Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 572

ตอนที่ 572

บทที่ 572 ผู้ชายเผด็จการ

มู่วี่สิงเหล่ตามองลงมาที่เวินจิ้ง ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธขนาดนั้นแล้ว

“พรุ่งนี้ก็ไม่อนุญาตให้มา” เขาบอกอย่างออกคำสั่ง

ตอนนี้เขาไม่อยากเห็นเจียงฉีกับเวินจิ้งสุงสิงกันอีก

“ไม่เอา….” เวินจิ้งแย้ง

แต่พอได้เห็นสีหน้าของมู่วี่สิงที่มองกลับมาอย่างเอาเรื่อง เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

ผู้ชายเผด็จการ!

เธอได้แต่มองไปที่เท้าของตัวเอง อย่างไม่รู้จะทำยังไง

จนกระทั่งเสียงลิฟต์ต์เปิดประตูดังขึ้น มู่วี่สิงก็เดินนำออกไปแล้ว เวินจิ้งจึงเดินไปตามหลัง พร้อมก้มหน้าลงด้วยความโกรธเล็กน้อย

ทันใดนั้น หน้าผากของเธอก็กระแทกเข้ากับแผ่นหลังแข็งๆของใครคนหนึ่ง เวินจิ้งจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ

พร้อมกับเหลือบตาไปมอง มู่วี่สิงหยุดเดินตอนไหนกัน!

ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว

เธอเงยหน้าขึ้น ส่งสายตาไม่พอใจไปให้มู่วี่สิง และวินาทีต่อจากนั้นเธอก็ถูกดึงไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

“ปล่อยฉันนะ” เวินจิ้งพูดด้วยความไม่พอใจ

“ได้ ผมจะปล่อยคุณ” มู่วี่สิงโมโหมากขึ้นไปอีก และในตอนนี้เขาก็ปล่อยเธอแล้วจริงๆ

หลังจากที่ออกมาจากลิฟต์ต์ เขาก็เดินขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งขับรถผ่านหน้าเธอไป

เธอถูกทิ้งอยู่ที่เดิม ได้แต่กัดริมฝีปากและสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมา

“คนบ้า”

เธอด่าด้วยความโกรธ ก่อนจะหมุดตัวกลับเข้าไปในโรงพยาบาล

จริงๆแล้วมู่วี่สิงก็ไม่ได้ขับรถไปไกล เขาขับไปนิดเดียวก็หยุดรถ

เขาหักพวงมาลัย กลับเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ในตอนนั้น เวินจิ้งก็นั่งอยู่ตรงทางเดิน เมื่อสงบอารมณ์ตัวเองได้แล้ว เธอถึงค่อยเดินเข้าห้องผู้ป่วยของเจียงฉีไป

“เวินจิ้ง นี่ดึกแล้ว เธอรีบกลับเถอะ” เจียงฉีพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ไม่เป็นไร คืนนี้ฉันจะเฝ้าไข้เอง” เวินจิ้งพูดเสียงเบา

เจียงฉีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อตะกี้ตอนที่มู่วี่สิงมาพาเวินจิ้งกลับไป เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก

แต่ตอนนี้ ยังไงเวินจิ้งก็กลับมาแล้ว มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“เธอนอนบนโซฟานั่นสักพักก็ได้ พ้นคืนนี้ไปฉันก็ได้กลับบ้านแล้ว”

“อืม” เวินจิ้งตอบอย่างเหม่อลอย

ตอนนี้ให้หัวเธอมีแต่มู่วี่สิง ใบหน้าที่นิ่งเฉย แผ่นหลังอันเย็นชาของเขา ต่างทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

นอนไม่หลับ เธอหยิบวิทยานิพนธ์ที่เธอเพิ่งทำกับเจียงฉีในกระเป๋าออกมา

“เวินจิ้ง เธอนอนสักหน่อยเถอะ อดนอนไม่ดีต่อสุขภาพผู้หญิงนะ” เจียงฉีขมวดคิ้วดูการกระทำของเธอ

“ไม่เป็นไร นายรีบนอนสิถึงจะถูก รีบนอนเถอะ”

เจียงฉีมองเธอ ก็เห็นความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เดาว่าน่าจะเป็นเพราะเธอทะเลาะกับมู่วี่สิงแน่ๆ

เขาลุกขึ้นมานั่ง และเดินมาอยู่ข้างๆเธอ “เธอไม่อยากนอน งั้นพวกเราทำวิทยานิพนธ์กัน”

“ก็ดี” เวินจิ้งยิ้มออกมาน้อยๆ

จนถึงตอนดึก เวินจิ้งถึงได้นอนไปครู่หนึ่ง โดยมีร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยจนเช้าตรู่

ตอนเช้าเจียงฉีต้องไปตรวจร่างกาย เวินจิ้งจึงกลับมหาลัย

ไม่ได้มีการติดต่อหามู่วี่สิงแต่อย่างไร เธอกลับมาหอและนอนอีกครั้งจนถึงเย็น จากนั้นจึงตื่นขึ้นมาและไปโรงพยาบาลอีกครั้ง

ณ.โรงพยาบาลหนานเฉิง

โจวหย่านเห็นมู่วี่สิงเดินเข้ามาคนเดียว ก็อดยิ้มไม่ได้

“นักเรียนคุณไม่ตามมาด้วยหรอ”

“อืม” สีหน้าของมู่วี่สิงอิดโรย

“เมื่อวานคุณนอนไม่พอหรอ ทำไมสีหน้าเป็นแบบนั้น” โจวหย่านเอาแต่จ้องไปที่มู่วี่สิง

พอได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว

“เดี๋ยวต้องไปตรวจเลือด” มู่วี่สิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ

โจวหย่านก็ชินแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เธอมีโอกาสได้คุยกับเขาหนึ่งประโยค ก็พอแล้ว แค่ได้เห็นหน้าเขา ก็พอแล้ว

อย่างนี้ถ้าภายหลังเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่เสียใจแล้ว

“มู่วี่สิงพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของฉัน” โจวหย่านพูดออกมาอย่างกะทันหัน

“แล้ว?” มู่วี่สิงจำใจตอบเธอ

“คุณมาอวยพรวันเกิดหน่อยสิ ไม่แน่อาจจะเป็นวันเกิดครั้งสุดท้ายของฉันก็ได้” น้ำเสียงของ โจวหย่าน เต็มไปด้วยความเหงา

“เรื่องนี้คุณควรพูดกับ คุณนายโจว” น้ำเสียงของมู่วี่สิงยังนิ่งดังเดิม

“แม่ฉันรู้น่า แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะอยู่ข้างๆฉัน” โจวหย่านมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย

“ผมอยู่โรงพยาบาลทุกวันอยู่แล้ว” มู่วี่สิงตอบ

พอพูดประโยคนี้จบ โจวหย่านก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

งั้นเขาก็แปลว่า….เขาจะอยู่วันเกิดเธองั้นหรอ

“แม่จะฉลองให้ฉันให้ห้องผู้ป่วย”

“อืม”

พูดจบ มู่วี่สิงก็รีบเดินออกไป

แต่โจวหย่านรู้สึกได้ว่า พรุ่งนี้มู่วี่สิงต้องมาแน่นอน

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบบอกเรื่องนี้กับแม่ของตัวเองทันที

เมื่อกลับมาถึงห้องพัก มู่วี่สิงนั่งลบปุ๊บ เกาเชียนก็เคาะประตูเดินเข้ามา

“ประธานมู่ ประธานส้งให้ผมมารายงานกับคุณว่า สิทธิในการขายยาเหล่านี้ถูกยกเลิกแล้ว”

มู่วี่สิงไม่แปลกใจ เขาเม้มริมฝีปากแล้วพูด “จับตาดูตระกูลโจวต่อไป”

พอได้เอกสาร เขาก็เรียกเกาเชียนไว้อีกครั้ง “ช่วงนี้หลิงเหยาเป็นไงบ้าง”

“คุณหลิงเหยายังอยู่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้หลิงอี้กำลังช่วยเธอยื่นเรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยFอยู่ครับ”

เมื่อได้ยิน มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว “ขัดขวางไว้ อย่าให้หลิงเหยาเข้ามาได้”

“ผมรู้ครับ”

ตกเย็น เวินจิ้งนำกล่องอาหารไปเยี่ยมเจียงฉี

เพราะแผลของเขาแย่ลง ทำให้ต้องเลื่อนวันออกจากโรงพยาบาลออกไป

“เจียงฉี หมอว่ายังไงบ้าง” เวินจิ้งถาม

“แปลมีสารเคมีที่เป็นพิษแทรกซึม ต้องฆ่าเชื้อ เอาพิษออกก็หายแล้ว ไม่ต้องกังวล”

เวินจิ้งยังขมวดคิ้วดังเดิม

คนร้ายในคืนนั้น จนตอนนี้ก็ยังหาเบาะแสไม่ได้ การสอบสวนก็เป็นไปได้ยาก

แต่ตอนนี้เธอไม่อยากบอกเรื่องนี้กับมู่วี่สิงเลยสักนิด

ผู้ชายคนนั้น ไม่ติดต่อเธอมาแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน

“เวินจิ้งเพราะฉันหรือเปล่า เธอกับมู่วี่สิงทะเลาะกันใช่ไหม”

เมื่อได้ยิน เวินจิ้งก็นิ่งไป

เธอว่างกล่องข้าวลง “เปล่า”

“อารมณ์ของเธอ เขียนอยู่บนหน้าเธอแล้ว”

“เจียงฉี กินข้าวก่อนเถอะ” เวินจิ้งเปลี่ยนหัวข้อพูด

ตอนนี้เธอไม่อยากได้ยินชื่อ มู่วี่สิง

เจียงฉีไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานหมอก็เข้ามาพร้อมผลการรักษา ระบุว่าแผลของเจียงฉีลึกมา ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยาก

ตอนนี้ดูเหมือนว่า เครื่องมือของโรงพยาบาลจะไม่พอ

สีหน้าของเจียงฉียังสงบดังเดิม แต่สีหน้าของเวินจิ้งกลับนิ่งไม่ได้อีกต่อไป

เจียงฉีได้รับบาดเจ็บก็เพราะเธอ

“ทำไมถึงไม่มีทางรักษาล่ะคะ แผลได้รับยาพิษประเภทไหน” เวินจิ้งถาม

“เพราะว่าพวกเราไม่สามารถแยกออกว่าเป็นพิษไหน ดังนั้นจึงอยากให้คนไข้เปลี่ยนโรงพยาบาลรักษา”

เวินจิ้งโมโหมาก แต่เพราะตัวเองก็เรียนหมอเหมือนกัน จึงเข้าใจการทำอะไรไม่ถูกของหมอดี

แต่แล้วนี่จะทำยังไงดีล่ะ

“เจียงฉี ขอโทษนะ” เวินจิ้งไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

“ไม่เป็นไร ยังไงแขนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว”

“อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า!” เวินจิ้งหน้าบึ้ง

มองบาดแผลของเจียงฉีแล้ว เวินจิ้งก็คิดไปคิดมา จนสุดท้ายเธอก็คิดว่าควรถามไป๋สือดูว่าพอจะมีวิธีมั้ย

แต่ตอนนี้ไป๋สืออยู่ต่างประเทศ กลับบ้านไม่ได้ในเวลาแค่ครู่เดียว

งั้น…ก็เหมือนว่าต้องหามู่วี่สิงคนเดียวแล้ว

แต่เธอไม่สามารถแบกหน้าไปเจอเขาก่อนได้

เธอได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด และในทันใดนั้น เสียงของเจียงฉีก็ดังขึ้นมาข้างๆ “เวินจิ้ง เธอไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น เป็นฉันเองที่ตั้งใจจะช่วยเธอ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท