บทที่ 622 เชื่อฉันได้ไหม
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากหลินเวย หยูจิ่งห้วนก็รีบมาที่บ้านตระกูลโจวทันที
“เสี่ยวจิ้งขังตัวเองอยู่ในห้องหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว”
หยูจิ่งห้วนเต็มไปด้วยความกังวลบนใบหน้า เขารีบเดินขึ้นไปที่ห้องของเวินจิ้งและเคาะประตูอยู่เรื่อยๆ
เวินจิ้งยังนอนหลับอยู่ ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้นอนยาวแบบนี้นานมากแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าเป็นคนรับใช้ เธอใส่เสื้อคลุมแล้วก็เปิดประตู
แต่เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างนอก ร่างกายของเธอก็แข็งไป
ในวินาทีต่อมา เธอก็ล็อคประตูทันที
หันไปมองผมยุ่งๆของเธอในกระจก เวินจิ้งแทบอยากจะกรี๊ดออกมา
ในเวลานี้ หยูจิ่งห้วนก็อึ้งไปเหมือนกัน
ท่าทางของเวินจิ้งเมื่อกี้… มันจริงกับชีวิตเหลือเกิน
ผมยุ่งเหยิง ผิวของเธอขาวสดใสมาก ใส่แต่เสื้อคลุมลายสพันจ์บ็อบสแควร์แพนส์ ทันใดนั้นเขาก็นึกคำออกคำหนึ่งว่าน่ารัก
เขายิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก
ผ่านไปยี่สิบนาที เวินจิ้งเปิดประตูอีกครั้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและหวีผมอย่างเรียบร้อย
“คุณมาได้ยังไง” เธอมองเขาอย่างโกรธๆ
“ป้าหลินบอกว่าคุณขังตัวเองอยู่แต่ในห้องทั้งวันทั้งคืน”
“ฉันกำลังนอนอยู่” เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม
“ตอนนี้คุณนอนหลับเพียงพอหรือยัง”
“คุณทำให้ฉันตื่นแล้ว”
“ขอโทษนะ ผมแค่เป็นห่วงคุณมาก”
“ฉันไม่เป็นไร หรือว่าคุณคิดว่าฉันจะฆ่าตัวตายเหรอไง” เวินจิ้งพึมพำ
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่คุณเข้มงวดกับตัวเองมาตลอด เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคุณต้องโทษตัวเองแน่”หยูจิ่งห้วน มองเธออย่างจริงจัง
“ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องห่วงหรอก ”
“ในเมื่อคุณไม่เป็นอะไร งั้นก็ไปงานฉลองกับผมดีไหม”หยูจิ่งห้วนผายมือขึ้นอย่างสุภาพบุรุษ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “งานฉลองอะไร”
“การผ่าตัดร่วมกันครั้งแรกของเราประสบความสำเร็จ โรงพยาบาลหนานเฉิงจะจัดงานเฉลิมฉลองในคืนนี้”
“ฉันไม่ไป” เวินจิ้งส่ายหัว
“ถือว่าไว้หน้าฉันนะ แถมคุณก็เป็นตัวเอกด้วย เวินจิ้ง ในห้องผ่าตัดคุณทำได้ดีมากแล้ว”
“อย่าปลอบฉันเลย”
“เวินจิ้ง เชื่อใจฉันได้ไหม” เสียงของหยูจิ่งห้วนอ่อนโยนมาก
เมื่อก่อนก็เคยมีคนๆหนึ่งถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า—เชื่อใจฉันได้ไหม
แต่ความเชื่อของเธอไม่สามารถทำให้สองคนไปต่อด้วยกันได้
เธอยิ้มอย่างประชดประชันขึ้นมา
รอยยิ้มนี้ทำให้หยูจิ่งห้วนแปลกใจเบาๆ
“เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนกระโปรงก่อนนะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของเวินจิ้ง หยูจิ่งห้วนก็ยิ้มขึ้นเบาๆ
ก่อนออกจากบ้าน เวินจิ้งกินอะไรรองท้องก่อนถึงออกไป
“คุณไม่ได้พักผ่อนมานานแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นรอยคล้ำที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าของหยูจิ่งห้วน เวินจิ้งก็ถามอย่างกะทันหัน
“ฉันจัดการเรื่องต่างๆในโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนถึงเมื่อกี้ ฉันก็ชินแล้ว”หยูจิ่งห้วนยิ้ม
“นี่จะทำให้แก่เร็วนะ” เวินจิ้งแซวเล่น
“ตอนนี้คุณคิดว่าฉันแก่แล้วหรือ” หยูจิ่งห้วนสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งเงียบทันที เมื่อเธออยู่กับหยูจิ่งห้วน เธอก็รู้สึกสบายใจเสมอ
แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
เขามีเสน่ห์สำหรับเธอ แต่ความดึงดูดแบบนี้ อาจเป็นเพราะออร่าของเขาคล้ายกับมู่วี่สิงมาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สองคนก็มาถึงโรงแรมที่จัดงานเฉลิมฉลอง
ในห้องจัดเลี้ยงนั้นน่าตื่นตาตื่นใจมาก
คนที่มาร่วมงานฉลองส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์และอาจารย์ชั้นนำในวงการ และส่วนใหญ่ก็รู้จักกัน
หยูจิ่งห้วนเพิ่งจบการศึกษาในต่างประเทศกลับมาไม่นาน ไม่ได้รู้จักคนในประเทศมากเท่าไหร่ แต่เวินจิ้งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยF และยังทำงานในโรงพยาบาลเหรินหมินของมหาวิทยาลัยFด้วย คนที่รู้จักเธอก็เลยไม่น้อย
เธอเดินอยู่ข้างๆหยูจิ่งห้วน แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนสนใจหยูจิ่งห้วนมากกว่า
แพทย์คนนี้ที่เข้าร่วมการผ่าตัดกับเวินจิ้ง ได้รับความสนใจและยกย่องในระดับสูงภายในเวลาเพียงวันเดียว
“หมอหยู คุณมีชื่อเสียงแล้วนะ ” เวินจิ้งชนแก้วกับเขา
แต่ทันทีที่เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา หยูจิ่งห้วนก็หยิบแก้วไวน์ในมือของเธอออกไป
“คืนนี้ห้ามดื่มไวน์ ”
“ไวน์นี้มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก”
“นั่นก็ไม่ได้ ป้าหลินบอกว่าช่วงนี้ คุณสุขภาพไม่ค่อยดีและให้ฉันดูแลคุณด้วย ”
“คุณฟังแม่ของฉันแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เวินจิ้งรู้สึกแบบเอือมระอา
ในเวลานี้ มีเสียงอุทานดังขึ้นอยู่ไม่ไกลอย่างกะทันหัน เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นสองคนที่คุ้นเคยเดินเข้ามาจากประตู
หลิงเหยาที่ใส่ชุดกระโปรงหางปลาทูเล่ เดินไปกับมู่วี่สิงที่ใส่ชุดสูทแฮนด์เมดสีดำ เกือบจะดึงดูดสายตาไปทั่วห้องจัดเลี้ยง
เวินจิ้งยืนอยู่ในที่ที่ค่อนข้างมืด เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เธอไม่อยากให้มู่วี่สิงเห็นเธอ
“เจ้านายของฉันมาแล้ว”หยูจิ่งห้วนยิ้ม
“คุณจะไปทางนั้นไหม ฉันอยู่คนเดียวได้”
“อืม ฉันจะทักทายหน่อย คุณไม่ไปกับฉันหรอ”
เวินจิ้งส่ายหัว “ฉันยังกินไม่อิ่มเลย”
เวินจิ้งรีบหันหลังเดินไปที่บริเวณรับประทานอาหาร หยูจิ่งห้วนมองเธอไปอย่างเร่งรีบ ทำไมดูเหมือนว่าเธอกำลังหนีมู่วี่สิงอยู่
จริงๆแล้วเวินจิ้งไม่อยากกินอะไรอยู่แล้ว เมื่อมองเค้กที่สวยงามอยู่ตรงหน้า เธอกลับรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย
เลยเดินไปที่ห้องน้ำ เพิ่งเข้าไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแต่งหน้าอยู่
ในแสงไฟสว่างไสวของห้องน้ำ เธอกำลังทาแป้งบนใบหน้า เวินจิ้งมองไปจากด้านข้าง และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเธอหลายครั้ง
เด็กผู้หญิงคนนี้ดูอายุน้อยมาก ท่าทางการแต่งหน้าก็ไม่คุ้นเคยมือ อาจเป็นเพราะเนื้อแป้งไม่ละเอียดอ่อนและดูหยาบกว่าเดิมเมื่อทาไป
เมื่อสังเกตว่ามีคนมองอยู่ เธอก็ยิ่งดูไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และมือก็สั่นเบาๆด้วย
“คุณก็เป็นแขกรับเชิญของคืนนี้ด้วยเหรอ” เสียงของหญิงสาวนั้นค่อนข้างอาย ดวงตาขาวดำมองเวินจิ้งอย่างไร้เดียงสา
เธอพยักหน้าและรีบมองไปทางอื่น
ออกมาจากห้องน้ำ หยูจิ่งห้วนก็มาทางนี้พอดี เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะไปหาเวินจิ้ง
“ไม่ได้กินอะไรเหรอ” เขาถาม
“ฉันดูเหมือนจะไม่มีความอยากอาหาร” เวินจิ้งพูดตามตรง
“รู้สึกเบื่อหรือเปล่า เรากลับกันเลยมั้ย” อันที่จริงยูจิ่งห้วนไม่ชอบมางานแบบนี้ แต่ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมก็จำเป็นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโลกของผู้ใหญ่
เวินจิ้งพยักหน้า เมื่อกี้ก็ไปทักทายกับคนที่รู้จักหมดแล้ว และเธอไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับการผ่าตัดของเมื่อวานนี้ สำหรับเธอแล้ว ยังไงก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด
ในขณะที่เพิ่งออกจากทางเดิน มู่วี่สิงก็ยืนอยู่ไม่ไกล และสถานที่ที่เขากำลังมองอยู่ คือเด็กผู้หญิงที่แต่งหน้าในห้องน้ำของเมื่อกี้
ในระยะที่ไม่ใกล้มาก แต่เวินจิ้งรู้สึกว่า … ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแสงที่สว่างมาก
มู่วี่สิงที่เป็นแบบนี้ กับผู้ชายที่เย็นชาเฉยเมยตลอด มันค่อนข้างแตกต่างมาก
เขาไม่ได้สังเกตเห็นสายตามองของเวินจิ้ง และเวินจิ้งก็ไม่ได้หันหน้าไปทันที จนกระทั่งเสียงของหยูจิ่งห้วนดังขึ้นในหู เขาถามว่า “คุณกำลังมองผู้หญิงคนนั้นอยู่เหรอ”