Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 600

ตอนที่ 600

บทที่ 600 ผมชอบผู้หญิงที่เชื่อฟัง

“แม่คะ ที่โรงพยาบาลมีหอพักอยู่นะ เวลาไปทำงานฉันจะได้สะดวกไง”

หลินเวยขมวดคิ้ว ยังคงมีท่าทีไม่เห็นด้วยอยู่

กว่าเธอจะได้ลูกกลับคืนมา ก็อยากจะให้เวินจิ้งอยู่ข้างกายตัวเองเป็นธรรมดา

อีกอย่างตอนนี้เธอก็ตัวคนเดียวด้วย แล้วหลินเวยจะสบายใจได้ยังไง

“งั้นแกรับปากได้ไหมล่ะ ว่าจะยอมทำความรู้จักกับผู้ชายคนอื่นน่ะ หืม?”

เวินจิ้ง “………”

เธอค่อนข้างจะประหม่า ในสายตาของเธอ ผู้ชายคนไหน ก็เทียบมู่วี่สิงไม่ได้สักคน

ใครก็ไม่เหมือนเขา

“แม่จะให้แกเลือกคุณชายจากสองสามตระกูลนี้ แกลองดูสิว่ามีใครเข้าตาแกไหม?” พูดจบ หลินเวยก็ยื่นหน้าจอไอแพดมาตรงหน้าเธอ รูปภาพล้วนแล้วแต่เป็นรูปที่ถ่ายจากกล้องสด ไม่มีร่องรอยของการแต่งรูปเลย

เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่ว่าเพราะอยากย้ายออก เธอจึงยื่นมือไปหยิบไอแพดมาดู

แต่ละคนก็ดูสุภาพเรียบร้อย แต่ก็มีบางคนที่ดูโดดเด่นอยู่บ้าง

แต่ทว่าในใจ กลับไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ

เธอไม่ได้สนใจคนในรูปเลยสักคน

“แกเลือกมาสักคนสิ แม่จะได้นัดเวลาทานข้าวให้” หลินเวยพูดอย่างกระตือรือร้น

จริงๆแล้วเธอแค่หวังว่าจะมีใครสักคนมาดูแลและอยู่ข้างๆเวินจิ้งก็เท่านั้น เวินจิ้งเอาแต่สนใจเรื่องงาน ไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลยสักนิด พอเห็นแบบนั้นแล้วคนเป็นแม่อย่างเธอก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

“คนนี้ก็ได้ค่ะ” จริงๆแล้วเวินจิ้งไม่ได้ตั้งใจดูสักเท่าไหร่ แค่ชี้นิ้วเลือกส่งๆไปก็เท่านั้น

“โอเค แม่จะจัดการนัดให้สุดสัปดาห์นี้แหละ” หลินเวยพูดขึ้นมาอย่างพอใจ

เวินจิ้งดึงริมฝีปากขึ้น ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ไหนๆเมื่อก่อนตัวเองก็เคยดูตัวมาแล้วบ่อยครั้ง พูดได้เลยว่ามีประสบการณ์มาพอสมควรเลย

แต่ทว่าตอนนี้ฐานะของเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว คงไม่ได้เจอคนแปลกๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะมั้ง

เมื่อคิดถึงเรื่องดูตัว เธอก็คิดถึงมู่วี่สิง แม้ว่าเธอกับมู่วี่สิงจะไม่ได้คบกันจากการดูตัว แต่ก็เพราะว่าการดูตัว ถึงทำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน

เมื่อนึกไปถึงตอนที่ได้รู้จักกัน มุมปากของเวินจิ้งก็หลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่ไม่นานก็เก็บสีหน้าท่าทางเอาไว้ได้

พูดไว้แล้ว ว่าจะไม่คิดถึงเขาอีก

เวินจิ้ง ห้ามคิดถึงเขาอีกเด็ดขาด……

เมื่อออกจากบ้านมา เวินจิ้งก็ได้รับสายโทรศัพท์

เบอร์นี้ เป็นเบอร์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเธอไม่เคยลืมเลือนไปเลยสักครั้ง

แต่ว่า มู่วี่สิงโทรมาหาเธอทำไม?

เธอไม่อยากได้ยินเสียงเขา แต่จิตใต้สำนึกก็บอกให้เธอกดรับสาย

“ฮัลโหล”

“วันนี้ผมจองที่นั่งไว้ที่โรงแรมซียี่แล้ว ถ้าอยากให้เซ็นข้อตกลงให้ก็มากินข้าวกับผม”

“แค่กินข้าวอย่างเดียว?” เวินจิ้งถามขึ้นอย่างเคลือบแคลง

“อืม หรือว่าคุณอยากทำอย่างอื่น?” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหยอกล้อ

เวินจิ้งเบ้ปาก เธอไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่นสักหน่อย แต่ถ้าเป็นมู่วี่สิงก็ไม่แน่

“เดี๋ยวฉันไป” พูดจบ เธอก็หมุนตัวเลี้ยวกับอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงร้านอาหาร ผู้จัดการก็ออกมาต้อนรับเธอด้วยตัวเอง คิดว่าต้องเป็นมู่วี่สิงสั่งมาแน่ๆ

บริเวณที่นั่งติดหน้าต่าง เวินจิ้งเห็นแผ่นหลังสูงโปร่งของใครบางคน จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

เธอกัดฟัน แล้วเดินเข้าไปหา

เขาสั่งอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพียงแต่ว่าข้างบนนั้น ไม่มีอาหารที่เธอชอบเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเป็นอาหารที่เธอไม่ชอบหรือแม้กระทั่งของที่เธอแพ้ก็มี

เธอบีบจมูก จากนั้นก็นั่งลงอย่างแข็งทื่อ

“ศาสตราจารย์มู่”

“อืม นั่งลงสิ”

สายตาของเขาไม่ได้มองมาที่เธอ กำลังรับประทานอาหารอย่างมีความเป็นผู้ดี

เวินจิ้งไม่คิดที่จะกิน หยิบเอาเอกสารข้อตกลงออกมา

เขาเหลือบมองการกระทำของเธอ จากนั้นริมฝีปากบางก็กระตุกขึ้นพูดว่า “กินข้าวก่อน”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว พยายามมองหาอาหารที่เธอพอจะกินได้ แต่กลับ….ไม่มีเลย

มีแต่อาหารที่เธอไม่ชอบทั้งนั้น

ผ่านไปพักใหญ่ เธอจึงคีบกุ้งชิ้นหนึ่งเข้าปาก แล้วเคี้ยวให้ละเอียดก่อนค่อยๆกลืนลงไป

รสชาติของกุ้งคละคลุ้งไปด้วยรสชาติของผักโขม ซึ่งเป็นรสชาติที่เธอไม่ชอบมากที่สุด

เพียงแต่ว่ามู่วี่สิงในตอนนี้ไม่ใช่มู่วี่สิงคนก่อนแล้ว เธอจึงไม่กล้าคายออกมาต่อหน้าเขา พยายามฝืนตัวเองให้กลืนมันลงไป

ข้าวมื้อนี้ เป็นอะไรที่ทรมานมาก แม้ว่าเวินจิ้งจะกินไปแค่นิดเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกแย่

มู่วี่สิงรู้ดีว่าเธอชอบกินอะไร แต่เขาก็จงใจสั่งของที่เธอไม่ชอบมาทรมานเธอ

เวินจิ้งหลุบตาลง ความหม่นหมองในดวงตาแพร่กระจายไปทั่ว

“ตอนนี้เซ็นได้หรือยัง? ประธานมู่?” เวินจิ้งวางตะเกียบลง แล้วมองเขาอย่างเย็นชา

มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นมอง สายตาจดจ้องไปยังคอของเวินจิ้ง ตอนนี้ตุ่มแดงๆเริ่มผุดขึ้นมาแล้ว ภูมิแพ้ของเธอเริ่มออกอาการแล้ว

เขากำตะเกียบไว้แน่น จากนั้นก็ย้ายสายตาหนีอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปากอย่างสง่า แล้วพูดเสียงหนักว่า “เราต้องไปโรงพยาบาล”

“ห๊ะ?” เวินจิ้งไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ

“คุณแพ้อาหาร” เขาพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย

จริงๆแล้วเวินจิ้งก็เริ่มมีอาการแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามู่วี่สิงต้องทำเป็นนิ่งๆเข้าไว้ แต่ดูเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวเริ่มจะออกอาการคันแล้ว

“เดี๋ยวฉันไปเอง ตอนนี้รบกวนคุณมู่เซ็นให้ก่อนเถอะค่ะ ฉันต้องเอาไปส่งแล้ว” เวินจิ้งยังคงดื้อดึงส่งเอกสารไปให้

ใบหน้าของมู่วี่สิงไม่มีอารมณ์ใดๆ เขาไม่ได้รับเอาเอกสารมา

“ไปโรงพยาบาลกับผม” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำสั่ง

เวินจิ้งมองเขา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเริ่มจะข่มความโกรธไว้ไม่อยู่แล้ว “มู่วี่สิง เล่นสนุกพอหรือยัง คุณพูดเองว่าถ้าฉันมากินข้าวด้วยคุณถึงจะเซ็นให้!”

ตอนนี้ยังต้องไปโรงพยาบาลกับเขาอีกงั้นเหรอ? ไม่มีใครรู้หรอกว่ามู่วี่สิงยังจะแกล้งอะไรเธอบ้าง

ผู้ชายคนนี้ ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ……

“ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไม่เซ็น เวินจิ้ง คุณรู้ดี ว่าผมชอบคนที่พูดง่าย ไปโรงพยาบาลกับผมเดี๋ยวนี้”

พูดจบ เขาก็เดินนำเวินจิ้งไปก่อนแล้ว

เวินจิ้งเดินตามเขาไปอย่างกระฟัดกระเฟียด เธอไม่อยากจะขึ้นรถหรูคันสีดำที่จอดรออยู่ข้างนอกเลยแม้แต่นิด

มู่วี่สิงนั่งอยู่ข้างๆ เธอจึงขยับเข้าไปติดประตูรถ เว้นที่ว่างให้กว้างขึ้น ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนจึงเหลือเกือบๆหนึ่งเมตร

เวินจิ้งรู้สึกคัน จนต้องเกาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ว่าวินาทีต่อมา มือของมู่วี่สิงก็ยื่นออกไปจับข้อมือของเธอเอาไว้

“อย่าเกา” น้ำเสียงของเขาทุ้มหนัก

เวินจิ้งไม่สนใจเขา เธอทนไม่ไหวจริงๆ

เพียงแต่ว่าไม่ทันที่เธอจะยกมืออีกข้างขึ้นมา มู่วี่สิงก็จับเอาไว้แน่น

เธอจึงถูกเขาล็อกไว้ในอ้อมกอดโดยสมบูรณ์แบบ

เมื่อได้อยู่ในระยะห่างที่คุ้นเคยกรอบตาของเธอก็เริ่มร้อนผ่าว แต่เธอก็กัดริมฝีปากกลั้นมันเอาไว้

เธออยากผลักมู่วี่สิงออก แต่กลับสู้แรงเขาไม่ได้เลย

“มู่วี่สิง ปล่อยฉันนะ!” เวินจิ้งพูดอย่างโกรธๆ เพราะมือถูกจับกุมเอาไว้ จึงทำได้แค่ยกขาถีบไปมา

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ปล่อยให้เวินจิ้งถีบอยู่อย่างนั้น แต่ก็จับข้อมือขอเธอเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้เธอสัมผัสผิวหนัง

ทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเวินจิ้งก็หมดแรง ทำได้เพียงเอนซบอยู่ในอ้อมกอดของมู่วี่สิง

อ้อมกอดนี้ เธอโหยหามันมาตลอดหลายปี แต่ว่าตอนนี้ มีแต่อยากขัดขืน

เธอเกลียดมู่วี่สิงในตอนนี้ที่เอาแต่เล่นงานเธออยู่อย่างนี้

“มู่วี่สิง คุณมากอดฉันอย่างนี้ หลิงเหยาจะหึงเอานะ” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา

“ก็ตอนนี้เธอไม่อยู่นี่ ไม่ใช่หรือไง?” ในน้ำเสียงของมู่วี่สิงมีแต่ความประชดประชัน

“คุณแอบกะล่อนกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธอแบบนี้เองหรอกเหรอ?” เวินจิ้งหรี่ตาลง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเหมือนกัน

ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงก็ทำหน้านิ่งเฉยเหมือนเคย “คุณคิดว่าตอนนี้ผมกะล่อนมากเหรอ?”

“ใช่” เวินจิ้งยอมรับ

ก็มากอดกันถึงขนาดนี้

“อืม” เขาตอบกลับอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

เวินจิ้งรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาอีก บรรยากาศภายในรถหรูจึงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน จนกระทั่งในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาล

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท