเสียงของเวินจิ้งเคร่งขรึม

ได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าท่าทางของโจวเซินก็เปลี่ยนไป มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นมา

“เวินจิ้ง ทำไมคุณไม่ยอมแพ้เวลาที่อยู่ต่อหน้าผมบ้าง”

“ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นมาอย่างเด็ดขาด

ร่างบางห่างออกไปจากสายตาของโจวเซินอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น แววตาที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจากความเยือกเย็นนี้แพร่กระจายออกมา

เวินจิ้งไม่เชื่อสิ่งที่โจวเซินพูด หลังจากที่เธอกลับไปที่หอพักแล้ว เธอจึงรีบไปที่ออฟฟิศทันที

แต่กลับไม่พบส้งเชน มีเพียงแค่เพื่อนในสาขาเดียวกันที่กำลังพูดคุยกันอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“ศาสตราจารย์ส้งทำไมจู่ถึงได้ลาออกไปแบบนี้ล่ะ?”

“ใช่น่ะสิ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดี ศาสตราจารย์ที่มีอำนาจมากที่สุดทางด้านการศัลยกรรมของมหาวิทยาลัยF ตอนแรกที่ฉันสอบเข้ามาก็เป็นเพราะมีเธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเลยนะ”

“พวกเธอติดต่อศาสตราจารย์ได้ไหม? ฉันส่งข้อความไปหาศาสตราจารย์แล้วแต่เขาไม่ตอบฉันเลย…..”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตอนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ๆนั้นเพื่อนสองสามคนนั้นเอ่ยทักทายเธอขึ้น

“เวินจิ้ง ศาสตราจารย์ส้งติดต่อเธอมาบ้างไหม?”

เวินจิ้งส่ายหน้าอย่างหดหู่

“ศาสตราจารย์ไม่อยู่ที่ออฟฟิศหรอกหรือ?”

“วันนี้เธอออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ฉันคิดว่าเราน่าจะยังได้เจอศาสตราจารย์นะ”

รออยู่ที่ออฟฟิศอยู่พักหนึ่ง เพื่อนๆสองสามคนนั้นติดต่ออธิการบดี เพราะถึงอย่างไรอาจารย์ที่ปรึกษาก็ลาออกแล้ว จะต้องมีคนมาจัดการพวกเขาที่เป็นนักเรียนเหล่านี้อยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งอะไรออกมาเลย คำพูดเดิมของอธิการบดีมีเพียงแค่ให้พวกเขารอเพียงเท่านั้น

สองสามวันต่อมา เวินจิ้งอยู่ที่หอพัก อาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ยังไม่ได้มีการจัดขึ้นมา ในใจของเวินจิ้งนั้นมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไรนัก

คำพูดของโจวเซินยังคงวนเวียนอยู่ข้างๆหูเธอ และเวินจิ้งที่เพิ่งจะนึกถึงเขานั้น ก็เจอเขาที่ห้องรับประทานอาหารเสียอย่างนั้น

ข้างๆเขานั้นมีโจวหย่านที่เวินจิ้งไม่ได้เจอมานานติดตามเขาอยู่ด้วย เพียงแต่สีหน้าของเธอนั้นดูไม่ค่อยดีนัก

เวินจิ้งก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองต่อไป แต่โจวเซินพาโจวหย่านเข้ามานั่งลงตรงหน้าของเธอ

ความไม่พอใจในแววตาของเวินจิ้งแพร่กระจายออกมา

“เวินจิ้ง พวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องต่อต้านฉันขนาดนี้ก็ได้” โจวเซินเห็นแววตาที่มีความโกรธของเวินจิ้งอย่างชัดเจน รวมทั้งคิ้วที่กำลังขมวดอยู่ของเธอด้วยเช่นกัน

“รุ่นพี่คิดมากไปแล้วล่ะค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจ

“ทางมหาวิทยาลัยจัดอาจารย์ที่ปรึกษาให้แล้วหรือยัง?”

“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ”

“จุ๊ๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัยFแล้วนี่ไม่เหมือนเดิมเลยนะ พี่ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอนะ นี่คือท่าทางที่เธอแสดงความเคารพต่อเขาอย่างนั้นหรือ?” เสียงของโจวหย่านแหลมมากเหลือเกิน

“เงื่อนไขแรกที่ฉันจะเคารพรุ่นพี่โจวก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับรุ่นพี่ดีต่อกัน แต่เหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นนี่คะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา

เธอไม่สามารถจะมีอารมณ์หรือความรู้สึกดีๆให้กับสองพี่น้องคู่นี้ได้เลยจริงๆ

ตอนนี้แม้แต่ความอยากอาหารก็ไม่มีแล้วเสียด้วยซ้ำ

“ฉันเคยเป็นคนนำเธอฝึกงานเชียวนะ เทอมนี้ก็ยังไม่จบเทอมด้วย ฉันยังไม่ได้เขียนคะแนนครั้งสุดท้ายของเธอเลยด้วยสิ” โจวเซินยิ้ม

เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับมองเวินจิ้งอย่างน่าขนลุกสยดสยอง

เธอรู้สึกอึ้งไป แล้วถึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องนั้นอยู่ด้วย…..

“อ่อ ฉันรู้สึกว่าการแสดงออกในความสามารถของฉันก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไรนี่คะ” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น

อย่างน้อยตอนที่ติดตามอยู่กับโจวเซิน การเรียนรู้ของเธอก็เป็นปกติ ตอนนั้นโจวเซินเองก็ยอมรับในตัวเธอเช่นกัน

เพียงแต่ถ้าหากตอนนี้โจวเซินมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งเธอ เธอเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน….

“ใช่หรือ?” โจวเซินเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจความหมาย

“ฉันทานเสร็จแล้ว เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ” เวินจิ้งลุกขึ้น

โจวหย่านมองตามเบื้องหลังที่เดินจากไปของเวินจิ้ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ “ผู้หญิงคนนี้นิสัยไม่เปลี่ยนเลยซักนิด พี่ พี่คงจะไม่ให้เธอผ่านการประเมินครั้งสุดท้ายไปอย่างราบรื่นหรอกใช่ไหม?”

“ตอนนั้นการแสดงออกทางความสามารถของเวินจิ้ง ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าจับผิดจริงๆนั่นแหล่ะ” โจวเซินพูดตามความจริง

เมื่อครู่นี้เพียงแค่อยากจะทำให้เธอตกใจเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าจะนิ่งกว่าที่เขาคิดไว้แบบนี้

เขานับวันยิ่งรู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเสียแล้วจริงๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท