Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 599

ตอนที่ 599

บทที่ 599 ต่อให้ต้องบังคับ เธอก็ต้องเป็นของเขา

วันต่อมา ตอนเวินจิ้งตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบๆเที่ยง

เมื่อดูเวลา เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ

เพราะในวันนี้ของทุกๆปี เธอจะไปไหว้เจี่ยนอีที่สุสานตั้งแต่เช้าๆตลอด

เมื่อลงมายังห้องรับแขก โจวเซินก็เตรียมของสำหรับไปไหว้ไว้แล้วเรียบร้อย บนโต๊ะอาหารก็มีอาหารเที่ยงวางอยู่เรียงราย และเขาก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น เพื่อรอเวินจิ้งมากินด้วยกัน

“กินข้าวเสร็จแล้วค่อยออกแล้วกัน”

“รบกวนคุณด้วยนะ” เวินจิ้งดึงริมฝีปากขึ้นเบาๆ

วินาทีนั้น โจวเซินคิดว่าเวินจิ้งยิ้มให้เขา ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มแค่บางๆ แต่เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว

เมื่อกินข้าวเสร็จ โจวเซินอารมณ์ก็ดีมาก เวินจิ้งไม่ได้มองเขา เอาแต่ตอบคำถามของคนไข้ทางออนไลน์

“กินเนื้อเยอะๆหน่อย” คำพูดของโจวเซินทำให้เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมาทันที

ด้านโจวเซินก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อไก่มาวางไว้บนจานของเธอ

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ได้แตะต้องเนื้อไก่ชิ้นนั้น แต่กลับคีบชิ้นอื่นมากินเอง

มาถึงสุสานก็เป็นเวลาบ่ายพอดี เวินจิ้งถือช่อดอกไม้ ส่วนโจวเซินยืนอยู่ข้างหลังเธอในระยะครึ่งเมตร

“แม่ ฉันมาเยี่ยม” เวินจิ้งหลุบตา จากนั้นก็ค่อยๆนั่งคุกเข่าลงอย่างช้าๆ

เมื่อมาอยู่ต่อหน้าแม่ เวินจิ้งก็ไม่สามารถปกปิดอารมณ์ความรู้สึกได้อีกต่อไป ชีวิตที่ต้องคอยสวมหน้ากากเอาไว้บนหน้า เธอรู้สึกอึดอัดเอามากๆ

แต่ตอนนี้ก็ค่อยๆรู้สึกว่า บางทีต่อจากนี้ไปตัวเองอาจจะเป็นแบบนี้ไปตลอดเลยก็ได้

“แม่ ฉันจะพยายามลืมมู่วี่สิงให้ได้” เธอพูดเสียงเบา

คำพูดก่อนจะจากไปของผู้เป็นแม่หลั่งไหลเข้ามาในหูของเธออีกครั้ง “ลูก ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ แกห้ามกลับไปหามู่วี่สิงอีก ผู้ชายคนนั้น…..น่ากลัวเกินไป…….”

น้ำตาของเธอไหลอาบใบหน้าเล็กๆ ร้องไห้อย่างไร้เสียงสะอื้น

ทิชชูแผ่นหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ เวินจิ้งรับมา จากนั้นก็เช็ดหน้าลวกๆ หันหน้าหนีเพื่อไม่ให้โจวเซินเห็นสภาพอันน่าเวทนาของเธอ เขาไม่ได้เข้าไปใกล้ วันนี้ของทุกๆปี เวินจิ้งก็จะปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแบบนี้แหละ

เมื่อกลับมาถึงตระกูลโจว หลินเวยกับโจวเซิ่งก็กลับมาถึงตอนเย็นๆพอดี

เมื่อเวินจิ้งเข้าไปหาแม่ที่ห้อง ก็พบว่าหลินเวยกำลังอารมณ์ดีมาก ยกมือขึ้นไปหาเวินจิ้งแล้วพูดว่า “เสี่ยวจิ้ง มาหาแม่หน่อยสิ ช่วงนี้แม่ก็คิดแล้วคิดอีก อายุแกก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว อีกอย่างก็โสดมาหลายปี แม่เลยว่าจะแนะนำคู่ดูตัวให้แกสักคนสองคนเป็นไง?”

ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็นิ่งอึ้ง คำพูดของหลินเวยเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเธอมาก

เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย………

“แม่ ฉันยังไม่อยาก…….” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

แม้จะรู้มาว่าหลินเวยมักจะคอยเร่งรัดอยู่ตลอด แต่ว่าสามปีมานี้ เธอก็คิดว่าชีวิตของตัวเองในตอนนี้…..มันดีมากๆแล้ว

“เสี่ยวจิ้ง แกลองดูไม่ได้เหรอ? แม่ก็ไม่ได้บอกให้แกต้องแต่งงานเดี๋ยวนี้ แกค่อยๆศึกษาดูใจกับอีกฝ่ายก็ได้ ลองเปิดใจดูหน่อยเถอะนะ” หลินเวยพูดออกมาอย่างจริงใจและมีความหมาย

เวินจิ้งหลุบตาลง ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา

หลินเวยกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ในตอนนี้เอง ที่เสียงฝีเท้าจากหน้าประตูดังขึ้นมา เพราะประตูไม่ได้ปิด โจวเซินจึงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองมาตั้งแต่แรก

บนใบหน้าของเขาไม่สามารถปกปิดความเยือกเย็นเอาไว้ได้เลย “แม่ เวินจิ้งคือคนของผม”

เมื่อคำพูดนี้ถูกปล่อยออกมา คนที่หน้าซีดเผือดไม่ได้มีแค่หลินเวย แต่ยังมีเวินจิ้งด้วย

“แกพูดอะไร…….”

“โจวเซิน คุณอย่าพูดอะไรไร้สาระนะ!” เวินจิ้งเริ่มโกรธ

ผู้ชายคนนี้มักจะพูดอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดอยู่เรื่อย……

“แม่ครับ คนที่เวินจิ้งต้องแต่งงานด้วย ต้องเป็นผมเท่านั้น” โจวเซินเดินเข้ามา แล้วจับข้อมือของเวินจิ้งเอาไว้ จากนั้นก็กระชากเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเอาแต่ใจ

หลินเวยตกตะลึง เธอรู้มาตลอดว่าโจวเซินคิดยังไง แต่เขาก็ไม่เคยแสดงออกมาชัดเจนเหมือนตอนนี้

“เสี่ยวจิ้ง พวกแก…..” หลินเวยไม่ค่อยเชื่อโจวเซิน จึงหันไปถามเวินจิ้ง

“แม่ มันไม่มีอะไรเลยนะ โจวเซิน ฉันเห็นคุณเป็นแค่พี่ชายมาตลอด” เวินจิ้งพูดเสียงเย็น

ด้านโจวเซินกลับแสยะยิ้ม “พี่ชายงั้นเหรอ? เวินจิ้ง แต่ผมไม่เคยมองคุณเป็นน้องสาวเลยสักครั้ง”

“เหลวไหล!” ในตอนนี้เอง เสียงโกรธๆของโจวเซิ่งก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู

“เซิ่ง” หลินเวยขมวดคิ้ว จากนั้นก็จับแขนของโจวเซิ่งเอาไว้

โจวเซิ่งเดินเข้ามาใกล้ มองมาที่โจวเซินด้วยสายตาโกรธๆ แต่โจวเซินกลับยังคงมีท่าทางนิ่งเฉยเหมือนเดิม

“โจวเซิน ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างโมโห จากนั้นก็วิ่งออกไปจากห้อง

โจวเซินขมวดคิ้ว กำลังจะตามเธอไป แต่โจวเซิ่งก็ปิดประตูเอาไว้เสียก่อน

“ฉันได้สั่งสอนแก……ให้กลายมาเป็นลูกไม่รักดีแบบนี้เหรอ!” โจวเซิ่งโกรธถึงขีดสุด

“พ่อไม่เคยสอนผมว่าถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ควรใช้ความคิดมากเท่าไหร่นี่ครับ” โจวเซินกระตุกริมฝีปากอย่างส่อเสียด

“แก!” โจวเซิ่งโกรธจนหน้าเขียว

หลินเวยลูบแขนเขาให้เขาอารมณ์เย็นลง จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยปากพูดว่า “โจวเซิน เสี่ยวจิ้งไม่ได้ชอบแก แล้วทำไมแกต้องดึงดันด้วย”

“แต่เธอก็ไม่ได้ชอบคนอื่นนี่ ถ้าแต่งกับผม เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ดีเหรอครับ?” โจวเซินเอ่ยพูดออกมา

พวกเขาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันมาแล้วตั้งสามปี เขาคิดว่าเวลาสามปีน่าจะเปลี่ยนใจของเวินจิ้งได้ แต่พอดูจากตอนนี้แล้ว เขาไม่ควรรอให้ถึงวันนั้นอีกต่อไป

ต่อให้ต้องบังคับ เธอก็ต้องเป็นของเขา

“ฉันจะหาคู่หมั้นคนอื่นให้แก แกไม่เห็นหรือไงว่าเวินจิ้งปฏิเสธแกแค่ไหน!” โจวเซิ่งพูดอย่างโมโห

ถึงยังไงตอนนี้เวินจิ้งก็นับว่าเป็นลูกสาวของเขาแล้วเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเซินอยู่ในสายตาของเขามาตลอด ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ครอบครัวคงยากที่จะสงบสุขแล้ว!

“พ่อครับ ถ้าไม่ใช่เวินจิ้ง ผมก็จะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น!” พูดจบ โจวเซินก็หันหลังเดินออกไป

โจวเซิ่งโกรธจนหอบ มองไปทางลูกไม่รักดี จากนั้นก็หยิบแจกันดอกไม้ขึ้นมาปาใส่

โจวเซินหลบได้อย่างว่องไว ผ่านไปไม่นาน อารมณ์ขอโจวเซิ่งก็เย็นลง

“เวยเวย คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไม่ให้เวินจิ้งรู้สึกอึดอัดใจเด็ดขาด ถึงยังไงเธอก็ถือว่าเป็นลูกสาวของผมเหมือนกัน” โจวเซิ่งพูดเสียงหนัก

หลินเวยกัดริมฝีปาก เมื่อก่อนเธอก็เคยคิดว่ายังไงสักวันก็ต้องมีวันนี้ แค่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้

“งั้นก็ให้โจวเซินไปเปิดตลาดทางฝั่งยุโรปชั่วคราวดีไหม”

“อืม ผมจะเสนอเรื่องนี้กับบอร์ดบริหาร คุณเองก็เตรียมหาคู่ดูตัวไว้ให้เวินจิ้งทำความรู้จักก็แล้วกัน”

เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เวินจิ้งก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด

เธอกลัวว่าโจวเซินจะบุกเข้ามา และเธอคงไม่สามารถต่อต้านเขาได้แน่ๆ

เพราะไม่ได้หลับทั้งคืน เวินจิ้งจึงลงมากินข้าวเช้าตั้งแต่ยังเช้าตรู่ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะออกจากบ้านไปก่อนโจวเซิน แบบนี้จะได้ไม่ต้องให้เขาไปส่ง เพียงแต่ว่าพอลงมา ก็เห็นโจวเซิน และข้างกายของเขาก็มีกระเป๋าเดินทางอยู่หนึ่งใบ

“ผมต้องไปทำงานนอกสถานที่ประมาณครึ่งเดือน” เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเวินจิ้ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

เมื่อวานหลังจากทะเลาะกับพ่อเขาก็ได้รับข้อความว่าต้องออกไปทำงานนอกสถานที่จากบอร์ดบริหาร และดูเหมือนว่าโจวเซิ่งจะจงใจเตรียมการเอาไว้

“อืม” เวินจิ้งตอบรับ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง

โจวเซินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาอยากจะโกรธ แต่ควรโกรธเรื่องอะไรล่ะ?

ต่อให้เขาโกรธ เวินจิ้งก็ไม่สนใจเขาอยู่ดี

“ดูแลตัวเองดีๆ มีปัญหาอะไรก็โทรหาผม” โจวเซินกำชับ

“อืม”

เมื่อเห็นโจวเซินเดินออกจากบ้านไป เวินจิ้งถึงได้ค่อยๆผ่อนคลาย ครึ่งเดือนงั้นเหรอ……

ครึ่งเดือนต่อมา เธอก็คงย้ายบ้านออกไปแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็คิดว่ารอให้แม่ลงมากินอาหารเช้า แล้วจะพูดถึงเรื่องนี้

“แกจะย้ายออก? เพราะโจวเซินใช่ไหม?” หลินเวยรีบรับรู้ถึงสาเหตุได้ในทันที

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ไม่ได้พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ส่ายหน้า

แต่หลินเวยก็รู้จักนิสัยเวินจิ้งดี ถึงได้ถอนหายใจออกมา “แม่ไม่อยากให้แกย้ายออกไป”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท